157- หลวงจีน
หญิงสาวคนนั้นจากไปด้วยความผิดหวัง เธอรอจนถึงเที่ยงคืนแต่ก็ไม่เห็นชายหนุ่มแฟนคลับที่นัดไว้ เธอต้องการจะถามเขาว่าทําไมถึงผิดนัด แต่สิ่งที่เธออาจไม่รู้ก็คือชายคนนั้นได้จากโลกนี้ไปตลอดกาลแล้ว
ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาหาโจวเจ๋อเพื่อให้โจวเจ๋อส่งเขาไปนรก
โจวเจ๋อไม่ได้ถามเขาว่ายังต้องการอะไรอีกหรือเปล่าแต่ทําการเปิดประตูนรกโดยตรง
นี่เป็นการส่งคนตายลงไปนรกที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่โจวเจ๋อเคยทํา ไม่มีการต่อต้าน ไม่มีการดิ้นรน ไม่มีความไม่พอใจ มีแต่ความสงบเท่านั้น
หลังจากทําธุรกิจนี้เสร็จ โจวเจ๋อก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำและพักผ่อน
หลังจากที่พวกเขาย้ายร้านมาที่นี่ธุรกิจก็ดีขึ้นมาก เมื่อพวกเขามองดูเงินกระดาษที่ซ้อนกันอยู่เป็นจํานวนมากมันทําให้ทุกคนในร้านต่างรู้สึกสดชื่น
ในตอนที่โจวเจ๋อตื่นขึ้นอีกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว โจวเจ๋อลงไปชั้นล่างและเห็นเหล่าเต๋านั่งอยู่หลังบาร์กําลังหยอกล้อกับลิงน้อยอยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับเจ้านาย” เหล่าเด็กล่าวทักทาย
โจวเจ๋อพยักหน้า
เขานั่งลงบนโซฟาริมหน้าต่าง แล้ววันแห่งความเกียจคร้านและแสงแดดก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ชีวิตแบบนี้น่าหลงใหลจริงๆ โดยเฉพาะการมองดูผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนนอกถนนสายใต้
“เจ้านายจะดื่มอะไรหรือเปล่า” ไป๋อิ่งเดินมาหาเขาอยากรวดเร็วด้วยความรู้สึกผิด
โจวเจ๋อไม่ได้ตอบคําถามในทันทีเขามองไปที่ใบหน้าของไป๋อิ่ง เมื่อเธอลุกออกจากห้องในตอนสายมันทําให้การนอนของเขาถูกขัดจังหวะ
” ชา.”
ไป๋อิ่งรีบชงชาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเธอก็วางที่เขี่ยบุหรี่ไว้ที่โต๊ะด้านหน้าของโจวเจ๋อพร้อมกับช่วยเขาจุดบุหรี่
บางครั้งโจวเจ๋อก็สับสนเล็กน้อยไป๋อิ่งรู้หรือไม่ว่าคุณหนูไป๋สั่งเขาไว้ว่ายังไง ถึงแม้ว่าเธอจะรู้แต่ดูเหมือนว่าความเคารพที่เธอมีต่อคุณหนูไป๋ยังคงมีไม่เสื่อมคลาย
แต่ปัญหาบางอย่างไม่เหมาะกับการสนทนาในเชิงลึกมากเกินไปดังนั้นโจวเจ๋อจึงแสร้งทําเป็นไม่สนใจและดื่มชากับสูบบุหรี่ด้วยความสําราญ
กลางวันนั้นผีไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่พวกเขาจึงมีเวลาว่างค่อนข้างมาก
ในความเป็นจริงโจวเจ๋อยังคงชอบนั่งในร้านหนังสือและรอให้แขกมาที่ประตูของเขาเอง ดีกว่าต้องออกไปตะลอนข้างนอกเหมือนที่เขาทําอยู่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
โจวเจ๋อหยิบหนังสือพิมพ์วันนี้ขึ้นมาดู คดีการพนันอยู่ในระหว่างการจับกุมตัวคนร้าย ตํารวจทํางานเร็วมากผู้ที่อยู่เบื้องหลังและนักลงทุนของธุรกิจนี้ถูกลากตัวออกมาทีละคน
ในเวลานี้ ประตูร้านหนังสือที่อยู่ด้านหลังโจวเจ๋อก็ถูกผลักเปิดออก และคนที่เข้ามาก็ทําให้ดวงตาของเหล่าเต๋าเปล่งประกาย ซึ่งเผยให้เห็นแสงอันดุเดือดในทันที!
ไม่แปลกใจเลยที่จู่ๆเหล่าเตจะเป็นอย่างนี้ เพราะคนที่เข้ามาในร้านเป็นหลวงจีนที่มีแผลเป็นขนาดใหญ่บนศีรษะ ดูเหมือนว่าเขาเป็นโรคเรื้อนด้วย
หลวงจีนคนนี้มีความสูงประมาณ 160 cm เขาอ้วนนิดหน่อย สภาพของเขาเลวร้ายยิ่งกว่าเหล่าเต๋าเสียอีก
ตั้งแต่สมัยโบราณ หลวงจีนและนักพรตไม่ค่อยถูกกันมากนัก ในราชสํานักโบราณ เมื่อลัทธิเต๋ารุ่งเรืองนั่นหมายถึงการเสื่อมโทรมของพุทธศาสนา
หรือเมื่อพุทธศาสนารุ่งเรืองลัทธิเต๋ก็จะเสื่อมโทรมไปในเวลาเดียวกัน
ท้ายที่สุดแล้วประชากรย่อมมีอยู่อย่างจํากัด การสนับสนุนให้คนนับถือศาสนาหนึ่งย่อม หมายความว่าเป็นการแย่งชิงผู้ศรัทธาของอีกศาสนา
จากจุดยืนของเหล่าเต๋า ร้านหนังสือเป็นอาณาเขตของเขา และหลวงจีนคนนี้กล้าเข้ามาท้าทายเขาถึงอาณาเขต
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือหลวงจีนไม่ได้มองดูเหล่าเต๋เลย เมื่อเผชิญกับ “รัศมีความเป็นศัตรู” ที่เหล่าเปล่อยออกมาเขาเพียงแค่ยิ้มและเดินตรงไปยังฝั่งตรงข้ามของโจวเจ๋อและนั่งลง
” ชาหนึ่งถ้วย” หลวงจีนกล่าว
เหล่าเตส่งชาหนึ่งถ้วยให้เขาด้วยใบหน้ามืดมนและเตือนว่า
” ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำของร้านนี้คือ 100 หยวน นอกจากนี้ที่นี่ไม่รับทํานายดวงชะตา”
หลวงจีนผงกศีรษะเล็กน้อย เขามองดูเหล่าเต๋ด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า
” เราต่างกัน”
เราต่างกัน
เป็นประโยคที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ไม่เพียงดูถูกเหล่าเต๋าเท่านั้นแต่ยังยกระดับตัวเองอีกด้วย
คล้ายกับบอกในว่าคุณก็แค่พวกเรียนทฤษฎี ส่วนฉันเป็นนักปฏิบัติตัวยง
โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วฉีดใส่หน้าอีกฝ่าย
ไม่ใช่ว่าโจวเจ๋อต้องการสนับสนุนเหล่าเต๋าเพราะท้ายที่สุดลูกค้าก็คือลูกค้า
แต่ทันที่ที่อีกฝ่ายเข้ามาในร้านหนังสือโจวเจ๋อก็มีความรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
หลวงจีนคนนั้นไม่ได้รู้สึกอุ่นเคืองใจ แต่ประสานมือแล้วกล่าวว่า
“อามิตตาพุทธ”
เมื่อได้ยินคําสรรเสริญพุทธคุณนี้ จู่ๆจู่เจ๋อก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว ราวกับมดกําลังคลานอยู่บนร่างกายของเขา
ในทันใดนั้นนิ้วของโจวเจ๋อที่กําลังคืบบุหรี่กองออกเล็บยาวสีดําออกมาทันที
“ประสกโปรดใจเย็นก่อน อาตมามาที่นี่เพื่อดื่มชาและอ่านหนังสือไม่มีเจตนาสร้างความพยาบาทระหว่างพวกเรา”
หลวงจีนคลายมือหยิบถ้วยและจิบชา ในตอนนี้ความรู้สึกไม่สบายของโจวเจ๋อก็ลดลง
“มีอะไรไปทําก็ไปทําเถอะ” โจวเจ๋อพูดกับเหล่าเต้
เหล่าเด็ทําได้เพียงถอยกลับ
“ประสก การเปิดร้านนี้ในย่านใจกลางเมืองนั้นน่าสนใจจริงๆ มันเงียบสงบดี”
โจวเจ๋อไม่ได้ไม่ได้ตอบรับ
“อาตมาไปเที่ยวมาหลายเมือง วันนี้บังเอิญมาที่ตงเฉิง แต่กลับพบว่าเพื่อนเก่าสองคนหายไป
อาตมารู้สึกสงสัยจริงๆจึงได้สอบสวนในเรื่องนี้จนค้นพบว่าเพื่อนเก่าของอาตมาหายตัวไปในช่วงที่ประสกปรากฏตัวขึ้นในตงเฉิง”
“เพื่อนคุณสองคนเป็นใคร”
“คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุยังน้อย ส่วนอีกคนเป็นชายชราทํางานในวิหารขงจื้อ”
โจวเจ๋อคิดในใจว่าผู้หญิงคนนั้นควรจะเป็นคนที่สิงอยู่ในร่างกายน้องภรรยาของเขา ส่วนชายชราที่ทํางานในวิหารขงจื้อก็น่าจะเป็นคนแคระคนนั้น
“คุณมาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พวกเขาเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ เมื่อมีเหตุย่อมมีผล มันเป็นเรื่องของโชคชะตา ประสกไม่สามารถบังคับทุกอย่างได้ อาตมาแค่ต้องการเห็นประสกในวันนี้เท่านั้น”
“ตามสภาพของคุณดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขา”
หลวงจีนเป็นเพื่อนกับผี แค่ฟังดูก็น่าตลกแล้ว
จากนั้น โจวเจ๋อก็ไม่ได้พูดอะไร หลวงจีนก็เงียบเช่นกันทําให้บรรยากาศอัดขึ้นทันที
เมื่อชาเย็นหลวงจีนก็กล่าวขึ้นว่า
“อาตมามาที่นี่เพื่อสนทนาบางอย่างกับประสก ทุกครั้งที่อาตมาไปที่ใดที่หนึ่ง อาตมาจะตามหาผู้ดูแลเขตนั้นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ผมไม่สนใจทําเรื่องที่ไม่ได้เงิน”
“พุทธองค์ตรัสว่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเท่าเทียมกัน อันที่จริงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเท่านั้นแต่ยังเป็นสิ่งที่ตายแล้วด้วย เพียงแค่พวกเขาอยู่ในภพภูมิที่ต่างกันเท่านั้น
ในสายตาของอาตมา ผู้ที่แสวงหาความดีควรได้รับการยกย่องให้เป็นรากฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด บรรดาผู้กระทําความชั่วควรถูกลงโทษเพราะความโชคร้ายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
ดังนั้นวิญญาณชั่วร้ายที่หลงผิดย่อมสมควรได้รับโทษ แต่วิญญาณธรรมดาหรือผู้ที่อยู่ในโลกเพราะความหมกมุ่นหรือด้วยเหตุผลต่างๆพวกเขาเป็นคนที่น่าสงสารสมควรได้รับอิสรภาพ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการล่มสลายของคฤหาสน์ของฟูจุนแห่งภูเขาไท่ ความคุ้มครองพวกนี้ทั้งหมดจึงจบลงและวิญญาณที่อยู่ในเขตนี้ต้องถูกส่งลงนรกโดยไม่แยกแยะความดีความชั่ว
อาตมาไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมนี้ ดังนั้นอาตมาจึงมาเกลี้ยกล่อมประสก
ผีมีทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ รวมถึงข้อดีและข้อเสีย เราไม่ควรมองพวกเขาว่าเป็นสิ่งเดียวกัน มิฉะนั้นเราจะเป็นผู้ที่ประเสริฐแล้วได้อย่างไร ” หลวงจีนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
โจวเจ๋ออยากจะหัวเราะ นี่เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดในโลกเท่าเขาที่เคยได้ยิน