บทที่132 การต่อสู้กับเทพสงคราม
อีกฝั่งหนึ่ง
หลังจากที่สวีหยางสู้ได้ตัดขาดจากอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้ให้คนของเขาปิดห้องไลฟ์ของเทพแห่งดาบอย่างรวดเร็ว และใช้เงินจำนวนมากเชิญซูเปอร์เชฟสิบท่านมาอยู่บนแพลตฟอร์มdosaTV และช่วยพวกเขาเปิดห้องไลฟ์สด
สวีหยางสู้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“เจียงชื่อ เด็กน้อยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบคุณ จะเอาอะไรมาสู้กับฉัน?”
“ในยุคที่การเจรจาเป็นต่อ ถ้ามีการเจรจาที่ดี คุณจะมีประโยชน์อะไร?”
“กล้าขัดใจฉันเหรอ? หึๆ คุณก็รอวันอดตายเถอะ!”
เขาดูมั่นอกมั่นใจมากที่เห็นเจ้าหน้าที่ที่เตรียมห้องไลฟ์สดสำหรับซูเปอร์ทั้งสองท่านไว้ เพื่อรอการไลฟ์สดสำหรับคืนนี้
แค่เทพแห่งดาบก็สามารถทำให้เกิดเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมากขนาดนี้ได้
ตอนนี้เขาจ้างมาสิบคนในพริบตาเดียว dosaTVไม่ได้รับความนิยมจะไปหาที่ไหนได้? แม้ว่าทั้งหมดจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามีสองสามคนในสิบคน ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข
ไม่ช้า ฟ้าก็มืดแล้ว เมื่อมาถึงเวลาหนึ่งทุ่มหนึ่ง
สวีหยางสู้แจ้งให้ซูเปอร์เชฟทั้งสิบคนเริ่มไลฟ์ และโชว์ทักษะการทำอาหารให้กับทุกคนได้เห็นในทันที
เขานั่งดูอยู่ตรงหน้าหน้าจอใหญ่ และเปิดไลฟ์ทั้งสิบนั้นทั้งหมด เต็มไปทั้งจอ จากนั้นมองดูอย่างมีความสุข
คนถือมาเข้ามามาก
กระแสยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่แค่…….
‘นี่มันอะไรกัน? ทำไมไม่ใช่เทพแห่งดาบ? เปลี่ยนคนเหรอ?’
‘อะไรเนี่ย คนนี้เป็นใครกัน? ทำอาหารเป็นไหมเนี่ย? ทักษะการใช้มือแย่กว่าเทพแห่งดาบเป็นพันเท่า!’
‘ดูไม่มีเรี่ยวมีแรงเลย มือทั้งสองข้างยังเร็วสู้เทพแห่งดาบที่มีมือข้างเดียวไม่ได้เลย ยังช้ากว่านี้ได้อีกไหมเนี่ย?’
‘ช่างน่าเบื่อ ฝีมือแบบนี้ยังสู้ฉันไม่ได้เลย ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าซูเปอร์เชฟ?’
ทุกกระแสโจมตี ไลฟ์ทั้งสิบไม่รับการตอบรับดีเท่าที่ดีนัก
สิ่งที่สำคัญก็คือ ในห้องไลฟ์ของซูเปอร์เชฟทั้งสิบนั้นเป็นเพียงการทำอาหาร เนื้อหาสาระนั้นน่าเบื่อ ไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย จะมีใครชอบดูคุณทำอาหารอยู่อย่างนั้น?
สวีหยางสู้รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก สถานการณ์แตกต่างจากที่เขาคาดไว้อยู่บ้าง
เขาจะรู้ได้อย่างไร ว่าเทพแห่งดาบ เน่ร์เจิงนั่นไม่เพียงแต่นักปรุงอาหารชั้นเยี่ยม แต่ยังมีความโดดเด่น แพรวพราวมากในด้านการพูดคุย และสามารถที่จะเพลิดเพลินไปกับภาพ และเสียงได้เป็นอย่างดี
เน่ร์เจิงมีแขนเพียงข้างเดียว แขนข้างเดียวนั้นสามารถใช้มีดได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ซึ่งที่เป็นแบบนี้จึงเป็นจุดสนใจมาก
ประกอบกับความอ่อนน้อมถ่อมตัวของเน่ร์เจิง จึงทำให้ผู้ชมต่างนิยมชมชอบ ซึ่งไม่เหมือนกับซูเปอร์เชฟเหล่านี้ ที่ต่างดูผยอง ทำให้คนดูรู้สึกว่าอึดอัด
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สวีหยางสู้ไม่เข้าใจความสนุกสนานในการไลฟ์สดเลย
เขาคิดว่าทำอาหารก็คือทำอาหารจริงๆ ?
คิดผิดแล้ว
ภายใต้การดำเนินงานของเฉิงดันถิงนั้น แม้ว่าเน่ร์เจิงจะทำอาหารเหมือนกัน แต่ในตอนที่เขาทำอาหารนั้นได้เพิ่ม’ เสน่ห์ปลายจวัก ’ ทำให้ทุกคนต่างดูอย่างเพลิดเพลินใจ
ผสานเข้ากับดนตรีที่ใช่ และได้รับการช่วยเหลือจากผู้ช่วยคนสวย
ทุกๆ อย่างต่างทำให้ผู้ชมหลงใหล
ดังนั้น ซูเปอร์เชฟทั้งสิบนั้นไม่ได้พ่ายแพ้ที่การทำอาหาร แต่แพ้ที่เนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ พวกเขาไม่ได้เข้าใจกฎเกณฑ์ของสายงานนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อดูๆ ไปแล้ว ห้องในห้องไลฟ์เริ่มบางตาลง
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีคนเป็นกระแสตามมาทีหลังอย่างไม่หยุด ข่าวใหม่ล่าสุด เวลาสองทุ่ม เทพแห่งดาบจะเริ่มไลฟ์สดบนPandaTV ทุกคนรีบไปดูกันเร็ว
‘จริงหรือหลอกเนี่ย? ฉันก็ว่าแล้วทำไม่เห็นเทพแห่งดาบเลย ที่จริงก็เปลี่ยนที่นี่เอง’
‘จะสองทุ่มแล้ว ฉันไปตามไปดู’
‘อะแฮ่ม ผมก็จะไปเหมือนกัน ผมคิดถึงนิวนิว ผู้ช่วยสาวที่เอาจานไปให้เทพแห่งดาบแล้ว รูปร่างนั้น มันน่าดึงดูดซะยิ่งกว่าอาหารที่เทพแห่งดาบทำซะอีก’
‘ไปกันๆๆ ทุกคนไปPandaTVกันเถอะ’
‘แยกย้าย!’
สวีหยางสู้หน้าชาเมื่อเห็นคอมเมนต์แต่ละอันนั้น
สิ่งที่เขากลัวที่สุด ก็คือการที่เทพแห่งดาบนั้น ได้เอาผู้ชมไปด้วย สุดท้ายแล้วกลัวอะไรก็มักจะเจออย่างนั้น แม้ว่ารายการของตัวเองนั้นจะล้มไม่เป็นท่าก็ไม่เป็นไร แต่หากผู้ชมโดน “ขโมยไปแล้ว” นั่นก็จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลย
สวีหยางสู้ตะโกนใส่ลูกน้อง “ทำให้คำ ‘PandaTV’ ‘เทพแห่งดาบ’ รวมทั้งคำพ้องเสียงทั้งหมดให้เป็นคำที่ละเอียดอ่อนเดี๋ยวนี้! ไม่อนุญาตให้ส่งแกมาได้! เร็ว!!!