เถ้าแก่เจ้าของร้านเอามือลูบเครา พร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย “ทำการค้าขายก็แบบนี้แหละ ตาไม่ดีเองแล้วจะมาโทษใครได้ล่ะ?เมื่อสินค้าออกจากร้านฉันไปแล้ว ฉันก็ไม่ต้องมีหน้าที่มารับผิดชอบอะไรอีก นายบอกว่านี่ไม่ใช่โสมป่า ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่านายน่ะทำตกไประหว่างทางแล้วได้ไปเอาโสมขยะมาสลับกับโสมป่าอันมีค่าของฉันไหม?”
“เงินนี้ ฉันไม่สามารถคืนให้ได้หรอก”
เจียงชื่อพยักหน้า ด้วยคำพูดที่เรียบง่ายไม่กี่ประโยค เจียงชื่อก็พอจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ชายวัยกลางคนซื้อโสมปลอมด้วยเงินมหาศาล แต่เถ้าแก่ปฏิเสธที่จะคืนเงินให้ เรื่องก็แค่นี้
ชายวัยกลางคนกังวลมากจนร้องไห้ “เถ้าแก่ทำแบบนี้ไม่ได้สิ พ่อของฉันหมดหนทางเยียวยารักษาและต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน มอบโสมป่าให้ฉันหรือจะชดใช้เงินให้ ไม่เช่นนั้นพ่อของฉันจะตายแน่!”
“ชีวิตความเป็นความตายของพ่อนายเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?”
“รีบไสหัวไปได้แล้ว!”
เพื่อเงิน เถ้าแก่นั้นยอมไร้ซึ่งหน้าตาศักดิ์ศรีใดๆ
คนที่อยู่รอบข้างก็ไม่ได้แยแส เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในหลงหยันหยวน การขโมย ปล้นหรือการคดโกงล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน ทุกๆ คนนั้นคุ้นเคยกับมันมาเป็นเวลานานมากแล้ว
เจียงชื่อส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ดูเหมือนว่ามันจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความพยายามในการแก้ไขหลงหยันหยวน หากสถานการณ์แบบนี้ยังคงอยู่ คงไม่รู้ว่าจะต้องมีคนดีอีกกี่คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก
เขาก้าวเดินไป
“ท่านทั้งสอง หยุดเถียงกันได้แล้ว ผมมีวิธีที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับผลประโยชน์ทั้งคู่ ไม่ทราบว่าทั้งสองคนจะเต็มใจไหมครับ?”
ชายวัยกลางคนและเถ้าแก่เจ้าของร้านมองไปที่เจียงชื่อในเวลาเดียวกัน
เถ้าแก่ร้านถาม “นายมีวิธีดีๆ อะไรล่ะ?”
“ที่จริงแล้วง่ายมาก เถ้าแก่อย่าคืนสินค้าหรือคืนเงินเลย ขอเพียงแค่ให้เขาได้หยิบโสมจากแผงขายของคุณไปก็พอ”
“ถ้าเลือกได้ดีก็ถือว่าเขามีโชคไป”
“หากเขาเลือกได้ไม่ดี ก็ไม่สามารถโทษใครได้”
เถ้าแก่เจ้าของร้านนั้นปลื้มใจ แท้จริงแล้วของที่นำมาขายในร้านนั้นล้วนแต่เป็นของปลอม ของจริงซ่อนอยู่ในห้องส่วนตัวต่างหาก เฉพาะผู้ซื้อบางรายเท่านั้นถึงจะนำมาให้ดู
ดังนั้นเขาจึงสามารถวางใจและกล้าที่จะให้ชายวัยกลางคนเลือกได้อย่างสบายๆ
“ฉันเห็นด้วยกับวิธีนี้ นายสามารถเลือกสินค้าในร้านของฉันได้เลย”
“ครั้งนี้จะมาหาว่าฉันหลอกนายไม่ได้แล้วนะ”
“เลือกได้ไม่ดี ก็เพราะว่านายตามองไม่เห็นเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนะ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า
ตอนนี้ก็คงทำได้เพียงเท่านี้ ทำยังไงเถ้าแก่เจ้าของร้านก็ไม่ยอมคืนเงินให้ การที่ยอมข้อตกลงนี้ก็ถือว่าเป็น’เมตตา’มากแล้ว
เขามองไปรอบๆ ร้านพร้อมกับจ้องมองไปที่โสมป่าที่อยู่บนเคาน์เตอร์ที่มีราคาแปะไว้ ‘9999999’
นั่นคือโสมป่าที่แพงและขายดีที่สุดในร้านนี้
“ผมต้องการชิ้นนี้…”
เถ้าแก่เจ้าของร้านรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง โสมนั่นเป็นโสมที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยง มันทั้งใหญ่และดูดีเป็นอย่างมาก แต่คุณค่าทางการแพทย์ที่แท้จริงนั้นกลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
ราคาตลาดอยู่ที่ประมาณห้าหมื่นหยวนเท่านั้น
ขายโสมห้าหมื่นหยวนในราคาหนึ่งล้านห้าแสนหยวนนี่มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!
ในขณะนั้น เจียงชื่อขัดจังหวะชายวัยกลางคนและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมคิดว่าโสมชิ้นนี้ดีกว่า”
หืม?
สายตาของทุกคนมองมาพร้อมกัน
เห็นเพียงเจียงชื่อหยิบโสมที่ดูทั้งสั้นและบิดเบี้ยวออกมาจากกองขยะ ดูสกปรกและน่าเกลียดเป็นอย่างมาก
นั่นคือโสมที่เถ้าแก่เจ้าของร้านนั้นรับมาจากร้านเล็กๆ บริเวณใกล้เคียง
ทุกๆ เดือน เขาจะรับซื้อโสมจากพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย จากนั้นเอาส่วนที่ดีไปและนำส่วนที่ไม่ดีไปขายเป็นขยะในราคาที่ถูก
ในใจของเถ้าแก่นั้นรู้อยู่แน่ชัดว่าโสมจากร้านค้ารายย่อยนี้ล้วนแต่มาจากการเพาะเลี้ยงทั้งนั้น จะได้ของแท้ได้อย่างไรกัน?
บางชนิดไม่ใช่โสมด้วยซ้ำ เอาหัวไชเท้ามาปลอมแปลงก็ยังมีเลย
ดังนั้น เมื่อเห็นเจียงชื่อหยิบโสมออกมาจาก’กองขยะ’เถ้าแก่เจ้าของร้านจึงรู้สึกสุขใจเป็นอย่างมาก
“ใต้ฟ้ามีคนโง่เง่าเช่นนี้อีกเหรอ?!”