“คุณมาถึงไวกว่าที่ฉันคิดหลายนาที ช่วงหลายนาทีที่เหลือนี้ฉันจะไม่คิดเงิน ไปเถอะ ขึ้นไปข้างบน”
“ผมขึ้นไปแค่คนเดียว แต่คุณกลับพาคนไปด้วย มันเหมาะสมเหรอครับ” ซ่งชิงอู๋ชี้ไปทางอวี๋หมิงหลางอย่างมีมารยาท ความหมายชัดเจน เขาไม่อยากให้มีคนนอกอยู่ด้วย
“ผมอยากให้คุณผู้ชายท่านนี้วางใจปล่อยให้ภรรยาของคุณอยู่กับผม ถ้าเธอสามารถแก้ปัญหากวนใจของผมได้ ผมก็จะไม่แตะต้องเธอ”
ความหมายที่แฝงในคำพูดก็คือ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนจัดการปัญหาไม่ได้เธอก็จะถูกฆ่าตาย
อวี๋หมิงหลางแสยะยิ้ม “เหมาะไม่เหมาะคิดว่ามันขึ้นอยู่กับคุณเหรอ มาให้ลูกเชี่ยนของผมรักษาแล้วยังจะทำปากเก่ง อยากจะให้รักษาก็อยู่ ถ้าไม่ก็ไสหัวไปซะ”
ถ้าวัดกันเรื่องความแข็งแกร่งอวี๋หมิงหลางไม่เคยแพ้ ความเด็ดเดี่ยวของเขาทำให้ซ่งชิงอู๋ถึงกับต้องมองอวี๋หมิงหลางอยู่สักพัก สิ่งสำคัญคือมองยศของอวี๋หมิงหลาง
เมื่อวานไม่เห็น วันนี้ได้เห็นแล้ว
“เป็นแค่พันโทเบ่งขนาดนี้เลยเหรอ”
“ดูของแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร หน่วยที่ผมอยู่ไม่ดูของแบบนี้หรอก เขาดูตรงนี้ เข้าใจหรือยัง” อวี๋หมิงหลางชูกำปั้น ความหมายคือ ถ้าไม่ยอมจะสักหมัดมะ
“หมอเฉิน คุณว่าไง ผมจ่ายเงินเพื่อให้ทหารประเทศนี้มานั่งฟังเรื่องส่วนตัวผมเหรอ” ซ่งชิงอู๋ถามเสี่ยวเชี่ยน
“เขาไม่ใช่คนนอก เขาเป็นคนใน—” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ว่าอวี๋หมิงหลางกำลังถลึงตามองเธอ เธอแอบแลบลิ้นให้ในใจ
คนในหมายถึงภรรยา ที่อวี๋หมิงหลางถลึงตาใส่เสี่ยวเชี่ยนเพราะเขาพบว่าเธอเหมือนจะสื่อไปอย่างอื่น
“ผมไม่มีทางอนุญาตให้ทหารประเทศคุณรู้เรื่องของผม”
“ขอแค่คุณรับประกันว่าคุณจะไม่เบี้ยวค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ฉันก็รับประกันได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางถึงหูฝ่ายทหาร ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะทหาร แต่เขามาในฐานะที่เป็นคนใน ใช่ไหม คนใน”
อวี๋หมิงหลางกัดฟัน ผู้หญิงคนนี้จงใจใช่ไหม เรียกคนในซะคล่องปาก หรือเธอจะเก็บกดอีกหน่อยอยากเป็นคนขี่เขาแล้วเป็นฝ่ายรุกมากกว่า ก็ใช่ว่าจะไม่ได้นะ อย่างไรเสียเขาก็ชอบท่วงท่านั้น—เดี๋ยวนะ ไปไกลแล้ว
“ทำไมผมต้องเชื่อคุณด้วย” ซ่งชิงอู๋มองปฏิกิริยาของเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลาง ทั้งสงสัยทั้งวางใจในเวลาเดียวกัน
ผู้หญิงคนนี้ไม่มีใจให้ผู้ชายที่มากเสน่ห์อย่างอาเหม็ด แต่กลับชอบผู้ชายที่ดุร้ายแบบนี้น่ะเหรอ จากสายตาของเสี่ยวเชี่ยน ซ่งชิงอู๋รู้สึกได้ว่าเธอมีความรักให้ผู้ชายคนนี้แบบไม่ซ้อนเร้นเลยสักนิด ทำไมล่ะ
“ผู้ชายที่คุณคิดว่าดีมาก ใช่ว่าจะดีในสายตาฉันด้วย” เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลาง แต่กลับพูดในสิ่งที่ซ่งชิงอู๋คิด
ซ่งชิงอู๋อึ้งเล็กน้อย เขาเพิ่งจะรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ แต่กลับถูกเธอมองความคิดออก
คนแบบนี้ถ้ามาเป็นลูกน้องเขาไม่ได้งั้นก็…
“ถ้ากล้าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายผม ผมก็กล้าจะทำลายล้างครอบครัวของคุณ เริ่มจากพ่อแม่คุณ จากนั้นก็เบญจมาศอาเหม็ด วางใจได้ ผมจะเหลือคุณไว้ก่อน ให้คุณได้เห็นว่าผมฆ่าพวกเขายังไง”
คนที่พูดคือเสี่ยวเฉียง สองผัวเมียคู่นี้เหมือนอ่านใจกันออก
เสี่ยวเชี่ยนตั้งชื่อให้การรักษาครั้งนี้ว่า ส่งดอกไม้ อาเหม็ดจึงได้เลื่อนขั้นเป็นเบญจมาศอาเหม็ดอย่างเป็นทางการ
“คุณไม่กล้าหรอก ทหารอย่างพวกคุณเคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบ”
“ถึงขนาดที่เมียผมถูกรังแกแล้วผมยังจะสนเรื่องกฎระเบียบทำไมอีก ถึงตอนนั้นก็ถอดชุดทหารออก ใครแตะต้องเมียผมมันต้องตาย พอจบเรื่องแล้วค่อยฆ่าตัวตายตาม ไม่ทิ้งตราบาปไว้ให้ครอบครัว ครอบครัวทหารสามรุ่นไม่เคยมีใครปกป้องครอบครัวไม่ได้ ถ้าผมปกป้องเมียไม่ได้ก็อย่ามีชีวิตอยู่เลยจะดีกว่า”
ซ่งชิงอู๋มองอวี๋หมิงหลาง คล้ายกับกำลังวิเคราะห์คำพูดของเขาว่าจริงหรือหลอก
เสี่ยวเชี่ยนเอาตัวไปขวางอวี๋หมิงหลาง ท่าทางแบบนี้บางครั้งอวี๋หมิงหลางก็เอามาใช้เวลาที่มีคนจะมายุ่งกับเสี่ยวเชี่ยน ตอนนี้ประธานเชี่ยนทำบ้าง บทบาทสลับกัน
“ถึงผู้ชายของฉันจะเป็นคนยอดเยี่ยม ฉลาดหลักแหลม แต่คุณห้ามถูกใจเขา ถ้าคุณกล้ามาชอบเขา ฉันจะหาทางฆ่าคุณโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ตอนคุณมาคิดจะฆ่าฉันยังไงฉันก็จะทำแบบนั้นกลับ”
อวี๋หมิงหลางกับซ่งชิงอู๋สตั๊นไปพร้อมกัน พวกเขาจ้องหน้ากัน จากนั้นก็เบือนหน้าหนีอย่างสะอิดสะเอียน
“คุณแกล้งสามีแบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอ ตาข้างไหนของคุณที่เห็นผมตุ้งติ้งชอบเพศเดียวกัน” เสี่ยวเชี่ยนทำอวี๋หมิงหลางขนลุกไปทั้งตัว
“หมอเฉินคุณก็ดูถูกกันเกินไป ถึงผมจะชอบผู้ชาย แต่ก็เลือกนะ” ซ่งชิงอู๋เองก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
“ปัญหาของคุณซ่งเดี๋ยวฉันค่อยพูดถึง ฉันขอปรับทัศนคติของสามีฉันก่อน”
อวี๋หมิงหลางทำหน้าน้อยใจ เขาผิดตรงไหน ถูกเมียเรียกว่า ‘คนใน’ แค่นี้ก็น่าน้อยใจพอแล้ว เธอยังมาหาว่าเขาผิดด้วย
“นายเป็นสามีของจิตแพทย์ทำไมถึงทำผิดแบบนี้ออกมาได้ ใครบอกนายว่ารักร่วมเพศต้องตุ้งติ้ง”
“…ไม่ใช่เหรอ” อวี๋หมิงหลางจำได้ว่าคนเลวที่เกือบหลอกเสี่ยวเชี่ยนไปแต่งงานนั่นมันตุ้งติ้ง
“ผู้ชายรักร่วมเพศกว่าแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชายปกติ ภายนอกและจิตใจของพวกเขาล้วนเป็นชาย เพียงแต่แค่รู้สึกชอบผู้ชายก็เท่านั้น คนอย่างหนีเจี้ยนเหรินเป็นส่วนน้อย ถ้านายเห็นผู้ชายรักร่วมเพศคนไหนกรีดนิ้ว แต่งหน้า ท่าทางตุ้งติ้ง งั้นเขาก็ไม่ใช่แค่รักร่วมเพศ ยังเป็นผู้ป่วยที่บกพร่องในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศด้วย ดังนั้นต่อไปห้ามพูดว่ารักร่วมเพศคือคนตุ้งติ้งอีก ผู้ชายที่เป็นรักร่วมเพศก็ไม่มีทางชอบคนที่แต่งเป็นผู้หญิงด้วย ความคิดอคติแบบนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติกัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้ว” อวี๋หมิงหลางพยักหน้า เขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เมียเขาพูดไม่ได้พูดให้เขาฟังหรอก
ตามคาด พอเสี่ยวเชี่ยนพูดจบ ถึงแม้สีหน้าของซ่งชิงอู๋จะไม่เปลี่ยน แต่สายตากลับให้เกียรติเสี่ยวเชี่ยนมากขึ้น
“ในความเป็นจริงฉันคิดว่าขอแค่เป็นรักร่วมเพศที่ไม่เป็นภัยต่อสังคมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาหรอก ไม่ไปหลอกใครแต่งงาน ไม่กระทบการใช้ชีวิตของคนอื่น การจะชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของคนๆนั้น ฉันไม่เคยคิดว่ารักร่วมเป็นโรคชนิดหนึ่ง”
คำพูดนี้ไม่ต้องสนว่าจงใจพูดให้ซ่งชิงอู๋ฟังหรือเปล่า แต่เหมือนเป็นยาที่ช่วยทำให้จิตใจของซ่งชิงอู๋สบายขึ้น
“คุณซ่งยังต้องการยืนคุยตรงนี้ต่อไหมคะ เวลาของคุณผ่านไปห้านาทีแล้วนะ”
“ผมเปิดท้ายรถเอาผลไม้ก่อน” ซ่งชิงอู๋ซื้อกระเช้าผลไม้ราคาแพงมาจริงๆ
“ผลไม้นอกฤดูทั้งแพงทั้งไม่อร่อย แล้วดูคุณซื้อมาสิ ซื้อแตงโมไม่ดีกว่าเหรอ” อวี๋หมิงหลางพูดกระแนะกระแหนพลางไปช่วยหิ้ว ผู้ชายคนเดียวหิ้วไม่หมด นี่ถึงขนาดเปิดร้านขายผลไม้ได้เลยนะ
“แตงโม” ซ่งชิงอู๋ซื้อตามที่เสี่ยวเชี่ยนบอก อะไรแพงก็เอามา
เสี่ยวเชี่ยนถลึงตามองอวี๋หมิงหลาง ไอ้คนหน้าด้าน…ป้าใหญ่ยังไม่ไป นายต้องการจะสื่ออะไร
“อันที่จริงเมียผมไม่ใช่แค่รักษาคนเก่ง ปากเล็กๆนั่นก็เก่งด้วย” อวี๋หมิงหลางหันไปยักคิ้วให้เสี่ยวเชี่ยน คำพูดเดียวได้สองทาง
ไอ้หน้าด้าน…เสี่ยวเชี่ยนด่าในใจอย่างจนปัญญา
ทั้งสามคนเดินขึ้นตึก
ภายในลิฟท์ผู้ชายสองคนถือตระกร้าผลไม้ที่แสนหนัก เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนไม่มีอะไร คล้ายกับเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน
แต่ทั้งสามคนต่างรู้ดีแก่ใจ ภายใต้บรรยากาศที่ดูเหมือนคลื่นลมสงบนี้ แท้ที่จริงแล้วเกลียวคลื่นกำลังก่อตัว
ถ้าเสี่ยวเชี่ยนจัดการปัญหาให้ซ่งชิงอู๋ไม่ได้ แบบนั้นคงได้ตายกันไปข้าง หรืออาจจะเป็นปัญหาใหญ่ยิ่งกว่านั้น
อวี๋หมิงหลางกับซ่งชิงอู๋ภายนอกดูนิ่งๆ แต่ในใจสองคนนี้กลับกำลังเขม่นกัน เสี่ยวเชี่ยนดูปกติที่สุดแล้ว
เพราะเธอรู้ว่าต่อไปจะเป็นเวทีของเธอ