“เมื่อกี้ผมเห็นคุณดูเคลิ้มเหมือนกำลังรอไอ้หมอนั่นจุดดอกไม้ไฟให้ดู ในฐานะที่ผมเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมคงไม่มานั่งบอกคุณว่าครอบครัวทหารห้ามมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรก ผมจะกลับมานั่งหาจุดบกพร่องของตัวเองมากกว่า ดังนั้นถ้าเมียผมอยากดูไฟผมก็จะจุดไฟให้ดู”
“…นายแน่ใจนะว่าฉันจะชอบไฟจากเทียนขาว” ตาเพี้ยนเสี่ยวเฉียงมีวันไหนบ้างที่ปกติ ฉายาจอมหึงแห่งเอเชียนี่ไม่ได้มาเล่นๆจริงๆ เห็นได้ชัดเลยว่าทำเรื่องโรแมนติคให้กลายเป็นเรื่องเพี้ยนๆได้
อวี๋หมิงหลางเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตัวเองหยิบเทียนขาวมา บ้านเสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่มีเทียนสีอื่น เขาจึงเก็บมันขึ้น แถมยังโดนน้ำตาเทียนลวก ถึงกับกัดฟันร้องซี้ด
เสี่ยวเชี่ยนพุ่งเข้าไปซัดอวี๋หมิงหลาง “ต่อให้เป็นเทียนแดงเอามาจุดก็ไม่เหมาะเหมือนกัน จุดเทียนไว้อาลัย นายโง่หรือเปล่าเนี่ย”
“เมียจ๋าผมผิดไปแล้ว…ถีบได้ทุกทียกเว้นเสี่ยวเฉียงน้อยไว้ที่นึงนะจ๊ะ” อวี๋หมิงหลางเป็นลูกผู้ชาย รู้ว่าตัวเองทำผิดก็ยอมรับผิด ปล่อยให้เสี่ยวเชี่ยนลงโทษ
ครั้นแล้วเขาก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนซ้อม เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาทำเป็นตีหน้าเศร้าก็ทั้งขำทั้งโมโห “ทำเป็นเด็กๆไปได้”
“หึ ก็เพราะคุณทำเป็นสนิทกับไอ้เหม็ดเด็ดสะระตี่นั่น จริงสิ ผลทดสอบของอาเหม็ดเป็นไงมั่ง”
พอนึกถึงเรื่องแบบทดสอบ เสี่ยวเชี่ยนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วกระดิกนิ้วเรียกอวี๋หมิงหลาง เขาจึงเข้าไปหา จากนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็กระซิบบอก อวี๋หมิงหลางทำตาโต ไม่อยากเชื่อ
เขามองเทียนในมือตัวเอง แล้วมองเสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “คุณแน่ใจนะว่า…เขาเป็นพวกชอบถูกกระทำรุนแรง”
“ใช่ เขาเป็นคนประเภทที่ชอบให้ใช้ความรุนแรงแบบที่ยากจะพบเจอได้ ยิ่งรุนแรงเขาก็ยิ่งชอบ แถมไม่ใช่รุนแรงแบบธรรมดานะ ต้องเอาแบบแรงสุดขีดดิบเถื่อน อย่างน้ำตาเทียนหรือแส้นี่เด็กๆเลยนะ ยิ่งถ้าเลือดตกยางออก…อื้อหือ รักตายเลย”
อวี๋หมิงหลางถูกผู้หญิงมาร์คหน้าแดงคนนี้พูดเสียจนอึ้งไปไม่ถูก “คุณล้อผมเล่นเหรอ”
บนโลกนี้มีคนบ้าได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
เมื่อเจอกับข้อสงสัยของอวี๋หมิงหลาง สาวมาร์คหน้าแดงจึงเอามือเท้าสะเอว
“เชื่อการวิเคราะห์ของจิตแพทย์มืออาชีพเถอะน่า เขาน่ะเป็นพวกแบบฉบับของมาโซคิสม์เลยล่ะ ใครรุนแรงกับเขาได้มากก็ยิ่งดึงดูดสายตาเขา—เอ๊ะ คิดๆดู ที่เขามาจีบฉันอาจจะจริงจังก็ได้นะ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาทำเพื่อยั่วโมโหสุ่ยเซียน ตอนนี้ดูแล้วคิดว่าไม่ใช่ เขาชอบฉันจริงๆ”
เนื่องจากเสี่ยวเชี่ยนทรมานอาเหม็ดชนิดที่ไร้ความปรานี ดังนั้นอาเหม็ดถึงได้สนใจในตัวเสี่ยวเชี่ยน
ตอนแรกเสี่ยวเชี่ยนยังไม่เชื่อว่าอาเหม็ดจะชอบเธอจริงๆ ตอนนี้หลังจากที่ผลทดสอบออกมาเธอจึงเชื่อแล้ว คนๆนี้เป็นพวกชอบถูกกระทำรุนแรง
มิน่าเมื่อชาติก่อนอาเหม็ดถึงมีชีวิตคู่ที่ไม่ยืดยาว ที่แท้ตานี่ก็เป็นพวกถ้าไม่รุนแรงด้วยก็จะแน่นิ่ง ถ้าเป็นอย่างนั้นแผนส่งดอกไม้ก็มีความหวังแล้ว
“เมียจ๋า ข้อทดสอบแตงโมของคุณมันทำให้ดูออกได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ” อวี๋หมิงหลางสงสัยในความน่าเชื่อถือของแบบทดสอบ
“ถ้าทดสอบแบบข้อเดี่ยวๆคำถามข้อนี้จะมองว่าเป็นการทดสอบเรื่องความอดทนก็ได้ แต่ถ้าทดสอบได้ออกมาแล้วว่าผู้ทดสอบมีแนวโน้มเป็นพวกชอบถูกกระทำรุนแรง งั้นคำถามนี้ก็จะเอาไว้ใช้ทดสอบว่าเขาชอบถูกใช้ความรุนแรงแบบไหน”
อวี๋หมิงหลางยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “ลูกเชี่ยน คุณเลือกข้อไหนเหรอ แส้ เทียน เชือกผูกคอ คุณชอบอันไหน โอ๊ย พูดดีๆสิ จะลงไม้ลงมือทำไม~ อย่าตีเค้าสิ ไอ้สีแดงๆที่อยู่บนหน้าคุณมันจะร่วงลงมาแล้วนะ”
อาเหม็ดถูกเทศกิจพาไปอบรมยังไงบ้างเสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ แต่เธอคิดว่าคงจะหนักหน่วงน่าดู เพราะวันต่อมาอาเหม็ดไม่ปรากฏตัว
เสี่ยวเชี่ยนไปมหาวิทยาลัยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเลิกเรียนก็เห็นอวี๋หมองหลางยืนอยู่หน้ามหาวิทยาลัย เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยเขาจะเป็นคนมารับมาส่ง
พอเสี่ยวเชี่ยนเพิ่งขึ้นไปนั่งบนรถอวี๋หมิงหลางก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา
“หมอเฉิน พวกเรานัดเจอกันได้ไหมครับ”
พอได้ยินเสียงของซ่งชิงอู๋ เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางก็มองหน้ากัน
ในที่สุดก็มาแล้ว
“ขอโทษด้วยนะคะคุณซ่ง ฉันคิดว่าฉันอาจจะเปลี่ยนแผนการรักษาให้คุณน่ะค่ะ”
การที่เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าที่แท้จริงเขาเป็นใครนั้นซ่งชิงอู๋ไม่แปลกใจเท่าไร เมื่อวานเรื่องที่อวี๋หมิงหลางสั่งยกสะพานได้ก็ทำให้เขาได้รู้แล้วว่าตัวเองอาจกำลังเผชิญหน้ากับคนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา
แต่นั่นไม่อาจขัดขวางซ่งชิงอู๋ที่ยอมบ้าเพื่อความรักได้
“หึหึ ผมขอปฏิเสธ”
เสียงหัวเราะของเขาทำให้คนที่ได้ยินต้องรู้สึกเสียวสันหลัง น่าสยองมาก
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปค่ะ แผนการรักษาที่ฉันจะเปลี่ยนมันจะทำให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ”
ตอนที่ซ่งชิงอู๋ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนเรียกเขาว่าคุณซ่ง เขาก็เกิดความรู้สึกอยากฆ่าเสี่ยวเชี่ยนขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ถึงความมั่นใจของเสี่ยวเชี่ยนจึงไม่กล้าพูดอะไรออกไป ครั้นแล้วเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนหยั่งเชิง
“งั้นคุณลองพูดมาสิครับว่าสิ่งที่ผมอยากได้คืออะไร”
“อาเหม็ด”
“…”
ถ้าเธอไม่ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาดังลอดออกมา เสี่ยวเชี่ยนคงนึกว่าตัวเองกำลังคุยอยู่กับอากาศ
ซ่งชิงอู๋เงียบไปสิบกว่าวินาที ความเงียบที่เหมือนตายไปแล้วนี้เป็นการเล่นสงครามจิตวิทยาของทั้งสองคน
“ผมไม่ได้อยากได้เขา คุณเดาผิดแล้ว” รออยู่สักพักกว่าจะมีเสียงของซ่งชิงอู๋ดังออกมา “ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ผมมาหาคุณก็เพราะอยากให้ช่วยรักษาอาการเบี่ยงเบนทางเพศของตัวเองก็เท่านั้น”
“งั้นก็ได้ค่ะ ในเมื่อคุณปฏิเสธการเปลี่ยนแผนรักษา งั้นก็ขอให้คุณทำตามแผนเดิมก็แล้วกันค่ะ คุณอยากฆ่าฉันใช่ไหมล่ะคะ มาสิคะ อยากฆ่าแบบไหนก็ได้เลย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ อยากจะฆ่าจะแกงก็เชิญเลยค่ะ แต่ประเด็นคือ—” เสี่ยวเชี่ยนมีหักมุม
“คุณต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่าหลังจากที่คุณทำฉันแล้ว ผู้ชายของฉันคงไม่มีทางปล่อยคุณกลับประเทศแน่ ต่อให้คุณหนีออกไปได้ก็ต้องเตรียมแผนหนีจากการตามฆ่าของสามีฉันด้วยนะคะ”
“อวดดีจริงๆ” ดูเหมือนซ่งชิงอู๋จะเริ่มเข้าใจขึ้นมาหน่อยแล้วว่าทำไมอาเหม็ดถึงได้เปลี่ยนเป้าหมายจากสุ่ยเซียนลูกสาวเศรษฐีมาเป็นเฉินเสี่ยวเชี่ยน ผู้หญิงคนนี้สามารถพูดแบบนี้ด้วยน้ำเสียงปกติกับเขาได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
“ในใจของฉันไม่มีความหวาดกลัว แต่คุณมี ความหวาดกลัวของคุณยังอยู่ในกำมือฉัน ก็เหมือนกับที่คุณไม่รู้สถานะที่แท้จริงของสามีฉัน แต่เขารู้ข้อมูลของคุณอย่างละเอียด ถ้าคุณกล้าแตะต้องฉัน คุณกับอาเหม็ดไม่มีทางรอดออกจากประเทศนี้ได้แน่ ถ้าคุณให้ความร่วมมือเปลี่ยนแผนการรักษากับฉัน ฉันจะช่วยคุณให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ”
แล้วก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ซ่งชิงอู๋รู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว
ประสบการณ์การพ่ายแพ้ครั้งแรก แถมยังแพ้ให้กับผู้หญิงด้วย ความรู้สึกนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ
“ผมจะให้คนของผมไปรับคุณมา แล้วเรามาคุยกัน” เขาพูด
“หึหึ ตอนนี้คุณต้องขอร้องฉัน คุณแน่ใจนะว่าท่าทีของคุณเหมือนคนกำลังขอร้อง จำไว้นะคะ ฉันเป็นจิตแพทย์ ถ้าคุณต้องการเป็นผู้ขอรับคำปรึกษาจากฉันก็ต้องทำตามวิธีของฉัน มาเจอฉันที่บ้านภายในสิบห้านาที ค่ารักษาคือชั่วโมงละห้าหมื่น ถ้าภายในสิบห้านาทีมาไม่ถึงจะคิดเงินต่างหาก หากฉันช่วยจัดการปัญหาของคุณได้ งั้นก็ขอให้คุณรับปากฉันอีกเรื่อง”
“…คุณเป็นคนอวดดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยเจอมา ยิ่งกว่าพวกเจ้าพ่ออิทธิพลมืดเสียอีก”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ”