เมื่อทุกคนปรบมือให้ซินยุ่นอย่างอบอุ่น จู่ๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยก็วิ่งเข้ามาแล้วพูดอย่างเร่งรีบ “คุณสือครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มลูกไว้ที่ด้านนอกและต้องการหาทางรักษาลูกของหล่อนครับ”
คนในที่เกิดเหตุกล่าวว่าไม่พอใจ “วันนี้เป็นการประชุมแลกเปลี่ยนแพทย์ของเรา ไม่รับการรักษาอะไรทั้งนั้น ให้หล่อนไปรักษาที่โรงพยาบาลแทนสิ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอเพิ่งมาจากโรงพยาบาลและโรงพยาบาลรักษาไม่ได้ ผมเห็นว่าสีหน้าของเด็กนั้นแย่มาก เขาอาจจะ’จากไป’เมื่อใดก็ได้”
สือควนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “จุดประสงค์ของการประชุมแลกเปลี่ยนทางการแพทย์ของเราคือการพัฒนาทักษะทางการแพทย์และช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ที่หน้าประตูและเราเองก็มีแพทย์จำนวนมาก เห็นคนตายและจะไม่ช่วยกันหรือไง แล้วจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไปเพื่ออะไรกัน?นี่วางลำดับความสำคัญกันผิดไปใช่ไหม?ไป พาฉันไปดู”
เมื่อเห็นการกระทำที่กล้าหาญของสือควน ทุกคนต่างชื่นชมเขาอย่างสุดซึ้ง
“คุณสือนี่เป็นคนจิตใจดีจริงๆ ”
“ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ยังสามารถแยกแยะลำดับความสำคัญได้ ละทิ้งตัวตนเพื่อไปรักษาผู้ป่วยแปลกหน้า ช่างเป็นแบบอย่างที่ดีจริงๆ ”
“ไปไปไป ทุกคนไปให้ความช่วยเหลือคุณสือกันเถอะ”
ทุกๆ คนเดินไปที่ประตู รวมถึงเจียงชื่อและซินยุ่นด้วย
หลังจากที่ทุกคนมาที่ประตูก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน ความสูงและรูปลักษณ์ของเด็กน่าจะอายุสี่หรือห้าขวบ
ใบหน้าของเด็กเหลือง ดวงตาของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย ดูซีดเซียวเป็นอย่างมาก
“คุณสือคะ ช่วยลูกของพวกเราด้วย” ขณะที่หญิงสาวพูด หล่อนก็เตรียมที่จะคุกเข่าลง
สือควนนั้นพยุงหล่อนขึ้นมา “ไม่ต้องคุกเข่าลงหรอก มา วางเด็กไว้บนเตียงคนไข้แล้วให้ฉันดูหน่อย”
ทันใดนั้นก็มีคนย้ายเด็กไปที่เตียงคนป่วย พร้อมกับวางเด็กนอนลง
สือควนถามพร้อมกับวินิจฉัยไปด้วย “เด็กคนนี้เคยเป็นโรคอะไรมาก่อน?”
“ก็ไม่นะคะ ปกติก็ดีมาโดยตลอดอยู่แล้ว”
“แล้วจู่ๆ เขาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจค่ะ พอฉันกลับมาจากที่ทำงานก็พบว่าสีหน้าของลูกนั้นซีดมากแล้ว พูดอยู่ตลอดว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายที่หัวใจ บางทีก็กลิ้งบนพื้นไปมาด้วยความเจ็บปวด มันทำให้ฉันกลัวแทบตายเลยค่ะ ไปรักษาที่โรงพยาบาลมาก็ไม่ดีเลย หมอเองก็ไม่รู้ว่าลูกฉันเป็นโรคอะไร”
“อืม”
สือควนวินิจฉัยไปครู่หนึ่งและกล่าวว่า “มันแปลกจริงๆ ฉันเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้เช่นกัน”
ขณะนี้เอง สือควนก็มองไปที่ซินยุ่น พร้อมกับพูดตามอำเภอใจว่า “ฉันนั้นเก่งในเรื่องของการผ่าตัด การรักษาโรคทางอายุรกรรมไม่ใช่สิ่งที่ฉันถนัดสักเท่าไหร่ หมอซิน ฉันได้ยินมาว่าทักษะทางการแพทย์ของตระกูลซินนั้นไม่มีใครเทียบได้ในโลกนี้ งั้นเชิญคุณมาดูสักหน่อยเถอะ การรักษาโรคนี้อาจจะทำได้อย่างราบรื่นขึ้นก็ได้”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างจ้องไปที่ซินยุ่น
มาแล้ว
ความยุ่งยากมาแล้ว
เจียงชื่อนั้นยิ้มเยาะอย่างเย็นชาในใจของเขา เมื่อกี้เขาเพิ่งจะชื่นชมสรรเสริญซินยุ่นต่อหน้าผู้คนจำนวนมากอยู่เลย แล้วตอนนี้ก็ยังจะมายกย่องทักษะทางการแพทย์ของตระกูลซินอีก นั่นทำให้ซินยุ่นนั้นรู้สึกเหมือนเป็น’ผู้กอบกู้โลก’อย่างไงอย่างงั้น
หากซินยุ่นไม่สามารถรักษาคนป่วยตรงหน้านี้ให้ดีได้ นั่นจะทำให้ชื่อเสียงของซินยุ่นและหอการแพทย์ตระกูลซินได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
การรักษาจากตระกูลสือถ้าไม่ดีก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเก่งเรื่องของการศัลยกรรม ไม่ใช่เรื่องอายุรกรรม
แต่หากตระกูลซินที่เชี่ยวชาญทางด้านอายุรกรรมนั้นรักษาไม่ได้ล่ะก็ ปัญหาของเธอจะใหญ่อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน เจียงชื่อเองก็ได้สังเกตเห็นรายละเอียดของสือเหวินปิ่งในมุมๆ หนึ่งที่มีท่าทีคันไม้คันมืออยากลอง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าสือเหวินปิ่งจะแน่ใจเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของเด็กคนนั้นและเขาต้องการที่จะลุกขึ้นมารักษาเด็กเต็มที
ปัญหานี้คงจะเป็นปัญหาใหญ่น่าดู