“กูจะฆ่ามึง!”
หยางกวางโกรธจนเอื้อมือออกไปเพื่อจะทำร้ายผู้จัดการ แต่เขาถูกรปภ. สี่ห้าคนจับตัวไว้แล้วโยนออกไปจากร้าน 4S รวมไปถึงภรรยาของเขาเซี่ยจื้อเหม่ยก็ถูกไล่ออกจากร้านด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบหยางกวางกับเซี่ยจื้อเหม่ยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้จัดการก่อนหน้านี้ยังเลียแข้งเลียขาพวกเขาอยู่เลย แต่ทำไมจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนไปได้?
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ หยางกวางได้แพ้ให้กับเจียงชื่ออีกแล้ว!
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง รวมไปถึงความมั่งคั่งและมนุษยสัมพันธ์ของเขาก็สู้เจียงชื่อไม่ได้ ซึ่งก็ทำให้หยางกวางในขณะนี้ไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ
ผู้ชายทุกคนต่างก็อยากยืนหยัดตัวตนต่อผู้หญิงคนที่เคยปฏิเสธตัวเองอยู่แล้ว แม้กระทั่งต้องการหักหน้าเธอ และพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าสิ่งที่เธอเลือกนั้นเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างที่สุด
แต่เสียดายที่เจียงชื่อไม่ให้โอกาสเขาได้ทำเช่นนั้น
ในทางตรงกันข้าม เขากลับต้องพ่ายแพ้ให้กับเจียงชื่อครั้งแล้วครั้งเล่า
ซึ่งความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าทางเลือกของติงเมิ่งเหยนนั้นถูกต้องอย่างยิ่ง และยังพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าคนอย่างหยางกวางไม่คู่ควรสำหรับเธอเลย คนอย่างเขาเหมาะสมกับเซี่ยจื้อเหม่ยเท่านั้น
ด้านในร้าน 4S
ติงเมิ่งเหยนยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้างุนงง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมหยางกวางถึงถูกหามออกไป?
ทำไมเจียงชื่อถึงกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติไปแล้ว?
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือเจียงชื่อเป็นฝ่ายชนะ ส่วนผู้แพ้คือหยางกวาง
และเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
ติงเมิ่งเหยนจับมือเจียงชื่อไว้แน่นๆ และดอกไม้ในใจของเธอก็เบ่งบานอย่างเงียบๆ เธอไม่คิดเลยว่าสามีของเธอจะเก่งกว่าลูกเศรษฐีอย่างหยางกวาง
เธอรู้สึกโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างเจียงชื่อ
หลังจากเก็บหยกแขวนแล้ว
เจียงชื่อก็ยื่นเครดิตการ์ดออกไปแล้วจ่ายเงินห้าสิบล้านและเตรียมรับรถ
ผู้จัดการร้านได้ดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดอย่างระมัดระวัง เขามอบบริการทั้งหมดที่ควรได้ให้กับเจียงชื่อ ไม่มีการหย่อนคล้อยใดๆ และยังกังวลว่าเจียงชื่อจะไม่พอใจ จากนั้นเขาแนะนำคู่มือการใช้และปัญหาในการใช้งานที่อาจจะตามมาภายหลัง นอกจากนี้ยังให้คำสัญญาว่าเขาจะให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุดให้กับเจียงชื่อ
เขาในตอนนี้อบอุ่นยิ่งกว่าแม่คนหนึ่งด้วยซ้ำ
หลังจากรับรถแล้ว
เจียงชื่อก็ยื่นกุญแจรถให้กับติงเมิ่งเหยน “คุณลองรถใหม่ดูสิ”
ติงเมิ่งเหยนรู้สึกอึ้งที่เห็นกุญแจรถเฟอร์รารีนี้ เงินห้าสิบล้านได้แค่รถคันเดียวจริงๆ หรือ? มันจะฟุ่มเฟือยไปไหม?
ในเวลาเดียวกันเธอก็สงสัยว่าเจียงชื่อเอาเงินจำนวนมากมายนี้มาจากไหน?
“เจียงชื่อ”
“หืม?”
“บอกฉันมาตรงๆ นะ ว่าคุณเอาเงินนี้มาจากไหน? แล้วก็ ท่าทีของผู้จัดการร้านทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้?”
เจียงชื่อได้แต่อมยิ้มแล้วหยิบหยกแขวนออกมาอีกครั้ง “ทั้งหมดก็เพราะสิ่งนี้ไง”
“หยกแขวน?”
“ใช่ ช่วงนี้ผมเรียนการแพทย์อยู่ไม่ใช่เหรอ? พอดีว่าผมบังเอิญเจอผู้บริหารเฟอร์รารีระหว่างทางออกจากงาน และผมได้ช่วยเขาไว้ เขาจึงมอบหยกแขวนที่เป็นตัวแทนระดับวีไอพีชิ้นนี้ให้ผม”
ติงเมิ่งเหยนพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ถึงว่าทำไมท่าทีของผู้จัดการร้านถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ แล้ว เงินห้าสิบล้านคุณเอามาจากไหน?”
“ก็ผู้บริหารคนนี้ให้ผมไง ผมช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจึงเอาเงินให้ผม เงินก้อนโตขนาดนี้ผมไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ถึงได้เอามาซื้อรถให้คุณไง”
“นี่มัน……”
ติงเมิ่งเหยนเจ็บใจจนน้ำตาตกใน เจียงชื่อจะฟุ่มเฟือยเกินไปไหม?!
ไม่ง่ายเลยที่จะโชคดีที่ได้เงินห้าสิบล้านนี้มา แต่สุดท้ายเอามาซื้อรถแค่คันเดียว
เหอะ ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องใช้เงินแล้ว ไม่มีใครสู้เจียงชื่อได้จริงๆ
“เอางี้ดีไหม? เงินห้าสิบล้านเราเอาไปทำอย่างอื่นได้หลายๆ อย่างเลยนะ เราคืนรถให้เขา แล้วเรา……”
เจียงชื่อดึงติงเมิ่งเหยนไปที่หน้ารถเฟอร์รารีแล้วพูดว่า “เงินเป็นสิ่งของนอกกายเท่านั้น ใช้หมดก็หาใหม่ได้ อยู่กับปัจจุบันถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฉะนั้น เรามาลองรถใหม่กันดีกว่า”
ติงเมิ่งเหยนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเดินเข้าไปในรถอย่างเชื่อฟัง
ทันทีที่มือของเธอสัมผัสกับพวงมาลัย คำพูดสั้นๆ ก็เกิดขึ้นในใจเธอ ‘รู้สึกดีจริงๆ’