อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ ณ สำนักงาน
เจียงชื่อและคนอื่นๆล้วนแต่มีรอยยิ้มที่มีความสุขอยู่บนใบหน้า กลอุบายแผนซ้อนแผนนี้ ไม่เพียงแค่ให้โป๋สิ้นหงชดเชยเงินแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นการทำให้ชื่อเสียงเหม็นคาวคลุ้งไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้คนทั้งโลกต่างก็รู้แล้วว่าบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องขโมยเนื้อเพลงของคนอื่นเขา
สิ่งที่สำคัญคือขโมยแล้วยังขโมยได้ไม่ดี ขโมยไปแล้วยังให้ร้ายแก่ตัวเองอีก อย่างที่ว่าขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ (อยากจะเอาเปรียบผู้อื่น กลับทำให้ตัวเองเสียเปรียบ)ขายขี้หน้าอย่างมาก
หลัวเซิ่งพูดอย่างพึงพอใจมากว่า “ตาแก่อย่างข้าอยู่ในวงการนี้มาทั้งชีวิตแล้ว พูดตามตรง เห็นจนชินแล้วที่บริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องชอบรังแกคนอื่น ยังไม่เคยเห็นคนอื่นรังแกเขาเลย หลายปีมานี้ฉันทนต่อวงการสกปรกนี้ไม่ไหวจริงๆ หันหลังให้วงการแล้ว ในที่สุดวันนี้คนที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดก็จะได้พบกับแสงสว่าง กำจัดความจองหองของบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องอย่างโหดเหี้ยม!ระบายความโกรธในใจ ระบายความโกรธในใจเลย ! ”
เจียงชื่อยิ้มๆ ไม่ได้พูดจาอะไร
แผนการครั้งนี้ทำให้บริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องชดเชยเงิน เสียหน้า แต่ไม่ถึงกับเสียหายอย่างรุนแรงมาก
รากฐานของบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องยังอยู่
ถ้าเปรียบเทียบถึงพละกำลังที่แข็งแกร่ง อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ยังตามหลังอีกฝ่ายอยู่
เพราะงั้น อย่าเพิ่งรีบดีใจไปเลย ชัยชนะเพียงชั่วคราวกลับว่าไม่ใช่ชัยชนะ เจียงชื่อเข้าใจเหตุผลข้อนี้อย่างชัดเจนมาก
เฉิงดันถิงพูดถามว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อดีคะ?”
เจียงชื่อเคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ “ลำดับถัดไป คือเอาตัวหนอนบ่อนไส้ออกมา”
เขามองไปยังเฉิงดันถิงแวบหนึ่ง อีกฝ่ายก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนทันที หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเลขาของตัวเอง “เสี่ยวอู๋ ช่วยฉันติดต่อหัวหน้าควบคุมเสียงของภาพยนตร์และโทรทัศน์หน่อย——จ้าวติ่ง ให้เขามาที่ห้องทำงานของประธานกรรมการหน่อย”
วางสายแล้ว ไม่ถึงห้านาที จ้าวติ่งก็ผลักประตูห้องทำงานเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าของเจียงชื่อและพวก
บรรยากาศค่อนข้างเคร่งขรึม
จ้าวติ่งกลับว่าค่อนข้างที่จะดูสุขุม ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆออกมาทางสีหน้าเลย ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
“ประธานเจียง คุณเรียกผมมาพบเหรอ?”
เจียงชื่อจ้องมองไปยังเขาประมาณสิบกว่าวินาที ไม่พูดสักคำเดียว ถ้าหากเป็นคนอื่นๆก็คงจะตกใจจนตัวสั่นไปตั้งนานแล้ว แต่จ้าวติ่งกลับว่าไม่ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปจากเดิม ก็เหมือนกับหินที่ทั้งดำทั้งแข็งยังไงอย่างนั้น
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เนื้อแท้ในใจยอดเยี่ยมมากจริงๆ
“รู้ไหมว่าฉันเรียกนายมาพบทำไม?” เจียงชื่อตั้งใจพูดถาม
“ไม่ทราบครับ”
“ยังจะเสแสร้ง?”
“ประธานเจียง ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”
เฉิงดันถิงทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เปิดคลิปวิดีโอกล้องวงจรเลย เปิดคลิปวิดีโอท่อนที่จ้าวติ่งขโมยต้นฉบับร่างที่ไม่ใช้แล้วไป
“ยังจะเสแสร้งไหม?”
“จะบอกนายให้นะ ทางเราได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ดักฟังบนโทรศัพท์ของนายแล้ว ฉันได้บันทึกเสียงระหว่างนายกับโป๋สิ้นหงไว้แล้ว สามารถฟ้องร้องนายต่อศาลได้ทุกเมื่อ!”
เฉิงดันถิงโมโหจนหน้าอกกระเพื่อม
แม้พูดว่าสามารถลงโทษบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องได้แล้ว แต่เรื่องที่บริษัทมีหนอนบ่อนไส้นี้ทำให้เธอไม่สบายใจอย่างมาก
หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่ จ้าวติ่งไม่จำเป็นต้องดันทุรังต่อไปแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมถอนหายใจลากเสียงยาว
ไม่ได้พูดอะไรมากมายอีก
เงียบขรึมเหมือนคนเป็นใบ้ที่พูดจาไม่ได้ยังไงอย่างนั้น
เจียงชื่อกลับว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมาย ปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้ อีกฝ่ายจะต้องสู้เหมือนหมาจนตรอกขอร้องขอความเมตตาไม่ใช่เหรอ ท่าทางที่เงียบสงบอย่างจ้าวติ่งน้อยมากที่จะเจอ
ยิ่งจะพูดได้ชัดเจนมากว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถ
เฉิงดันถิงจะพาจ้าวติ่งไปส่งสถานีตำรวจ ข้อหาที่เขาเปิดเผยความลับ แต่ถูกเจียงชื่อรั้งเอาไว้
“ช้าก่อน!”
เจียงชื่อมองไปยังจ้าวติ่ง พูดถามว่า “เหตุผลที่ทำไปเพราะอะไร?”
จ้าวติ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เหตุผล?”
เจียงชื่อพยักหน้า “คนคนหนึ่งจะทำเรื่องใดๆก็ตามแต่ล้วนแต่ต้องมีเหตุผล นายในฐานะที่เป็นพนักงานเก่าแก่ที่มาทำงานที่อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์เร็วที่สุด สวัสดิการเงินเดือน ตำแหน่งล้วนแต่ไม่ได้ต่ำต้อยเลย ฉันไม่เข้าใจ นายทรยศต่อบริษัทไปเพื่ออะไร?”
“สวัสดิการของบริษัทไม่ดีเหรอ?หรือว่าให้เงินเดือนนายน้อยเกินไป?หรือว่านายไม่พอใจหัวหน้าบางคน?หรือนายคิดว่าตัวเองมีความสามารถแต่ไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ?”
“น่าจะมีเหตุผลนะ?”
จ้าวติ่งพ่นคำว่า “เงิน” ออกมาหนึ่งคำด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ