เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจ เขารักษายังไงกันแน่ ทำไมถึงหลินเจียหรงอาเจียนเป็นเลือดออกมาได้?
ผู้ช่วยรีบห้ามอย่างรวดเร็ว “ไอ้หมอบ้า หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เขายื่นมือออกมาเพื่อจะดึงเข็มเงินออกจากร่างกายของหลินเจียหรง แต่เจียงชื่อคว้าแขนของเขาไว้และเหวี่ยงเขานอนคลานอยู่กับพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบเขาไว้
ไม่ว่าผู้ช่วยของหลินเจียหรงจะดิ้นอย่างไร แต่เขาก็ไม่มีปัญญาหลุดออกจากเท้าของเจียงชื่อได้
จากนั้นเจียงชื่อค่อยๆ พยุงหลินเจียหรงให้นอนลงและเริ่มใช้เข็มเงินฝังลงไปบนร่างกายเขาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ ทุกๆ เข็มที่ฝังเข้าไปร่างกายของหลินเจียหรงก็จะมีไอสีดำแผ่ออกมา
ซึ่งฉากที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกสับสนทันที
ร่างกายของมนุษย์จะมีไอสีดำแบบนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป ไอสีดำในร่างกายของหลินเจียหรงก็แผ่ออกมาเกือบหมด และสีหน้าของเขาก็เริ่มดีขึ้น
จากนั้นเจียงชื่อจึงค่อยๆ ดึงเข็มเงินออกมาทีละเข็ม
“เรียบร้อยแล้ว”
“ใช้น้ำสะอาดล้างตัวเขา แล้วรอ 10 นาที เดี๋ยวเขาก็จะตื่นเอง”
“อ้อ จริงด้วยสิ ทางที่ดีควรไปต้มซุปโสมให้เขาสักถ้วยนะ ให้เขาดื่มหลังจากที่ตื่นขึ้นมา แล้วเขาจะได้หายเร็วขึ้น”
ทุกคนต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อเลย
จะได้หายเร็วขึ้น?
ดูจากสภาพของหลินเจียหรงแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับคนตายเลย? เขาแทบจะไม่หายใจแล้วด้วยซ้ำ
ผู้ช่วยรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้ววางหูไว้ที่หัวใจของหลินเจียหรง เขาได้ยินเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ แต่จะเต้นช้ากว่าปกติหน่อย
จากนั้นเขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าอีก 10 นาทีคุณหลินไม่ตื่นขึ้นมาตามที่พูด ผมรื้อหอการแพทย์ตระกูลซินของพวกคุณทิ้งแน่!”
เจียงชื่อยิ้มจางๆ และพูดว่า “เอาเวลาไปต้มซุปโสมให้เขายังดีกว่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่นะ”
ผู้ช่วยก็ไปเตรียมซุปโสมโดยที่ไม่พูดอะไรอีก
ส่วนทางสือเหวินปิ่งก็กระซิบถามว่า “พ่อครับ เจียงชื่อมันคิดจะทำอะไรกันแน่?”
สือควนยิ้มจางๆ “ถ่วงเวลาน่ะสิ พยายามถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด เดี๋ยวอีก 10 นาทีก็รู้กัน คอยดูว่ามันจะเสแสร้งยังไงต่อ”
และเวลา 10 นาทีก็ผ่านไปในพริบตา
แต่หลินเจียหรงก็ยังไม่ตื่น
ผู้ช่วยของเขาเริ่มกังวลอีกครั้ง “ไอ้สารเลว แกฆ่าคุณหลิน! ข้าจะให้แกชดใช้อย่างสาสม!”
แต่ก่อนที่เขาจะเขาไปถึงตัวของเจียงชื่อ หลินเจียหรงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ลืมตาขึ้นและไอออกมาด้วยเสียงเบาๆ
แม้จะเป็นเสียงไอที่เบามาก แต่สำหรับทุกคนที่ได้ยินเสียงนี้ มันช่างดังสนั่นมากกว่าเสียงฟ้าร้องเสียอีก
ผู้ช่วยจึงรีบเข้าไปพยุงตัวของหลินเจียหรงแล้วถามอย่างกังวลว่า “คุณหลินครับ เป็นยังไงบ้างครับ?”
หลินเจียหรงถอนหายใจแล้วตอบว่า “ตอนนี้ผม……รู้สึกดีขึ้นแล้ว ไม่เจ็บไตแถมยังรู้สึกว่าร่างกายมีแรงเยอะขึ้น ที่สำคัญ ผมไม่รู้สึกหนาวแล้วด้วย!”
เป็นคำพูดที่ทำให้สองพ่อลูกตระกูลสือฟังแล้วถึงกับผวา
สือควนรีบเข้าไปและพูดว่า “คุณหลินครับ ผมขอตรวจชีพจรของคุณหน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้สิ”
สือควนนั่งลงแล้วเริ่มตรวจชีพจรให้กับหลินเจียหรง จากนั้นเขายิ่งฟังยิ่งรู้สึกใจหาย เพราะดูเหมือนว่าภาวะชีพจรของหลินเจียหรงนั้นกลับคืนสู่ปกติแล้ว!
นี่มัน……
สือควนวางเครื่องตรวจลงด้วยความน่าทึ่งและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
เขาที่ตั้งใจรอความล้มเหลวของเจียงชื่อ แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายล้มเหลว
ซินยุ่นในตอนนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เธอไม่จำเป็นต้องตรวจชีพจรของหลินเจียหรงก็รู้ว่าเขาหายดีแล้ว ไม่อย่างนั้นสือควนคงไม่นิ่งเฉยขนาดนี้หรอก
สือควนในตอนนี้นิ่งเงียบเหมือนตอไม้ตอหนึ่ง ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าทักษะทางการแพทย์ของเจียงชื่อนั้นประสบความสำเร็จแล้ว
จากนั้นเธอเดินเข้าไปเจียงชื่ออย่างเงียบๆ “ใช้ได้เหมือนกันนะ ดูไม่ออกเลยว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณจะยอดเยี่ยมขนาดนี้”
เจียงชื่อยิ้มจางๆ “ผมบอกแล้วไง ทักษะทางการแพทย์ที่เป็นความลับของตระกูลซินนั้นจะถ่ายทอดให้กับผู้ชายเท่านั้น คุณอิจฉาไหมล่ะ?”
ซินยุ่นกลอกตาใส่ และเธอรู้ดีว่าเขากำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่