“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณปู่ด้วยนะคะ”
ในที่สุด ติงเมิ่งเหยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วหันเดินออกจากห้องประชุมไป
ติงจ้งยังคงถือข้อเสนอโครงการและมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นไปได้ แต่ความจริงก็คือความจริง เขาจึงได้แต่จำใจยอมรับ!
ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน
ติงเมิ่งเหยนขับรถกลับบ้านคนเดียว วันนี้เจียงชื่อไม่ได้ไปทำงาน เขาเก็บกวาดข้าวของอยู่ในบ้านและรอภรรยาของเขากลับมา
ทันทีที่เข้าไปในบ้าน ใบหน้าของติงเมิ่งเหยนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอฮัมเพลงอยู่ในปากเบาๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าวันนี้เธออารมณ์ดีมาก และดีกว่าสองวันที่ผ่านมานี้มาก
จากนั้นเธอเริ่มพูดก่อนว่า “เจียงชื่อ คุณลองทายดูสิว่าวันนี้ฉันทำงานเป็นยังไงบ้าง?”
สีหน้าสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เจอสิ่งดีๆ แล้วต้องการแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่น ซึ่งทำให้เจียงชื่อมองแล้วมีความสุขมาก
เจียงชื่อจึงแกล้งขมวดคิ้วถาม “คุณถูกคนอื่นไล่กลับมาเหรอ?”
“เชอะ! คุณนั่นแหละถูกไล่กลับมา!” ติงเมิ่งเหยนนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ฉันได้ลายเซ็นทั้งหมดแล้วนะ ตอนนี้หมู่บ้านตี้เหาสามารถเริ่มการรื้อถอนได้ทุกเมื่อแล้วล่ะ เจียงชื่อ หลุมฝังศพที่สัญญากับคุณว่าจะสร้างให้น้องชายคุณตอนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะ เป็นไง จะขอบคุณฉันยังไงดี?”
เมื่อเห็นติงเมิ่งเหยนพูดอย่างได้ใจ เจียงชื่อก็แอบขำในใจ
ก็ดีเหมือนกันนะ
เขานั่งลงข้างติงเมิ่งเหยนแล้วกุมมือเธอไว้ “เมิ่งเหยน สัญญากับผมนะว่าคุณจะมีความสุขแบบนี้ทุกวัน”
มุมปากของติงเมิ่งเหยนโค้งขึ้นและเอนกายลงแล้วซบไปที่อกของเจียงชื่อ
……
ณ ออฟฟิศผู้บริหารในอาคารสำนักงานตระกูลติง
ติงจ้งถือข้อเสนอโครงการในมือและตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาไม่สามารถหาข้อบกพร่องได้ ไม่มีตำหนิเลยแม้แต่ข้อเดียว!
เขาจึงได้แต่ถอนหายใจพูด “เฮ้อ คงจะเป็นฟ้าลิขิตสินะ สิ่งที่พวกเธอทุกคนทำไม่ได้ แต่เมิ่งเหยนกลับทำได้ในครั้งเดียว ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจมากนัก แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ถือว่าเราผ่านอุปสรรคที่ยากที่สุดไปได้ อย่างน้อยก็เป็นผลดีโดยรวมต่อโครงการของเขา”
“มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย แต่โดยรวมแล้วข้อดีมากกว่าข้อเสีย ตามนี้ก็แล้วกัน”
ติงจ้งก็พูดอย่างจนปัญญาแล้วเช่นกัน
ได้ลายเซ็นก็ดีกว่าไม่ได้ เพราะปัญหานี้ได้กวนใจพวกเขามาหลายต่อหลายเดือนแล้ว และในวันนี้ปัญหาก็ได้คลี่คลายลง
ถึงแม้แผนจะแตกต่างไปจากแผนเดิม และพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือเจียงชื่อ แต่เป้าหมายหลักของโครงการยังเป็นเหมือนเดิม ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายแล้ว
แต่แล้ว ติงเฟิงเฉิงไม่ได้คิดอย่างนั้น
เขากัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ครับ เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปแบบนี้เลยเหรอครับ? ปู่จะช่วยเจียงชื่อจริงเหรอครับ? ปู่ลืมไปแล้วหรือว่าไอ้สารเลวคนนั้นมันเคยหักหน้าพวกเรามาหลายต่อหลายครั้ง?”
ติงจ้งถอนหายใจ “แกคิดว่าปู่ไม่อยากจัดการมันเหรอ? แต่เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แล้ว จะให้ปู่ทำยังไงล่ะ?”
บรรยากาศในห้องเงียบลง
ในเวลานี้ ติงจื่อยวี่ก็พูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “คุณปู่คะ หนูมีวิธียิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวนะคะ”
อีกแล้วเหรอ?
ครั้งก่อนก็บอกว่าเป็นวิธี ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’ ถึงได้จบอย่างไม่สวยแบบนี้
แล้วยังจะใช้วิธียิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอีกหรือ?
ติงจ้งขมวดคิ้วพูดว่า “จื่อยวี่เอ๋ย วิธีของเธอมันเชื่อถือได้จริงเหรอ?”
ติงจื่อยวี่แตะที่หน้าอกแล้วพูดว่า “คุณปู่ไม่ต้องกังวลนะคะ ครั้งนี้เชื่อถือได้แน่นอน”
“ไหนลองว่ามาสิ”
“คุณปู่คะ ตอนนี้เราได้รับลายเซ็นมาแล้ว บอกตามตรงว่าวิธีการรื้อถอนหรือการปลูกสร้างใหม่นั้นมันขึ้นอยู่กับคุณปู่ไม่ใช่เหรอคะ? คุณปู่ก็แค่ใช้วิธีเขียนด้วยมือลบด้วยเท้ากับพวกเขา! แล้วใช้หมู่บ้านตี้เหาให้เกิดเป็นประโยชน์ในด้านอื่น ส่วนพื้นที่ที่จะให้เมิ่งเหยนไปทำเป็นสุสานก็หาพื้นที่ส่วนเกินที่ไหนสักที่ให้เธอก็พอแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ติงจ้งพยักหน้าพอใจมาก
“อื้ม จื่อยวี่ ความคิดนี้ใช้ได้เลยนะ”
“งั้นปู่จะลองวิธีเขียนด้วยมือลบด้วยเท้าดู!”