ติงจื่อยวี่ยิ้มตอบ “คุณปู่ชมหนูเกินไปแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก แต่ก็เสียดายนะที่เธอเป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นสำแหน่งหัวหน้าครอบครัวก็คงต้องส่งต่อให้เธอแล้ว เฮ้อ เฟิงเฉิงก็เทียบกับเธอในทุกๆ ด้านไม่ได้จริงๆ ให้ปู่คอยเป็นห่วงอยู่ตลอด”
“คุณปู่คะ เฟิงเฉิงเขาก็แค่ทำอะไรมักจะใจร้อนไปหน่อย ความจริงแล้วเขาไม่ได้แย่เลยนะ”
ติงจ้งถอนหายใจ “เขาน่ะเหรอ ถ้านิ่งเหมือนหลานได้แค่ครึ่งเดียวก็สุดยอดแล้วล่ะ”
ในอีกด้านหนึ่ง
ติงเมิ่งเหยนกลับมาที่ออฟฟิศด้วยความโกรธ เธอโยนแผนพัฒนาลงบนพื้นแล้วกระทืบด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอจนเป็นรูหลายๆ รู
ที่ผ่านมาไม่เคยมีครั้งไหนทำให้เธออึดอัดใจแบบนี้มาก่อนเลย!
เมื่อก่อนเคยมีคนนอกรังแกเธอก็แล้วไป แต่เดี๋ยวนี้คนในครอบครัวยังรังแกเธอและยังรวมหัวกันรังแกเธออีกด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ
น้ำตากำลังจะร่วงลงมา
เจียงชื่อรีบเข้าไปกอดเธอไว้ “ไม่ต้องร้องนะ มันจะทำให้พวกเขาได้ใจมากกว่า”
ติงเมิ่งเหยนปาดน้ำตาแล้วพูดอย่างเศร้าใจ “แต่คุณปู่เขารังแกฉันเกินไปแล้วนะ ใครเขาจะทำกันแบบนี้? ฉันไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว”
“เจียงชื่อ หรือว่าช่างมันไปเลย?”
“ฉันคืนหุ้น 10% ให้คุณปู่แล้วไปหางานที่มั่นคงทำเหมือนพ่อฉันดีไหม?”
เจียงชื่อยิ้มอย่างขมขื่นแล้วปล่อยให้เธอนั่งลง “คุณน่ะ แค่โกรธอยู่แล้วคิดฟุ้งซ่านไปเท่านั้น ถือหุ้น 10% ในตระกูลติงมันหมายถึงอะไรคุณรู้ไหม? คุณไม่ต้องทำอะไรเลย ในทุกๆ ปีคุณก็จะได้เงินปันผลหนึ่งหรือสองล้านแล้ว เรื่องอะไรถึงไม่เอาล่ะ?”
“แต่ฉันอยู่แล้วไม่สบายจริงๆ นะ!”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พวกเขาดิ้นได้ไม่นานหรอก”
“หมายความว่ายังไง?”
เจียงชื่อยิ้มพูดอย่างมีนัยว่า “อย่างที่ผมพูด เจ้าบ้านเหล่านั้นไม่มีวันยินยอมกับการเปลี่ยนแผนพัฒนาหรอก ถ้าเจ้าบ้านไม่เห็นด้วย ต่อให้คุณปู่พวกเขาจะมีอำนาจแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
ติงเมิ่งเหยนมุ่ยปาก “คุณก็ใจกว้างเกินไป เรื่องดีๆ แบบนี้เจ้าบ้านไม่มาขอก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ?”
เจียงชื่อจับมือเธอเบาๆ
“เชื่อผมสิ ตอนนี้หน้าที่ของคุณคือพักผ่อนก่อน เดี๋ยวตื่นมาก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว”
“อื้ม”
ติงเมิ่งเหยนเองก็เหนื่อยแล้วจริงๆ จากนั้นเธอนอนลงบนโซฟาและเอาหัวพิงที่ตักของเจียงชื่อแล้วผล็อยหลับไป
ส่วนเจียงชื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพิมพ์ข้อความหนึ่งส่งให้กับมู่หยางอี
เมื่อพิมพ์เสร็จก็เก็บโทรศัพท์ไว้
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาลูบเส้นผมยาวสลวยของติงเมิ่งเหยนแล้วพูดในใจว่า “เมิ่งเหยน คุณพักผ่อนเยอะๆ นะ ส่วนเรื่องอื่นมีผมอยู่ทั้งคน มีผมอยู่ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา”
หนึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไปและตะวันก็โด่งฟ้า
ติงเฟิงเฉิงถือเอกสารร่างที่เพิ่งพิมพ์เสร็จแล้วเข้ามาในสำนักงานของประธาน
“คุณปู่ครับ ผมให้คนร่างเอกสารเรียบร้อยแล้วครับ คุณปู่ช่วยดูหน่อยว่ามันมีปัญหาอะไรไหมครับ”
“อื้ม ไหนเอามาดูหน่อย”
ติงจ้งอ่านเอกสารนี้อย่างละเอียดจนจบแล้วพยักหน้าพูดว่า “เฟิงเฉิง รอบนี้แกทำได้ดีมาก จดหมายฉบับนี้เขียนได้ดีมาก ผ่าน ใช้เอกสารฉบับนี้เป็นที่อ้างอิงแล้วโทรหาเจ้าบ้านทีละคนเลยนะ รีบจัดการให้เรียบร้อย เราจะได้เริ่มการก่อสร้างกันเลย”
“ครับ ผมไปโทรเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ติงเฟิงเฉิงใช้โทรศัพท์ของบริษัทโทรไปเพื่อจะทำให้ดูทางการมากขึ้น
เขาเปิดไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของกวนจื้อฉวนเป็นเบอร์แรก จากนั้นกดหมายเลขอย่างต่อเนื่องและรอนานกว่า 20 วินาที และสายก็โทรติด
“ฮัลโหล?”
“ฮัลโหลครับ ประธานกวน ผมเป็นรองประธานของบริษัทติงหรงนะครับ พอดีอยากคุยเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาปรับปรุงชุมชนกับคุณหน่อยครับ……”