ใจของเจียงชื่อเต้น ‘ ตึกตัก ’ รู้สึกไม่มีความสุข
บริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้อง
นั่นเป็นบริษัทที่เจียงชื่อพยายามจะกำจัด และเป็นบริษัทที่เจียงชื่อต้องการจะขึ้นมาแทนที่ ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย!
เจียงชื่อรู้สึกขมขื่น เขาหัวเราะเบาๆ แล้วถามขึ้น “ คุณน้าหลันครับ ทำไม น้าถึงไปบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องล่ะครับ? ”
“ บอกนายตามตรงเลยก็แล้วกันนะ เพราะว่าบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องได้เซ็นสัญญาที่ดีมากกับสามีของน้า ทำให้เขากลับประเทศมาเพื่อสร้างภาพยนตร์ น้าก็เลยตามกลับมาด้วย จึงถือโอกาสมาเป็นครูสอนการแสดงที่บริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องด้วยเลย ”
“ สามีของน้าเป็นผู้กำกับเหรอครับ? ”
“ ใช่จ้ะ ”
เจียงชื่อส่ายหัวทำอะไรไม่ถูก ดูๆแล้ว ในอนาคตอาจต้องเผชิญหน้ากับสามีของเริ่นจื่อหลันเป็นแน่
นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นมาก
ในขณะที่คิดอยู่นั้น อยู่ๆก็มีชายสองสามคนทางเจียงชื่อ และเริ่นจื่อหลัน แล้วพูดขึ้น “ หลบไปๆ เราจะใช้ที่นี่ ”
เจียงชื่อตะลึงไป “ ที่นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องหลบด้วย? ”
“ ทำไมงั้นเหรอ? อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ของเราจะถ่ายหนังที่นี่ และดาราดังอย่างโหลวซินเยว่ก็จะมาที่นี่ด้วย คนกระจอกงอกง่อยอย่างพวกคุณยังไม่รีบออกไปอีก? ”
“ อยากให้ผมต่อยให้คุณไปไหม? ”
เรื่นเริ่นจื่อหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ ทำไมคนของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ถึงได้ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้นะ ”
เจียงชื่อรู้สึกร้อนผ่าวเหมือนโดนเผาไปทั้งหน้า “ คือ…….อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ทั้งบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมอี้หรอกนะครับที่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ ”
“ นี่ พวกคุณสองคนน่ะหยุดนะ หยุดไปเลย พูดอะไรกัน? นี่กำลังดูถูกอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ของเราเหรอ? จะลองเอาสักยกไหมล่ะ? ”
เจียงชื่อทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
โดนหมาที่ตัวเองเลี้ยงไว้กัดเข้าให้ ความรู้สึกนี้มันช่างซับซ้อนมากจริงๆ
เขาไม่ได้พูดอะไร ยืนขึ้นปัดสะโพก แล้วเดินไปอีกทางกับเริ่นจื่อหลัน เขาก็อยากจะดูเหมือนกันว่าจะถ่ายหนังอะไรที่นี่
ไม่นานนัก ทุกอย่างถูกเคลียร์ให้ว่างเปล่า
ฉากทั้งหมดเซตเสร็จแล้ว ทั้งช่างกล้อง ช่างไฟ ช่างเครื่องเสียง ทั้งหมดได้เตรียมพร้อมหมดแล้ว
อุปกรณ์ทุกอย่างโอเคแล้ว เตรียมพร้อมเปิดกล้อง
มีหลายสิบคนในที่นี้ ที่รอการมาถึงของนางเองโหลวซินเยว่
โหลวซินเยว่เป็นนักแสดงลำดับที่สองที่เพิ่งเซ็นสัญญากับอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ เขาเป็นที่รู้จักดีในวงการนี้ เป็นที่นิยมมากในหมู่ของแฟนๆผู้ชาย
แม้ว่าจะไม่มีทักษะการแสดงใดๆ แต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่มาก
ดังนั้น มีหลายบริษัทมากที่อยากเซ็นสัญญากับเธอ
ท้ายที่สุดแล้ว อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ ก็ได้เซ็นสัญญากับเธอด้วยเงินจำนวนมาก และวางแผนจะปั้นให้เป็นศิลปินแนวหน้า
โหลวซินเยว่ ตอนนี้เป็นคนดังตัวเล็กๆ แต่ว่าทำตัวเยอะใช่ย่อย ทำให้พนักงานทุกคนที่นี่ต่างรอเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะมาถึงอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
และไม่มีแม้แต่คำขอโทษใดๆทั้งนั้น
โหลวซินเยว่หาวขึ้น เดินไปที่ใจกลางของกองพร้อมกับพูดขึ้น “ ขออภัยด้วยนะ เมื่อคืนหลับดึกไปหน่อย วันนี้ก็เลยตื่นสาย มาช้าไปนิดๆหน่อยๆ ทุกคนคงไม่ได้รอเก้อหรอกเนอะ? ”
ยังไม่ได้รอเก้ออีกเหรอ?
ตามกฎแล้ว ก่อนที่จะเปิดกล้องนักแสดงทุกคนจะต้องอยู่ที่กองแล้ว เพื่อที่จะแต่งหน้า ซ้อมบทกันก่อน
ในที่สุด หลังจากอดทนรอมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก็ได้เริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการสักที
เริ่นจื่อหลันที่อยู่ข้างๆส่ายหน้าไปมา “ คุณภาพของนักแสดงคนนี้ต่ำมากจริงๆ เพราะว่าราศีมีนักแสดงอย่างนี้อยู่ จึงทำให้วงการนี้เน่าเฟะไปหมด ถ้า้เกิดอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ใช้นักแสดงแบบนี้ หนังเรื่องนี้ก็ไม่ต้องดูแล้ว มันจะออกมาแย่มากอย่างไม่มีที่ติเลย ”
เจียงชื่อรู้สึกเขินอาย อยากที่จะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
ทั้งสองดูกันต่อไป
อารมณ์ของโหลวซินเยว่นั่นรุนแรงมาก ทุกคนในกองต่างเอาใจเธอเพียงคนเดียว เพิ่งแสดงไปแค่สองสามที คนทั้งกองก็ต้องไปนวดเท้าให้เธอ เทชาให้เธอ ‘ ลำบากแล้ว ’ เธอลำบากอะไรกัน?
สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือ เธอจำบทไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!
เธอยังพูดอะไรไร้สาระตลอดเวลา นักแสดงชายที่แสดงกับเธอยังไม่ทำทันได้อะไร ก็โดนเธอผลักลงคูน้ำไป
เดิมทีเป็นฉากที่สุดแสนจะธรรมดามาก แต่กลับถ่ายไปถ่ายมาเป็นสิบกว่ารอบ ถ่ายจนทุกคนต่างพูดไม่ออกกันหมด
เจียงชื่อเหมือนโดนมีดทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ
ราศีมีนักแสดงอย่างนี้ที่ไหนกัน เวลายืดยาวออกไป และค่าแรงจะไม่เพิ่มขึ้นได้อย่างไงกัน?
“ ฉากต่อไป ฉากระหว่างเมียหลวงกับมือที่สาม สแตนด์อินมาเล่น ”
ในฉากนี้ ก็ได้รู้ว่าสแตนด์อินที่มาเล่นเป็นมือที่สามแทนโหลวซินเยว่นั้น จะต้องโดนตบอย่างจัง และแน่นอนว่า โหลวซินเยว่นั้นจะไม่ยอมโดนตบแน่ๆ ดังนั้นจึงจัดการให้ไปโดนตบแทนเธอ
คนที่แสดงให้กับเธอเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า หลิงเหยา เป็นศิลปินฝึกหัดจากอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์
“ Action!!!”
เนื่องจากเป็นนักแสดงสแตนด์อิน โหลวซินเยว่ก็นั่งลงอยู่ข้างๆฉาก ทั้งไขว่ห้าง และดื่มชาไปด้วย ทั้งยังมีคนช่วยพัดอยู่ข้างๆ ประหนึ่งนายหญิงอย่างไงอย่างนั้น
ขอบอกเลยว่า ถึงแม้จะเป็นแค่สแตนด์อิน และเพิ่งจะได้เพิ่งจบจากชั้นเรียนเด็กฝึก แต่ความสามารถในการแสดงของหลิงเหยานั้น เหนือชั้นกว่าโหลวซินเยว่มาก
นักแสดงที่เล่นกับเธอนั้นค่อนข้างสบายมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจำบท หรือจังหวะ กระทั่งท่าทางที่สื่ออารมณ์ ทั้งหมดสมบูรณ์แบบไปหมดทั้งสิ้น
การแสดงต้องเป็นแบบนี้
เมื่อนักแสดงเข้าใจตัวละครเป็นอย่างดีแล้ว ตัวคุณเองก็จะแสดงออกมาได้ดีโดยไม่รู้ตัว
ความสามารถในการแสดงที่ยอดเยี่ยมของหลิงเหยานั้น ได้ซึมซับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครผู้หญิงจริงๆ ฉากนี้ถ่ายเพียงแค่เทคเดียว ก็ผ่านอย่างราบรื่นเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช็อตสุดท้าย หลิงเหยาที่เล่นเป็นเป็นมือที่สามถูกตบลงไปกองอยู่บนพื้นนั้น
ตั้งแต่โดนทุบตี จนลงไปนอนราบอยู่บนพื้น รู้สึกได้ถึงความทุกข์ทรมาน จนกระทั่งร้องไห้ออกมา
ทั้งหมดผ่านพ้นไปเพียงครั้งเดียว เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ตราตรึงมากจริงๆ!
“ Cut!!!”
หลังจากที่ผู้กำกับสั่ง ‘ คัต ’ ทุกคนในกองต่างปรบมือกันดังสนั่นลั่นขึ้นมา มันไม่ได้เป็นเพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถด้านการแสดงของหลิงเหยาเท่านั้น แต่ยังเป็นยังการปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจมาเป็นเวลานานออกมาด้วย
บางคนถึงขั้นกระซิบตั้งแต่อยู่บนพื้นเลย
“ หลิงเหยาก็แค่สแตนด์อินคนหนึ่ง มีความสามารถด้านการแสดงที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ถ้าให้เธอมาเป็นนักแสดงนำก็คงจะดีมากเลย ”
“ จริงด้วย ทำงานกับเธอนั้นสบายมากเลย ผมเป็นคนควบคุมแสงไฟ ยังไม่ต้องทำอะไรมาก เธอรู้เองหมดเลยว่าตอนถ่ายจะถ่ายอย่างไงให้ไม่มืด สุดยอดจริงๆเลย ”
“ นี่สิ ถึงเรียกว่ามืออาชีพ!”
“ มองย้อนกลับไปดูดาราดังอย่างโหลวซินเยว่สิ เหอะๆ ก็มีหน้าพลาสติกปลอมๆนั่นเป็นสะพานบุญก็เท่านั้นแหละ บวกกับหน้าอกที่ใหญ่ตุ้มนั่น ที่ทำให้แฟนๆผู้ชายต่างหน้ามืดตามัว? มีความสามารถกับผีนะสิ ”
แม้ว่าเสียงกระซิบของผู้คนจะไม่ดังมากนัก แต่ก็ยังดังไปถึงหูของโหลวซินเยว่อยู่ดี
แม้แต่ชาเธอก็ดื่มไม่ลง โกรธจนตัวสั่น
ก็แค่สแตนด์อินที่ไม่รู้ว่าใครเป็นตัวหลักก็เท่านั้นเอง กลับทำให้ตัวจริงดูแย่ขนาดนี้? เป็นไปได้อย่างไรกัน?
โหลวซินเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก พูดขึ้นด้วยท่าทีที่แปลกๆ “ ผู้กำกับคะ ฉากเมื่อกี้ดูเหมือนว่าจะไม่ผ่าน เล่นใหม่อีกครั้งดีไหมคะ? ”
“ ห้ะ? ”
“ผู้กำกับนิ่งไป ฉากเมื่อกี้มันเยี่ยมมากจริงๆ มันไม่ได้ตรงไหนกัน
เขากำลังจะถามขึ้น แต่เมื่อเห็นสายตาพิฆาตของโหลวซินเยว่แล้ว เขาก็ต้องหุบปากด้วยความตกใจในทันที
“ เออ…… เมื่อกี้มีกล้องตัวหนึ่งมันเบลอ ไม่ดีเท่าไหร่ ถ่ายใหม่อีกเทคกัน ”
“ Action!!!”
เบลอ?
เบลอบ้าบออะไรกัน!
ก็เห็นอยู่ว่าโหลวซินเยว่ไม่พอใจหลิงเหยา จงใจจะหาข้ออ้าง ทำให้เธอโดน ‘ ตบ ’ อีกรอบ
คราวนี้ หลิงเหยากลับแสดงอย่างทุ่มเทมากขึ้น ผลลัพธ์ดีมากกว่าเดิม ตากล้องก็ตั้งใจถ่าย โดยไม่มีกล้องตัวไหนที่เบลอเลย
สุดท้าย……
โหลวซินเยว่ก็สับขาหลอกอีก พูดขึ้นอย่างขี้เกียจ “ ตอนที่ลงถึงพื้นมันดูปลอมไปหน่อยนะ เล่นใหญ่อีกครั้งเถอะ ”