บทที่ 17 ฝ่าลมโต้คลื่น
ระยะเวลาห้าวันผ่านไปเพียงชั่วพริบตา
เช้าตรู่วันนี้ ติงเมิ่งเหยนตื่นแต่เช้า สวมชุดสูททางการสีดำ
อย่างไรก็เป็นการเข้าร่วมพิธีเคารพศพ จะต้องใส่ชุดที่เป็นทางการมากหน่อย จะใส่ง่าย ๆ ไม่ได้
เธอเดินออกมาจากห้อง พบว่าเจียงชื่อไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว โทรศัพท์หาเขาก็ไม่มีคนรับสาย อดไม่ได้ที่จะงงงวย
มาถึงห้องรับแขก เห็นว่ามีอาหารเช้าเตรียมพร้อมอยู่บนโต๊ะแล้ว
ติงเมิ่งเหยนนั่งลงทานพร้อมทั้งอ่านโน้ตที่เจียงชื่อทิ้งไว้บนโต๊ะ 10โมงเช้า ผมเตรียมรถไปรับคุณไว้แล้ว——ชื่อ
เธอหัวเราะ ช่างรู้ใจจริง ๆ
เวลานี้ ติงฉี่ซานเองก็ตื่นแล้วเดินมาถึงห้องรับแขก “เมิ่งเหยน แกจะหลับหูหลับตาไปกับเจียงชื่อจริงหรือ?”
ติงเมิ่งเหยนขมวดคิ้ว “ทำไมต้องหลับหูหลับตาคะ? เจียงชื่อเขาแค่จะไปเคารพศพน้องชายที่ตายไปแล้ว มันไม่ควรหรือคะ?”
ติงฉี่ซานส่งเสียงเหอะออกมา “ฉันไม่ได้บอกว่ามันไม่ควร เพียงแค่เรื่องนี้ต้องแยกสถานการณ์ ดูสถานที่ที่เหมาะสม ฉันได้รับการประกาศแล้ว การรื้อถอนตลอดริมแม่น้ำซีจะแล้วเสร็จภายในเช้าวันนี้ สุสานของเจียงโม่เก็บรักษาไว้ไม่ได้แล้วแน่ ๆ เจียงชื่อเขากลับไปคราวนี้ นั่นต้องเป็นการเสียหน้าอย่างแน่นอน เมิ่งเหยน ฟังที่พ่อแนะนำนะ อย่าลงไปในโคลนตม ถ้าหากทำไม่ดีเข้าไปแล้ว เรื่องจะยิ่งยุ่งยาก”
“วางใจเถอะค่ะ พ่อ หนูมีแผนไว้ในใจแล้ว”
ติงฉี่ซานถอนหายใจ “ช่างเถอะ ฉันไปทำงานก่อนแล้วกัน มีอะไรก็โทรมาหาฉัน”
เขาหยิบกระเป๋าเอกสารเดินออกไปทางประตู ครึ่งทางก็หยุดลง หันตัวกลับมาพูด “เมิ่งเหยน ในตอนแรกที่พ่อยึดมั่นว่าจะให้เธอแต่งงานกับเจียงชื่อ เป็นพ่อเองที่ผิดไป ถ้าหากเธอคิดว่าเจียงชื่อเชื่อถือไม่ได้ เธอคิดอยากที่จะหย่าล่ะก็ อย่าเก็บไว้ในใจ บอกพ่อ พ่อจะช่วยแกอย่างเต็มที่ และถือว่าเป็นการชดเชยของพ่อต่อแก”
ติงเมิ่งเหยนตกตะลึงไปชั่วขณะ
ในความจริงแล้ว เจียงชื่อในตอนนี้ไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งพื้นฐานอย่างกอาหารและเสื้อผ้าก็จัดการไม่ได้ ยังต้องอาศัยให้ตระกูลติงเลี้ยงดู
หากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น บางทีอาจจะไม่สามารถรับกับสามีที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้ได้
การหย่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่ติงเมิ่งเหยนยังคงนึกถึงคำมั่นสัญญาของเจียงชื่อที่ให้ต่อเธอได้ นึกถึงความเชื่อใจที่เธอมีต่อเจียงชื่อ นึกถึงความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันกับเจียงชื่อในสองวันที่ผ่านมา
เธอตัดสินใจให้โอกาสเจียงชื่ออีกครั้งหนึ่ง
“พ่อคะ ในตอนนี้หนูไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้”
“หนูยังอยากที่จะอยู่กับเจียงชื่อต่อไปค่ะ”
“อย่างน้อย ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้”
ติงฉี่ซานพยักหน้า “เอาเถอะ เรื่องนี้ในตอนนี้พักมันไว้ก่อน เมิ่งเหยน แกเปลี่ยนใจเมื่อไรก็บอกพ่อได้ตลอด รู้ใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นแกค่อย ๆ ทานข้าวละกัน ฉันไปทำงานก่อน”
ติงฉี่ซานเพิ่งขับรถออกไปได้ไม่นาน จากนั้นก็มีรถออดี้สีดำคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าประตูตระกูลติง
แผ่นหลังที่กำยำของชายคนหนึ่งลงมาจากรถ
“ขอโทษนะคะ คุณมาหาใครหรือคะ?” ติงเมิ่งเหยนเดินมาด้านหน้าเพื่อถาม
ชายหนุ่มโค้งคำนับ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพูด “สวัสดีครับคุณหนูติง เรียกผมว่าเทียนผิง ลูกพี่……แฮ่ม……เป็นสหายร่วมรบของเจียงชื่อ ผมมาที่นี่เพื่อมารับคุณไปเข้าร่วมพิธีเคารพศพของคุณชายน้อยสอง”
“อ้อ คุณเป็นคนที่เจียงชื่อจัดเตรียมไว้เหรอคะ?”
“ใช่ครับ”
“อืม ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะค่ะ”
ติงเมิ่งเหยนไม่สงสัย ปิดประตู และขึ้นรถไป เทียนผิงปิดประตูรถอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ขึ้นรถและขับออกไป ขับรถไปทางริมแม่น้ำซีเจียง
……
ริมแม่น้ำซีเจียง รถออฟโรดสีขาวจอดอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่า
เหอเย่าหลงและหลานชายของเหอเจียหมิงนั่งอยู่บนรถ สูบบุหรี่ไปพลางดูทิวทัศน์ผิวแม่น้ำเจียงไปพลาง
เหอเจียหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ลุงสอง คุณเป็นคนดีจริง ๆ สามารถทำให้เลขาหวางรื้อถอนทุกอย่างในละแวกใกล้ ๆ ได้ภายในห้าวัน เพียงแต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมสุสานของเจียงโม่ถึงไม่ถูกรื้อถอนไปด้วย?”
เหอเย่าหลงพูดอย่างเหยียดหยาม “เรื่องนี้คุณไม่เข้าใจ ผมต้องการรอให้เจียงชื่อทำการเคารพศพ ขัดขวางต่อหน้าเขา ขุดสุสานน้องชายของเขา! คุณคิดดู เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เขาร้องไห้ขอร้องผมก็ไร้ประโยชน์ ฉากอย่างนั้นไม่ใช่ว่ามันชื่นใจมากหรือ?”
เหอเจียหมิงพยักหน้าซ้ำ ๆ “ยังเป็นลุงสองคุณที่คิดรอบคอบ โธ่เอ๊ย เพียงแค่คิดถึงครั้งก่อนที่โดนเจ้าโง่เจียงชื่อทุบตี ผมก็โกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลแล้ว”
“พูดถึงเรื่องนี้……” เหอเย่าหลงเสตามองเหอเจียหมิง “เจียงชื่อเป็นทหารมาหลายปี ร่างกายย่อมไม่เลวนัก ในครั้งนี้นายควรเรียกคนมาให้มากหน่อย อย่าให้เหมือนครั้งนั้นที่โดนเขาทุบตี”
“ลุงสองคุณวางใจเถอะ ในครั้งนี้ผมเรียกคนขับรถบรรทุกมาสามคน อีกทั้งยังเตรียมชายหนุ่มไว้อีก! ผมไม่เชื่อหรอก ว่าเครือข่ายของผมเหอเจียหมิงในซูหัง จะไม่สามารถจัดการกับคนไร้ค่าที่ถอนตัวจากกองทัพได้?”
“อืม ถ้าอย่างนั้นวันนี้ พวกเรามาสั่งสอนเจ้าโง่เจียงชื่อกัน ทำให้เขารู้ว่าการทำให้พวกเราขุ่นเคืองใจมันเป็นสิ่งที่ผิดมาแค่ไหน!”
ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ดูเหมือนพวกเขาคิดไปถึงตอนที่เจียงชื่อถูกพวกเขาทำให้เจ็บปวด
……
อีกด้านหนึ่ง ติงเมิ่งเหยนที่นำโดยเทียนผิง กำลังขับรถไปที่สุสานของเจียงโม่
บนถนน เธอมองเห็นริมแม่น้ำเจียงโดนปิดล้อมขึ้นมาแล้ว
“ที่แท้แล้วเหมือนกับที่พี่สาวบอก ริมแม่น้ำเจียงทั้งหมดถูกปิดล้อมแล้ว คนนอกไม่มีทางที่จะเข้าไปใกล้ริมแม่น้ำเจียงได้”
“ดูแล้ว วันนี้คงไม่มีทางที่จะเข้าไปเคารพศพของเจียงโม่ที่สุสานอยู่ข้างแม่น้ำเจียงได้แล้ว”
ขณะเดียวกัน ติงเมิ่งเหยนก็พบว่าบนถนนคล้ายจะไม่มีใครอยู่เลย คนตระกูลติงนอกจากเธอแล้ว ไม่มีแม้แต่คนเดียว
เมื่อเห็นฉากนี้ ติงเมิ่งเหยนก็รู้สึกถึงความเศร้าบางส่วนได้
“เจียงชื่อจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ ใช่ไหมคะ?”
“วันนี้ ดูท่าแล้ววันนี้คงไม่ค่อยมีคนมางานเคารพศพมากนัก”
เธอเสียใจอยู่เพียงลำพัง จู่ ๆ เทียนผิงก็เหยียบคันเร่ง รถแล่นผ่านช่องว่างเข้าไปภายในพื้นที่ปิดล้อม แล่นตรงไปยังทิศทางของสุสาน
ติงเมิ่งเหยนตกใจ “เทียนผิง นี่คุณทำอะไรคะ? รีบกลับไปเร็ว!”
เทียนผิงหัวเราะ “จะกลับไปได้อย่างไรล่ะครับ? พวกเราต้องไปเข้าร่วมงานเคารพศพ ไปไม่ถึงข้างสุสานจะดีหรือ?”
“คุณอย่าล้อเล่นน่ะ วันนี้เป็นวันทำการรื้อถอนปรับปรุง รอบ ๆ นี้ทั้งหมดถูกปิดล้อมไว้แล้ว ห้ามไม่ให้คนนอกเข้ามา คุณบุ่มบ่ามเข้ามาอย่างนี้ ถ้าหากว่าเกิดเรื่อง แล้วถูกจับเข้าคุกล่ะ”
เทียนผิงยิ้มกว้างพูด “คุณหนูติงสบายใจเถอะครับ ต่อให้มอบความกล้าให้พวกเขาสักสิบเท่า พวกเขาก็ไม่กล้ามาจับผมเทียนผิงเข้าคุก!”
ช่วงเวลาที่ปริปากพูด รถก็ได้แล่นมาถึงด้านข้างสุสานแล้ว
เทียนผิงเปิดประตูรถ เชิญติงเมิ่งเหยนลงมาอย่างนอบน้อม
ติงเมิ่งเหยนมองไปรอบ ๆ แม้แต่เงาคนเธอก็ไม่เห็น จึงถามอย่างเคร่งเครียด “นี่……เจียงชื่อล่ะ?”
เทียนผิงชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้า “อยู่ที่นั่น”
ติงเมิ่งเหยนเงยหน้า บนท้องฟ้าไม่มีอะไรอยู่เลย
“อยู่ที่ไหนคะ?”
“สาม สอง หนึ่ง! มาแล้ว”
ในเวลานี้เอง ก็ได้ยินเสียงดังลั่นสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์เครื่องบิน จากเครื่องบินหลายสิบลำที่บินมาจากระยะไกล เครื่องบินทุกลำล้วนมีผ้าสีขาวแขวนไว้ท้ายเครื่อง เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่ผู้ตาย
ภายใต้การลากของเครื่องบิน ทันใดนั้นผิวแม่น้ำเจียง ‘แยกออก’ เรือสำราญลำหนึ่งก็แล่นเข้ามาช้า ๆ แบ่งแยกผิวแม่น้ำเจียง ทำให้ฝูงนกแตกตื่น
บนเรือสำราญลำนั้น เจียงชื่อยกมือไพล่หลัง ยืนหยัดอย่างทะนงองอาจ