บทที่99 พวกสกปรกเลอะเทอะ
ชายชราปลาบปลื้มยิ่งนัก เดิมทีคิดว่าคนนั้นช่วยชีวิตก็เพื่อเงิน ใครจะไปรู้ เขาเป็นคนที่มีหลักการสูงส่ง ไม่ใช่ทำเพื่อเงิน
สังคมปัจจุบันนี้ คนหนุ่มที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบประเภทนี้หาได้น้อยนัก
“ผู้มีพระคุณ สามารถบอกชื่อของท่านได้หรือไม่?”
“เจียงชื่อ”
ชายชราหยิบนามบัตรจากกระเป๋าที่หน้าอกส่งให้กับเจียงชื่อพูดว่า “ผู้มีพระคุณเจียง นี้คือนามบัตรของผม ต่อไปหากมีเรื่องที่ให้ผมได้ช่วยเหลือเพื่อเป็นการตอบแทน โทรหาผมได้ตลอดเวลา ผมจะไม่มีทางบ่ายเบี่ยง”
“ได้ครับ ผมรับไว้”
เจียงชื่อเก็บนามบัตรวางไว้ในรถ โบกมือลา ขับรถออกไปทันที
ขณะที่ขับรถอยู่บนถนน เขามองไปที่นามบัตรโดยไม่ได้ตั้งใจ
ค่ายเพลงก่วนเหลย โปรดิวเซอร์มือทอง——หลัวเซิ่ง
“โปรดิวเซอร์มือทอง?”
“เป็นคนในวงการบันเทิงสินะ? บางทีต่อไปคงได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน”
เจียงชื่อเก็บนามบัตรไว้เป็นอย่างดี รีบขับรถไปที่อาคารสำนักงานใหญ่ผู้บริหารระดับสูง
หลังจากนั้นยี่สิบนาที รถยนต์ค่อย ๆ จอดสนิท
เขาเดินลงมาจากรถ ปัดเสื้อผ้าเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อครู่กระโดดน้ำลงไปช่วยคน ดังนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอน ขับรถมาพักหนึ่ง เสื้อผ้าบางจุดพอแห้งหมาด ๆ แต่มีบางจุดยังคงเปียกชื้น
สภาพร่างกายที่เปียก ๆ หมาด ๆ เช่นนี้ ทำให้เขาอึดอัดครั่นเนื้อครั่นตัวมาก
“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเสียดีกว่า”
เขารีบเดินเข้าไปในตึก มาถึงหน้าลิฟท์ มองเห็นชายคนหนึ่งไว้หนวดเรียวยาวงอนเป็นงาช้าง ยืนรออยู่หน้าลิฟท์เช่นกัน ชายคนนั้นสวมเสื้อสูทที่เป็นทางการ เนื้อตัวดูดีสะอาดสะอ้าน พิถีพิถันในการแต่งตัว ดูปราดเดียวรู้ได้ทันทีว่าเป็นคนที่รักความสะอาดคนหนึ่ง
หลังจากที่อีกฝ่ายมองเห็นเจียงชื่อ เขาจึงยืนหลบไปด้านข้างในทันที และแสดงท่าทีรังเกียจ
เวลานี้เจียงชื่อเนื้อตัวเปรอะเปื้อนจริง ๆ
คนที่พิถีพิถันเรื่องความสะอาดรังเกียจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เจียงชื่อยืนชิดด้านข้างด้วยท่าทีอึดอัด ไม่คิดอยากจะยืนอยู่ที่เดียวกับชายไว้หนวดคนนั้น
ขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งสวมเสื้อสูทผูกเน็คไทวิ่งเข้ามา พูดกับชายไว้หนวดว่า “รองผู้อำนวยการเหยียน ผมได้ยินมาว่าผู้บริหารระดับสูงใกล้จะมาถึงแล้ว ให้พวกเราขึ้นไปรอด้านบนครับ”
ที่แท้ ชายไว้หนวดคนนี้ก็คือ รองผู้อำนวยการสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์——เหยียนก้วนอวี่ที่เข้ามาขอร้องให้เจียงชื่อช่วยเหลือ คนที่ยืนรายงานอยู่ด้านข้างนั้นก็คือเลขาของเขา
ไม่นานนัก ลิฟท์เปิดขึ้น
เจียงชื่อ เหยียนก้วนอวี่เดินเข้าไปตามลำดับ
ช่วงเวลาที่รอลิฟท์ปิดและขึ้นไปชั้นบน เหยียนก้วนอวี่ไม่หยุดที่จะถอนหายใจ มีทีท่าครุ่นคิดหนักใจ
เขาหันไปถามเลขาว่า “คุณคิดว่า แผนงานการปฏิบัติงานครั้งนี้ของพวกเราจะผ่านไหม?”
เลขาก็ถอนหายใจพูดว่า “ไม่แน่ใจ ถึงแม้ท่านจะทำเพื่อประชาชนทั่วไป วางมาตรการบรรเทาไว้มากมาย ทำให้การตรวจสอบของประชาชนง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก แต่ว่าแผนงานนี้กลับทำให้มีปริมาณเนื้องานของพนักงานมากขึ้นเท่าตัว อีกทั้งยังต้องจัดหาเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก”
“ผู้บริหารยังไม่แน่ว่าจะเห็นด้วย ทั้งเพิ่มเงินลงทุนทั้งเพิ่มปริมาณงาน ผลสรุปยังไม่มีประโยชน์ที่เห็นได้เด่นชัด มีเพียงให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น”
เหยียนก้วนอวี่ก็กลุ้มใจเช่นกัน “ลองดูสักครั้งเถอะ หากผ่านได้ก็ดี หากไม่ผ่านพวกเราค่อยลองหาหนทางอื่น ถ้าแผนงานผ่านเฉพาะบางส่วนก็ยังดี”
“ทำได้เพียงแค่นี้”
ทั้งสองคนพูดไปพลางพร้อมกับรอให้ลิฟท์ขึ้นไป
ขณะที่สนทนากัน ได้กลินเหม็นตุ ๆ โชยกระทบจมูก นั่นคือกลิ่นเหม็นครึ่งเปียกครึ่งแห้งจากเสื้อผ้าเปียกชื้นบนตัวเจียงชื่อโชยออกมา
เลขาบีบจมูกเขามองไปที่เจียงชื่ออย่างไม่สบอารมณ์ บ่นพึมพำว่า “ในอาคารสำนักงานใหญ่ผู้บริหารระดับสูงเช่นนี้ทำไมถึงมีพวกสกปรกเลอะเทอะ? น่าสะอิดสะเอียน”
เหยียนก้วนอวี่ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาเป็นคนที่พิถีพิถันเรื่องความสะอาดรับไม่ได้กับความสกปรกเลอะเทอะเช่นนี้เหมือนกัน แต่ที่นี่เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ผู้บริหารระดับสูง ไม่ใช่อาคารสำนักงานของเขา จึงไม่สะดวกที่จะพูดจาเหลวไหลได้