เมื่อเห็นการมาถึงของเจียงชื่อและหลิงเหยา ในตอนแรกเริ่นจื่อหลันยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย แต่พอรู้ว่าหลิงเหยาจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ เริ่นจื่อหลันก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เธอพูดว่า “วิลล่าหลังนี้น่ะใหญ่เกินไป ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวทุกวัน ก็กลัวว่าจะมีแวมไพร์โผล่มาหรือเปล่า มันจะทำให้ฉันตกใจมากเลยน่ะสิ มีเหยาเหยาย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วยิ่งดีไปกันใหญ่ เวลามีหรือไม่มีอะไร ฉันสามารถคุยถึงการพัฒนาทักษะการแสดงและคุยถึงบทได้อีก”
หลิงเหยาเองก็มีความสุขมากเช่นกัน
อยู่คนเดียวมานานก็รู้สึกเหงามากเหมือนกัน เธอเองก็อยากที่จะอยู่กับคนอื่นๆบ้าง
อีกทั้งวิลล่าที่นี่ก็ใหญ่มากพอ แม้ว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีห้องส่วนตัวของตัวเองด้วย ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบอะไรกันมากมาย
หลังจากสนทนากันเสร็จแล้ว เจียงชื่อก็ออกจากบ้านไป
“ประธานเจียง!!”
“หืม?”
หลิงเหยาวิ่งออกจากบ้านและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากๆเลยนะคะ ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ฉันไม่กล้าคิดเลยว่า ถ้าไม่มีคุณแล้วชีวิตฉันต่อไปนี้จะเป็นยังไงกัน”
เจียงชื่อยิ้มพร้อมกบพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ก็ไม่ได้มีอะไร ขอแค่อนาคตเธอไม่หลอกลวงฉันก็พอ”
ขณะที่พูด เจียงชื่อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “อีกอย่าง มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปซะหมด อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าแม่ของเธอไม่ได้ป่วย มันก็ดีมากแล้ว”
ใบหน้าของหลิงเหยานั้นแดงขึ้นมา
เมื่อคิดถึงเรื่องกลางวันที่ตั้งใจที่จะปกปิดเจียงชื่อ มันก็เป็นแค่เพียงพฤติกรรมของคนโง่เท่านั้น
หากในเวลานั้นพูดความจริงกับเจียงชื่อ ก็คงไม่เกิดเรื่องเมื่อตอนเย็นขึ้น
“ประธานเจียง”
“หืม?”
“ฉันขออะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“อะไรล่ะ?”
ใบหน้าของหลิงเหยานั้นแดงราวกับดอกกุหลาบ เธอกัดที่ริมฝีปาก ท้ายที่สุดจึงรวบรวมความกล้าพูดออกไป “ฉันขอ…กอดคุณได้ไหมคะ?”
ขณะนี้เอง ดวงจันทร์ก็ได้สว่างขึ้นในความมืดมิด
ขณะนี้เอง ดอกไม้ที่หุบอยู่ ก็ส่งกลิ่นหอมออกมา
เจียงชื่อยิ้มออกมา พร้อมกับอ้าแขนออก หลิงเหยาไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปเอาหัวไปอยู่ในอ้อมแขนของเจียงชื่อ พร้อมกับกอดชายหนุ่มด้วยหัวใจที่อบอุ่นนี้
แม้ว่า จะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียว
แม้ว่า จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลานี้
งั้นก็ต้องหวงแหนมันให้มากที่สุด
หลังจากกอดกันเป็นเวลากว่าห้านาทีเต็ม หลิงเหยาก็ปล่อยมือออกอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ขณะที่มือทั้งสองข้างปล่อยออก หัวใจของเธอก็แตกสลาย เธอรู้ดีว่า เมื่อปล่อยการกอดครั้งนี้ไป เธอจะไม่สามารถกอดเขาได้อย่างแนบแน่นแบบนี้ได้อีก
แต่….
ชีวิตมันก็แบบนี้ อย่าไปบังคับมันเลย
เจียงชื่อได้หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าของเขา “นี่เป็นเช็คเงินห้าสิบล้าน จากไส้เดือน ถือว่าเป็นการชดใช้ให้แกเธอนะ เธอเก็บไว้ให้ดี อนาคตถ้าแม่ป่วยอีก จะได้ไม่ต้องมาขอยืมเงินฉัน”
หลิงเหยายิ้มออกมา “อืม!”
หลังจากได้ให้เช็คแล้ว เจียงชื่อก็หันหลังออกไป แสงหิ่งห้อยในค่ำคืนที่มืดมิดนี้ ในระยะทางที่ไกลออกไป มันก็ค่อยๆเลือนหายไป
หลิงเหยาที่ยืนอยู่ในความมืดได้ ได้แต่มองดูด้านหลังของเจียงชื่อที่ค่อยๆเดินจากไป ปฏิเสธที่จะกลับบ้าน
เริ่นจื่อหลันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าใจของหลิงเหยานั้นคิดเช่นไร?
เพียงแค่บางเรื่องให้มันผ่านไปอย่างมีความสุขก็ดีแล้ว
อย่าบังคับให้อยู่ต่อเลย
เธอมายืนอยู่ที่ด้านข้างของหลิงเหยา มองไปตามทางที่เจียงชื่อจากไป พร้อมกับพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เขานั้นเป็นผู้ชายที่ไม่เลวเลยล่ะ เหมือนกับพ่อของเขาไม่มีผิด”
หลิงเหยา เริ่นจื่อหลัน
คนจากทั้งสองรุ่น ได้มอบความรู้สึกที่จริงใจให้กัน อีกทั้งยังรู้อีกว่า ดอกไม้นี้จะไม่มีวันเบ่งบาน และมันจะไม่เกิดผลลัพธ์อะไรด้วย
“เหยาเหยา”
“คุณน้าหลัน?”
“เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจนะ”
“อืม ฉันเข้าใจค่ะ ขอเพียงได้เห็นเขา ได้อยู่ข้างๆเขา ฉันก็พอใจมากแล้ว”
ใช่แล้ว ขอเพียงได้เห็นเขา และอยู่เป็นเพื่อนเขา
เริ่นจื่อหลันแหงนมองขึ้นบนท้องฟ้า “ชายคนที่ฉันเฝ้าคิดถึง แม้แต่มองยังมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ