141 – เป็นผมที่ยังไม่เข้าเรื่องเอง
โจวเจ๋อขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ และเขามองเห็นสถานการณ์ภายในที่กําลังเต็มไปด้วยความสับสน เขาเห็นกลุ่มคนมีชีวิตจํานวนมากกําลังวิ่งไปรอบๆพร้อมกับกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
เหล่าเต๋าก็มองเห็นความวุ่นวายนี้เช่นกัน ต่อให้เขาไม่รู้ว่ามีใครที่กําลังไล่ล่าคนพวกนั้นแต่เขาก็สามารถสัมผัสได้จากความวุ่นวาย
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปขอไฟแช็คกับเหล่าเต๋า เมื่อต่อบุหรี่มวนนั้นแล้วเขาก็พูดกับชายชราว่า
“อยู่ที่นี่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ด้วยเหตุนี้โจวเจ๋อจึงเปิดประตูและเดินเข้าไปด้วยไม้ค้ํา
เหล่าเต๋ารีบตามเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว แม้ในความเป็นจริงแล้วเขาจะดูไร้สาระไปวันๆ แต่เขาก็เป็นคนที่ยึดมั่นในมิตรภาพ ตอนนี้เจ้านายพิการของเขากําลังเผชิญกับอันตราย
สําหรับชายชราเขาคิดว่าอย่างน้อยตายด้วยกันก็ยังดี
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาเพิ่งเดินเข้ามาเหล่าเต๋าก็สัมผัสได้ถึงความเย็นหลังต้นคอของเขา มันเป็นความรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนใช้นิวเย็นๆถูไถไปที่ลําคอของเขาอย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้น พยาบาลสาวคนหนึ่งก็วิ่งไปหาเหล่าเต๋าและล้มลงต่อหน้าเขา เหล่าเต๋ารีบก้มลงช่วยเธอ
“คุณโอเคไหม เป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อช่วยเหลือผู้คนการประคองมือของฝ่ายตรงข้ามจะเป็นไปตามจิตใต้สํานึก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เต๋เต๋แปลกใจคือ ความรู้สึกนุ่มนวลไม่ปรากฏ พยาบาลสาวชักมือของเธอออกจากมือของเหล่าเต๋าก่อนจะแทงเข้าไปในหน้าอกของตนเอง
“ฟอ…”
เหล่าเต๋าสูดลมเข้าไปอย่างหนาวเหน็บแล้วถอยหนีอย่างรวดเร็ว แต่พยาบาลคนนั้นยังคงไล่ตามเขาไม่หยุด
“หม่าม้า ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
พยาบาลที่อยู่ด้านหน้าเงยหน้าขึ้นทันที
ใบหน้าของเธอเริ่มหยาบกร้านและบวมเป่ง มีหลุมบ่อบนใบหน้าของเธอ หนอนและสัตว์เลื้อยคลานกําลังเวียนวนผ่านรูพวกนั้น
เธอเปิดปากที่เต็มไปด้วยฟันสีเหลืองออกมา กลิ่นเหม็นเน่าลอยฟุ้งกระจาย
“กี่โมงแล้ว ฉันตายแล้วเหรอ?”
พยาบาลถามชายชรา
เหล่าเต๋าหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ เขาล้วงไปที่เป้ากางเกงของตัวเองเพื่อจะหยิบยันต์สีแดงแผ่นนั้นออกมา
แต่เขาเผอิญนึกขึ้นได้ว่าในตอนที่ยันต์เกิดไฟลุกท่วมเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งมันไว้ข้างนอก
และการเคลื่อนไหวนี้ก็ดึงดูดความสนใจของพยาบาลสาวได้สําเร็จ ทันใดนั้นมือของเธอก็บีบไปที่เป้าของเขาอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!!”
เหล่าเต๋าคิดว่าในช่วงเวลานั้นปืนต่อสู้อากาศยานของเขาได้เปลี่ยนเป็นหนอนผีเสื้อในทันที
มือของพยาบาลสาวนั้นเย็นยะเยือก เย็นจนชายชรารู้สึกหวาดกลัว
ความรู้สึกนี้เหมือนกับการเต้นรูดเสาในสภาพเปลือยเปล่าบนยอดเขาเอเวอเรสต์ แม้ว่ามันจะน่าตื่นเต้นแต่ก็มีอันตรายถึงตาย!
เหล่าเต๋ารีบยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มีใครบางคนกําลังถือ “ปืน” กระบอกหนึ่งอยู่ ดังนั้นการมอบตัวจึงเป็นการกระทําของจิตใต้สํานึก!
” พอได้แล้ว!”
มันเป็นเสียงของโจวเจ๋อ
เหล่าเต๋าคิดว่าเสียงของโจวเจ๋อในตอนนี้ไพเราะยิ่งกว่าเสียงของนักร้องที่ร้องเพลงได้ดีที่สุดเสียอีก น่าเสียดายที่เขามองไม่เห็นว่าเจ้านายยืนอยู่ตรงไหน!
“ดงดง…”
เสียงสัญญาณของนาฬิกาดังขึ้น
ภาพทั้งหมดรอบๆหายไป และความรู้สึกสยองขวัญรวมถึงความหนาวเย็นตรงบริเวณเป้าของเหล่าเต๋าก็หายไปเช่นกัน
ชายชรารู้สึกอ่อนแรงแทบจะล้มลงไปกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นโจวเจ๋อยืนอยู่ข้างนาฬิกาขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา
ในมือของโจวเจ๋อมีเข็มนาฬิกาที่เพิ่งถูกหักออกมา
บนพื้นซีเมนต์ มีเสียงเสียดสีเหมือนเสียงลวดขาด แต่มันรุนแรงและทําให้คนรู้สึกปวดชา
เหล่าเต๋ามองไปรอบๆตัว มีแพทย์และพยาบาลหลายคนนอนอยู่ตรงนั้น รวมถึงรปภ.ที่ทางเข้าด้วย เขานอนอยู่บนพื้นแต่ยังคงมีชีวิตอยู่
“บอกฉันที่ ฉันตายไปเมื่อไร”
จากหลังนาฬิกาใหญ่ ผู้หญิงชุดขาวปืนออกมา ผู้หญิงคนนั้นจ้องไปที่เหล่าเต๋าอย่างว่างเปล่า ทําให้เขากลัวจนตัวสั่น
เหล่าเต๋าแอบชี้นิ้วไปที่โจวเจ๋อซึ่งอยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ตามที่คาดไว้ ผีสาวรีบหันไปมองโจวเจ๋อที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ในเวลานี้สายตาของโจวเจ๋อเต็มไปด้วยความผิดหวัง นี่เป็นความผิดหวังที่แท้จริง
ในชีวิตที่แล้วโจวเจ๋อเป็นหมอ เขายึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพมาโดยตลอด
แม้ว่าเขาจะไม่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ในการ “ช่วยชีวิตของคนทั้งโลก” และความรู้สึกของการอุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัว แต่เขายังคงยึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพอยู่เสมอ
โรงพยาบาลขนาดเล็กแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุดของผู้ที่ประกอบวิชาชีพแพทย์อย่างพวกเขา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี้มันขัดแย้งกับความรู้สึกของคนเป็นหมออย่างพวกเขาจริงๆ
แพทย์และพยาบาลทุกคนนอนหมดสติอยู่ที่พื้น แต่โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกเห็นใจพวกเขา
คนเหล่านี้ได้ละเมิดความซื่อตรงของตนเอง ละเมิดหน้าที่ของแพทย์
พวกเขาเรียนรู้ความสามารถในการรักษาผู้ป่วยและช่วยชีวิตผู้คน แต่สิ่งที่พวกเขาทํามีเพียงแค่จดบันทึกและตรวจร่างกายของผู้ปวยโดยไม่ลงมือช่วยเหลือ แล้วเฝ้าดูคนไข้ตายด้วยสายตาเย็นชา
ดังนั้นคนเช่นนี้จะไม่มีคุณสมบัติให้เขาช่วยชีวิต การช่วยเหลือชีวิตพวกเขายังเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามของผู้พิทักษ์หยินหยาง
ใช่! โจวเจ๋อต้องการให้พวกเขาทุกคนตาย
ไม่ว่าจะด้วยแรงกระตุ้นหรือในจิตวิญญาณ ตอนนี้โจวเจ๋อต้องการให้ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ต้องตายอย่างทรมานที่สุด!
การเล่นกับชีวิตมนุษย์เป็นการดูหมิ่นสวรรค์ โจวเจ๋อในฐานะชายผู้ล่วงลับไปแล้วครั้งหนึ่งจึงเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของชีวิตมากที่สุดคนหนึ่ง
ในเมื่อคนพวกนี้ไม่ปฏิบัติต่อคนอื่นในฐานะเพื่อนมนุษย์ดังนั้นพวกเขาก็จะได้รับการปฏิบัติจากโจวเจ๋อเหมือนสัตว์เช่นกัน
น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงผีที่งี่เง่าคนหนึ่ง โจวเจ๋อให้โอกาสเธอได้ลงมือแก้แค้นอย่างลับลับ เขาช่วยปลดปล่อยเธอให้มีโอกาสได้ฆ่าคนพวกนี้ทั้งหมด
แต่การแก้แค้นของเธอเพียงทําให้ทุกคนหวาดกลัวเท่านั้น?
ผีผู้หญิงคนนั้นยังคงเดินเข้าหาโจวเจ๋อ
“ตอนที่ฉันตายเวลาเท่าไหร่? บอกฉันที ฉันขอร้อง”
โจวเจ๋อก้มลงช้าๆมองดูใบหน้าของเธอแล้วถามว่า
“คุณไม่เกลียดพวกเขาเหรอ?”
“กี่โมงแล้ว” ผียังคงมุ่งมั่นกับคําถามของตัวเอง
โจวเจ๋อชี้ไปที่พยาบาลและแพทย์หลายคนที่หมดสติและถามว่า
“คุณไม่อยากแก้แค้นหรือ?”
“บอกมาว่ากี่โมงแล้ว ถ้าฉันตายไม่ทันสามีของฉันจะไม่มีเงินไปไถ่ตัวลูกชายของเรา
บอกฉัน บอกฉันที ตอนนี้กี่โมงแล้วฉันต้องตายตามเวลาที่กําหนด ครอบครัวของฉันต้องการเงิน ลูกชายของฉันต้องการเงิน กี่โมงแล้ว?บอกฉันที บอกฉันที”
ผีผู้หญิงดูเหมือนจะโกรธมาก โจวเจ๋อเมินคําตอบของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจึงเริ่มโกรธ โกรธมากและอยากจะบีบคอโจวเจ๋อ!
โจวเจ๋อตกตะลึงครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ฆ่าหมอและพยาบาลพวกนั้น แต่เธอกําลังจะฆ่าเขาแทน?
หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่า..”
“หัวเราะอะไร ตอบฉันมาสิ กี่โมงแล้ว!”
โจวเจ๋อเหยียดมือออกเล็บนิ้วมือของเขาแทงเข้าไปในหน้าผากของผีผู้หญิงโดยตรงซึ่งทําให้เธอเจ็บปวดมาก
“เจ้านาย?” เหล่าเต๋าต้องการหยุดการกระทําของเขา
โจวเจ๋อหลับตาลง เขานึกถึงหญิงชราที่มาที่ร้านหนังสือในคืนนั้น เมื่อเธอตายไปแล้วเธอร้องไห้อย่างขมขื่น เขานึกถึงชายชราที่เฝ้ามองดูเวลาตายของตัวเอง
ชีวิตของผู้คนนั้นมีค่าก็จริงอยู่ แต่ชีวิตของทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นของตัวเอง!
โจวเจ๋อส่ายหัวแล้วกล่าวว่า
“ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองทําถูกแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วผมต่างหากที่แสไม่เข้าเรื่อง”
เหล่าเต๋ายังไม่เข้าใจ
โจวเจ๋อลืมตามองหมอและพยาบาลหลายคนนอนอยู่บนพื้นซึ่งพวกเขาตกอยู่ในอาการโคม่าอย่างรุนแรง
“ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกไม่ได้เกลียดชังคนพวกนี้อีกแล้ว”
“ทําไมล่ะ พวกมันเป็นแค่สัตว์กลุ่มหนึ่ง” ชายชราคัดค้าน เรื่องนี้เขาไม่เห็นด้วยจริงๆ
โจวเจ๋อมองดูผีผู้หญิงที่บิดตัวไปมาอยู่ใต้ฝ่ามือของเขาและพูดว่า
“ใช่แล้วพวกมันล้วนแต่เลวร้าย แต่ “คนจนล้วนเป็นคนน่ารังเกียจ”
*คนจนล้วนเป็นคนน่ารังเกียจ เป็นคําสุภาษิตจีนที่มีความหมายว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีด้านมืดในจิตใจ