“อืม การลอยนั้นไม่คิดเลยว่าในที่แบบนี้จะได้มาเจอยอดฝีมือชั้นดี”
ชายตกกระเหลือบมองขวดโค้กในมือ “ก็แค่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครต่างหาก”
ชายโพกผ้าเลยพูดว่า “นักขับมืออาชีพจะต้องสามารถมีเทคนิคประเภทนี้ได้ ในเขตเจียงหนาน ได้เจอคนเก่งที่ไม่แสดงตัวเข้าให้แล้ว พวกเรานั้นพ่ายแพ้ตั้งแต่ว่าแรก กลับไปก่อนก็แล้วกัน เอาเรื่องนี้ไปบอกพี่ใหญ่และตามหาเจ้าของรถปอร์เช่คันนั้น หากได้คนที่มีความสามารถเข้าทีมเราแล้วล่ะก็ ความหวังในการชนะในปีนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้น!”
ชายโพกผ้าขับรถออกไปไกล
สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นคือ มีรถเก๋งสีดำเข้มขับตามอยู่ด้านหลังไปไม่ไกลนัก
บนรถมีชายคนหนึ่งและหญิงอีกคน
ในมือของผู้หญิงนั้นถือกล้อง สวมแว่นตา
เธอยิ้มและพูดว่า “เดิมที่ก็แค่ต้องการจะถ่ายความเร็วของรถสองสามรูปเท่านั้น จะได้เอาไปทำข่าว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอะไรที่น่าทึ่งเช่นนี้”
“การเข้าแข่งรถเร็วของพี่สาม ถือว่าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของทีมเลยก็ว่าได้ –แต่เฟลมไทเกอร์ดันโดนรถที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แซงไปได้ซะนี่”
“ฮิฮิ พรุ่งนี้การพาดหัวข่าวของฉันชนะเลิศแน่ๆ”
อีกด้านหนึ่ง
ในรถปอร์เช่ เจียงชื่อยังขับรถอย่างสบายๆโดยไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ในขณะที่ติงเมิ่งเหยนนั้นได้แต่มองไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย สมองของเธอนั้นว่างเปล่า ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
เมื่อกี้มันคืออะไรกัน?
เธอจำไม่ได้ รู้แต่เพียงว่ารถกำลังจะแล่นออกจากเลนถนนไป จากนั้นสักพัก ล้อรถก็กระทบกับพื้นด้วยเสียงอย่างดัง จากนั้นไม่รู้ว่าเข้าโค้งไปในมุมได้อย่างราบรื่นยังไงกัน
เจียงชื่อทำได้ยังไงกัน?
แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ในรถ แต่เธอกลับไม่รู้อะไรสักอย่างเลย
จนกระทั่งรถได้ถูกจอด สติของติงเมิ่งเหยนก็ยังไม่กลับมา เธอยังคงนั่งอยู่บนรถด้วยความมึนงง
“เมิ่งเหยน?ถึงบ้านแล้ว ลงรถเถอะ”
“ห๊ะ?อ่อ”
ด้วยการชี้นำของเจียงชื่อ ติ่งเมิ่งเหยนจึงลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้าน แม่ยายซูฉินนั้นตกใจเมื่อเห็นลูกสาวของตัวเอง
“เจียงชื่อ เมิ่งเหยนเป็นอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรครับแม่ เมิ่งเหยนแต่ตากลมเยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยสบายตัวน่ะครับ”
ยังไม่ทัที่จะพูดจบ ติงเมิ่งเหยนก็‘อาเจียน’ออกมา!
ซูฉินรีบร้อน “อั๊ยยะ ลูกรัก ลูกเป็นอะไรจ๊ะ?ตั้งแต่เล็กจนโต ลูกก็ตากลมมาตลอดก็ยังไม่เคยเวียนหัวเลย ทำไมวันนี้มาเวียนหัวได้ล่ะ?”
เหอะเหอะ หากเธอรู้ว่าติงเมิ่งเหยนนั่งบนรถนั้นน่ากลัวแค่ไหนล่ะก็ คงจะไม่ถามอะไรแบบนี้
ติงเมิ่งเหยนโบกมือ เพื่อแสดงว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร
เมื่อดื่มน้ำสักพัก เธอก็เข้าห้อง โดยมีเจียงชื่อตามมาด้วย
ปิดประตูห้อง
ติงเมิ่งเหยนจ้องไปที่เจียงชื่อ เจียงชื่อผู้ที่ไม่กลัวอะไรเลยในตอนนี้ กลับกลัวการจ้องมองจากภรรยาของตนเอง
เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ได้แต่ยืนอึดอัดอยู่ตรงนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน
ติงเมิ่งเหยนจึงสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “พูดมา นายปิดบังอะไรบ้างจากฉัน?”
สีหน้าของเจียงชื่อนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก “ห๊ะ?”
“ยังจะมาแสร้งทำใช่ไหม ทักษะการขับรถของนายมันดีเกินไป?”
เจียงชื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณกำลังพูดถึงทักษะการใช้รถล่ะสิ นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้เมื่อตอนที่ผมเป็นทหาร ในทีม นี่เป็นปฏิบัติการขั้นพื้นฐานที่สุดแล้วนะ”
“งั้นเหรอ?ตอนที่เรียนทหารก็ต้องเรียนขับรถด้วยเหรอ?”
“แน่นอน”
อย่างไรก็ตาม ติงเหมิ่งเหยนเองก็ไม่เคยเป็นทหาร ซ้ำยังไม่เคยไปเวสเตอร์แลนด์อีก งั้นก็ต้องเป็นเหมือนที่เจียงชื่อพูดงั้นเหรอ?
ติงเมิ่งเหยนพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ต่อไปนายอย่าขับรถ…”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เธอก็ได้อาเจียนออกมาอีกครั้ง
เจียงชื่อยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมกับส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถขับรถแบบนี้ได้อีกต่อไป