บทที่ 12 ให้คำอธิบายกับผม
ติงเมิ่งเหยนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าคำพูดของเจียงชื่อไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่เนื่องจากสองครั้งก่อนแม่นยำมาก เธอจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะรอคอย
ในตอนนี้ เห็นเพียงมู่หยางอียื่นมือออกไปและหยิบกุญแจที่จ้าวถงส่งให้ขึ้นมา
บนใบหน้าของจ้าวถงปรากฏประกายแห่งความตื่นเต้นออกมา
เขาแอบหัวเราะในใจ ฮ่าฮ่า พูดว่าชอบเหล้าหยางจวิ้นอะไรกัน แต่มันก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้นแหละ สุดท้ายแล้วไม่ใช่ว่าก็เลือกวิลล่าสุดหรูของฉันอยู่ดีหรอกเหรอ? ฉันยังไม่แพ้
มู่หยางอีมองไปทางจ้าวถง “คุณจ้าว คุณให้กุญแจดอกนี้งั้นหรือ?”
“ครับ ผมเอง.”
“อืม ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ บ้านในหมู่บ้านอพาร์ทเม้นเฟิ่งหลิ่งราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลย วิลล่าเดี่ยวที่นั่น ราคาเฉลี่ยชุดละมากกว่ายี่สิบล้าน”
จ้าวถงกล่าวอย่างเบิกบาน “จะว่าแพงก็แพงนิดหน่อยครับ แต่ก็ของคุ้มค่ากับราคา มีเพียงบ้านในราคาแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสมกับฐานะของผู้บริหารระดับสูง!”
แสงเย็นวาบผ่านนัยน์ตาของมู่หยางอี เขาจงใจถามว่า “บ้านหลังนี้คุณเป็นคนซื้อใช่ไหม?”
“แน่นอนครับ”
“อ้อ? งั้นขอถามคุณจ้าวหน่อยครับว่า ในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดของสำนักงานการประปา คุณเงินเดือนเท่าไหร่เหรอครับ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวถงค่อย ๆ หายไป รู้สึกเหมือนบรรยากาศจะดูไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่
“เอ่อ……เงินเดือนล่ะก็ ประมาณเจ็ดพันกว่าหยวนต่อเดือนครับ”
“อืม เจ็ดพันกว่าหยวน งั้นถ้ารวมเงินปันผล โบนัสสิ้นปีและสวัสดิการอื่น ๆ รายได้ต่อปีของคุณก็ประมาณสองแสนหยวน?”
ยิ่งจ้าวถงยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแย่ “ใช่ครับ ถูกแล้ว”
มู่หยางอีส่ายหัวเล็กน้อย “งั้นก็แปลก คนที่มีรายได้สองแสนต่อปี สามารถซื้อวิลล่าสุดหรูมูลค่ากว่ายี่สิบล้านได้ยังไง จ้าวถง คุณช่วยให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับผมหน่อยได้ไหม?
ตูม! ! !
คนทั้งงานต่างตกใจ ปัญหานี้ร้ายแรงมาก
ความเป็นจริงแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่าข้างในนี้ต้องมีเล่ห์กลอะไรแน่ แต่ในอารมณ์ที่จะให้ของขวัญ ทุกคนต่างรู้สึกว่าแม้จะมีเล่ห์กลอะไร ก็จะไม่ถูกหยิบยกขึ้นมา
แต่ผู้บริหารระดับสูงที่มาใหม่ท่านนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พอมาถึงก็แสดงอำนาจแก่ทุกคนทันที
เหล่าคนที่เพิ่งให้ของขวัญทุกคนต่างก็มีอาการเหงื่อตก บางคนก็แอบดีใจที่ให้ของขวัญแค่หลักแสนกว่า ๆ ส่วนเหล่าคนที่ให้ของขวัญหลายแสนถึงกระทั่งหลักล้าน ต่างก็พากันฝ่ามือเย็นเฉียบ
แน่นอน ที่เย็นเฉียบที่สุดก็คือจ้าวถง
หลายแสนถึงหลักล้าน ยังแก้ตัวได้ว่าสะสมมาหลายปี แต่เงินยี่สิบล้าน ต้องเก็บกี่ปีกัน?
ตามรายได้ของจ้าวถง จะต้องใช้เวลาร้อยปีถึงจะเก็บรวบรวมมาได้!
เห็นได้ชัดว่า รายได้ของจ้าวถงมีปัญหา
ตอนนี้จ้าวถงมือเท้าเย็นเฉียบ และเขายังคงกลืนน้ำลายไม่หยุด อึก ๆ อัก ๆ พูดอะไรไม่ออกสักคำ
มู่หยางอีขึ้นเสียง “จ้าวถง พูดสิ ว่าคุณเอาเงินยี่สิบล้านจากไหนมาซื้อบ้าน!”
เสียงตึงดังขึ้น จ้าวถงถูกทำให้ตกใจจนล้มลงกับพื้น
เขาจะเอาอะไรมาตอบ?
มู่หยางอีฮึดฮัดอย่างเย็นชา “ผมคิดว่าคุณคงไม่ตอบได้ งั้นก็เข้าไปด้านในสำนักงานและค่อย ๆ สารภาพมาก็แล้วกัน เอาคนมา ใส่กุญแจมือเขา แล้วเอาตัวไป”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่หลายคนที่สวมเครื่องแบบตำรวจก็รีบวิ่งออกมา จับมือทั้งสองข้างของจ้าวถงไขว้ไว้ด้านหลัง ใส่กุญแจมือ และพาออกไปต่อหน้าทุกคน
“อย่านะ ท่านผบ.มู่ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ปล่อยฉัน พวกนายปล่อยฉันนะ”
จ้าวถงดวงตาไร้แวว แม้แต่ฝันก็ยังนึกไม่ถึงว่าการให้ของขวัญจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้
ตอนที่เขาถูกพาตัวไปต่อหน้าทุกคน ทุกคนต่างก็ก้มหน้าโดยไม่รู้ตัวไม่กล้ามอง เพราะกลัวว่าพวกเขาจะกลายเป็นจ้าวถงคนต่อไป
มู่หยางอีพูดต่อว่า “ที่จริงผมรู้ว่า เบื้องหลังพวกคุณหลายคนไม่ได้ใสสะอาดกันหมด ผมแนะนำให้ตั้งแต่นี้ไปพวกคุณทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ต่อผมหน่อย มิฉะนั้นล่ะก็ พวกคุณต่างก็ได้เห็นจุดจบของจ้าวถงกันไปแล้ว!”
“คนที่ต้องการพึ่งพาการให้ของขวัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ผมแนะนำให้พวกคุณประหยัดเงินกันด้วย ผู้บริหารระดับสูงไม่ชอบไม้นี้ ที่เขาเกลียดที่สุดก็คือคนขี้ประจบสอพลอ!”
“ของขวัญทั้งหมดนี้ที่พวกคุณให้ในวันนี้ นำกลับไปให้หมด ผู้บริหารระดับสูงไม่ต้องการมันสักชิ้น ครั้งนี้ให้แล้วไป ถ้ามีครั้งหน้าอีก จะไม่ให้อภัยแล้ว!”
ทุกคนพากันก้มหน้า กลัวจนไม่กล้าหายใจเสียงดัง
สุดท้าย มู่หยางอีก็ยกเหล้าหยางจวิ้นไม่กี่ขวดขึ้นมา “สหายติงฉี่ซาน ของขวัญของคนอื่นเอากลับไปได้ แต่ผมจะรับของขวัญไม่กี่ชิ้นนี้ของคุณไว้แทนผู้บริหารระดับสูงเอง”
ติงฉี่ซานใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นี่นับเป็นเกียรติของผมครับ”
มู่หยางอีพยักหน้า “คุณแตกต่างจากคนอื่น ๆ ผมเชียร์คุณนะ สู้ ๆ ”
“ขอบคุณครับ”
มู่หยางอีหมุนตัวจากไป ทิ้งฝูงชนที่กำลังถอนหายใจเอาไว้
ทุกคนถอนหายใจยาว ๆ ออกมา พวกเขาทุกคนรู้ว่าเจ้าหน้าที่คนใหม่มีไฟสามครั้ง แต่ไม่มีใครคิดว่าไฟครั้งแรกจะลุกไหม้รุนแรงขนาดนี้
ติงเมิ่งเหยนตบที่หน้าอกของเธอ และพูดด้วยใจที่ยังหวาดผวาว่า “โชคดีที่คุณให้ความคิดกับพ่อของฉัน ให้เขามอบเหล้าหยางจวิ้นเ ไม่อย่างนั้นละก็ พ่อของฉันก็คงจะจะให้ของขวัญแสนกว่าหยวน และถูกตำหนิเหมือนคนอื่น ๆ ไปแล้ว”
เจียงชื่อยิ้ม “ตอนนี้คุณเชื่อคำพูดของผมแล้วใช่ไหม?”
“อืม คุณแมวตาบอดตัวนี้โชคดีไม่เลวเลย” ติงเมิ่งเหยนพูดอย่างโล่งใจ “จ้าวถงคนเลวนั่น ในที่สุดก็มีคนจัดการเขาแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าหลังจากเข้าไปดำเนินตามกระบวนการแล้วเขาจะออกมาไหม”
เจียงชื่อกล่าว “คุณไม่ต้องกังวล เขามีเงินจำนวนมหาศาลที่เกี่ยวข้องกับคดีอย่างนี้ เข้าไปแล้วก็อย่าได้คิดจะออกมาเลย”
ในฐานะที่เป็นเทพแห่งสงครามชูร่า ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสามเขต เจียงชื่อสามารถรับประกันได้เลยว่า คราวนี้จ้าวถงหนาวไปถึงไขกระดูกอย่างแน่นอน หลังจากเข้าไปแล้วไม่ว่าใครก็อย่าได้หวังจะเอาเขาออกมา
นี่คือจุดจบของการมาแตะต้องเกล็ดมังกรของเจียงชื่อ!
ติงฉี่ซานเดินเข้ามา ใบหน้าอมยิ้ม “เจียงชื่อ เจ้าหนุ่มนี่ใช้ได้เลย ถ้านายไม่ได้ให้ความคิดกับฉัน วันนี้ฉันจะต้องล้มเหลวและแพ้แน่”
เจียงชื่อยิ้ม “คุณพ่อ คุณพ่อมีความสุขต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
จู่ๆ ติงฉี่ซานก็ไม่ได้รังเกียจลูกเขยคนนี้เท่าเดิมแล้ว เจียงชื่อในวันนี้ถือได้ว่าช่วยทำให้เขาขจัดความแค้นภายในใจออกไปได้
หลังจากที่ถูกจ้าวถงข่มเหงในบริษัทมาหลายปี ตอนนี้เขากลับมาเงยหน้าอ้าปากได้อย่างสมบูรณ์แล้ว และหลังจากที่จ้าวถงเข้าไปก็อย่าได้คิดที่จะออกมาเลย
ติงฉี่ซานมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ไป วันนี้พ่อเลี้ยงเอง เราออกไปกินอาหารดี ๆ สักมื้อกันเถอะ”
เจียงชื่อส่ายหัว “พ่อครับ ผมยังมีเรื่องต้องทำ คุณพ่อกับมิ่งเหยนไปกินกันก่อนเถอะ”
“คุณมีเรื่องอะไร?”
“ผม……อยากไปหาน้องชายผมหน่อย”
ติ่งฉี่ซานและติงเมิ่งเหยนมองหน้ากัน ในขณะเดียวกันก็แสดงท่าทางเศร้า ๆ ออกมา
“ก็จริง คุณกลับมาสองวันแล้วยังไม่ได้ไปเคารพเลย จะไปเยี่ยมน้องชายก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
“เจียงชื่อ สู้ ๆ เข้านะ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของคุณจะไม่ค่อยดีนัก แต่ตราบใดที่คุณพยายามทำงานหนัก ก็ยังมีโอกาสที่จะฟื้นฟูตระกูลเจียงกลับมาอีกครั้งได้”
เจียงชื่อพยักหน้า “ผมรู้”
“งั้น เรากลับก่อนนะ”
“อืม”
ติงฉี่ซานออกจากงานไปพร้อมกับติงเมิ่งเหยน เจียงชื่อจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกไปเช่นกัน
เขาเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง และให้ขับตรงไปยังถนนริมแม่น้ำซีเจีย
หยุดรถ เปิดประตู
เจียงชื่อเดินไปที่หลุมศพเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ ทุกย่างก้าวที่ก้าวไป หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ความรู้สึกตำหนิตัวเองอยู่ลึก ๆ นั้นกดทับจนเขาแทบจะหายใจไม่ออก
“โม่ ขอโทษนะ ที่พี่กลับมาช้า”
“โม่ พี่คิดถึงนายมากนะ”
“โม่……”
เขาเดินไปที่หลุมศพ มองไปยังป้ายหลุมศพที่เรียบง่าย และเอนกายลงข้างผ้ายหลุมศพ ราวกับว่าเจียงโม่ยังอยู่เคียงข้างเขา
เป็นครั้งแรกที่เทพแห่งสงครามผู้รู้จักแต่การหลังเลือดคนนั้น มีน้ำตาคลอเบ้า
เจียงชื่อลูบป้ายหลุมศพอันหยาบกร้านด้วยมือทั้งสองข้าง ความรู้สึกผิดในใจของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลานี้เอง
ตอนแรกที่จากไป ดวงอาทิตย์ส่องแสง
ตอนนี้กลับมา ชีวิตและความตายแยกจากกันตลอดไป