บทที่ 217 ค่าคำเชิญ
ติงเฟิงเฉิงนั้นรู้ดีอย่างชัดเจน เขาจะมีความสามารถไปแข่งกับนักแข่งมืออาชีพได้อย่างไรกัน?กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เกาหัวไปมาด้วยความงุ่มง่าม
“เอ่อ…ผมคิดว่าน่าจะไม่จำ…”
งูเห่าจ้องไปที่ติงเฟิงเฉิง ด้วยท่าทางที่เหมือนงูพิษ ทำให้ติงเมิ่งเหยนนั้นตกใจกลัวจนกลืนคำเหล่านั้นลงไป
งูเห่านั้นยิ้ม พูดว่า “ผมก็คงไม่ให้ท่าติงเสียเวลาเปล่าหรอกครับ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ผมจะให้ค่าคำเชิญท่านเป็นจำนวนสิบล้าน!”
สิบล้าน?
ไม่ว่าแพ้หรือชนะด้วย?
ติงเฟิงเฉิงนั้นถูกล่อลวง ช่วงนี้เขาจนมาก ขาดเงินไม่คล่องมือ
เห็นด้วยดีกว่าถูกเหยียดหยาม ถ้าแพ้ก็แพ้ไปเลยไม่มีอะไร อีกอย่างคู่แข่งก็คือนักแข่งมือฉมังของทีมมืออาชีพ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าอาย
ถึงแพ้ ก็ได้ตั้งสิบล้าน คุ้ม!
ติงเฟิงเฉิงถามอย่างถ่อมตนว่า “ไม่ว่าจะแพ้ ก็ให้สิบล้านจริงๆเหรอครับ?”
งูเห่ายิ้ม พร้อมกับโบกมือไปมา จากนั้นมีคนเสนอเรื่อง《สัญญาความเป็นตาย》ขึ้นมา
“ลงนาม《สัญญาความเป็นตาย》ไม่ว่าท่านจะแพ้หรือชนะ งู่เห่าอย่างผมจะเสนอเงินให้สิบล้านเป็นค่าคำเชิญอย่างแน่นอน”
“ถ้ายังแพ้อีก ก็ต้องออกไป และไม่กลับเข้ามาในเขตเจียงหนานอีก”
“แต่ถ้าท่านแพ้….”
ติงเฟิงเฉิงตะลึง “ถ้าผมแพ้แล้วทำไม?”
“เหอะเหอะ ได้ยินว่าท่านติงนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเป็นอย่างมากในเขตเจียงหนาน หากท่านแพ้ ผมก็ไม่ต้องการอะไร เพียงแค่ให้ท่านถอดโล่จารึกของบรรพบุรุษตระกูลติงออก แล้วนำมามอบให้แก่ผมเท่านี้เอง”
“คือ…”
ก่อนที่ติงเฟิงเฉิงจะได้พูดอะไร ติงจ้งก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่า “ไม่ได้!แผ่นจารึกตระกูลติงคือสิ่งที่บรรพบุรุษเราตกทอดมาให้ มันคือหน้าตาของตระกูลติง จะให้ได้ยังไงกัน?ถ้าให้แผ่นจารึกไป พวกเราตระกูลติงจะทำอย่างไร?!”
งูเห่ายิ้ม “คุณปู่ติง ตอนนี้ท่านเพิ่งจะมารู้การรักษาศักดิ์ศรีงั้นเหรอ?แล้วตอนที่เทพรถคนนี้ได้โยนหน้าตาของทีมรถฟาสเราไปอย่างไม่ไยดี ไม่ได้คิดเลยเหรอว่าเราจะยังมีหน้ามีตามีศักดิ์ศรีอยู่ไหม?”
เปลี่ยนบทสนทนา “อีกอย่าง คุณปู่ติง ติงเฟิงเฉิงของท่านก็เป็นคนพื้นบ้าน”
เปลี่ยนบทสนทนา “อีกอย่าง คุณปู่ติง ติงเฟิงเฉิงของท่านนั้นเป็นถึงเทพรถ ทักษะการใช้รถของเขานั้นยอดเยี่ยม เขาจะแพ้ได้อย่างไรกัน?”
ใบหน้าของติงจ้งนั้นโกรธจนแดงก่ำ
“ไม่ได้ จะพูดยังไงก็ไม่ได้”
งูเห่ายิ้ม “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ที่แท้สิ่งที่เรียกว่าเทพรถเป็นเพียงชื่อเท่านั้น ครอบครัวติงโลภและกลัวความตาย ช่างมันเถอะ เฟลมไทเกอร์ นายลองไปหานักข่าวคนก่อนมาหน่อยสิ บอกให้ตีพิมพ์ไปว่าตระกูลติงนั้นอายที่จะต่อสู้ ก่อนหน้านี้ที่ชนะไป มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น คนทั้งตระกูลก็เป็นพวกที่โลภและกลัวตายแค่นั้น อ่อนแอ ไร้ความสามารถ”
ติงจ้งเป็นคนรักศักดิ์ศรี
คนที่รักศักดิ์ศรี เมื่อโดนแหยมก็มักจะทนไม่ได้
ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามปั่นป่วน แต่ติงจ้งเองก็ทนไม่ไหว ตะโกนออกไปว่า “บังอาจ คิดว่าตระกูลติงจะยอมให้นายรังแกงั้นเหรอ?ฉันขอยอมตาย ดีกว่าจะต้องมาคุกเข่าให้ เฟิงเฉิง ปู่สนับสนุน แกไปลงนาม《สัญญาความเป็นตาย》ซะ!”
ติงเฟิงเฉิงรู้สึกเจ็บปวดในใจ
นี่ไม่ใช่การบีบบังคับให้ทำหรือไงกัน?ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเอาชนะคนอื่นไม่ได้ แต่ก็ยังฝืนไปเซ็นลงนามอีก
หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปเซ็นลงนาม 《สัญญาความเป็นตาย》
ใบหน้าของติงเฟิงเฉิงนั้นบูดเบี้ยวราวกับลูกมะระ
งูเห่ายิ้ม “ท่านติง ท่านไม่ต้องกลัวไปหรอก 《สัญญาความเป็นตาย》เป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น วัฒนธรรมของเขาไม่ได้ให้แข่งจนตายจริงๆหรอกครับ นี่เป็นเพียงแค่สัญญาที่กันไม่ให้อีกฝ่ายผิดไม่ยอมรับความผิด แค่นี้เท่านั้น ไม่ถึงตายหรอกครับ”
ไม่สนชีวิต!
แต่สนศักดิ์ศรี!
ติงเฟิงเฉิงอ้าปากค้างราวกับอะไรบางอย่าง อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ได้
ในตอนแรกที่ได้รับเสียงปรบมือและดอกไม้มามากมาย เวลานี้ต้องทนกดดันและดูถูกขนาดไหนกัน
นี่คือสิ่งที่เขาควรได้รับ!