สภาพจิตใจญาติบางคนของคนไข้ที่เป็นโรคประสาทก็ยากจะเข้าใจ ไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อสังคมเลยแม้แต่น้อย ไม่ยอมพาผู้ป่วยที่เป็นภัยต่อคนอื่นไปส่งโรงพยาบาลเพียงเพราะอยากประหยัดเงิน แต่กลับพูดว่าอย่าถือสาคนป่วยหลังจากที่คนป่วยก่อเหตุ
จะให้แล้วกันไปได้ยังไง?
วินาทีที่อวี๋หมิงหลางเห็นเสี่ยวเชี่ยนสลบไปหัวใจเขาแทบสลาย
เขาทำเรื่องที่ทหารควรทำเสร็จแล้ว ทุกเรื่องที่เขาทำในฐานะทหารล้วนอยู่ในกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด แต่เมื่อเขาถอดชุดทหารออกแล้ว เขาก็จะลงมือทำในฐานะคนเป็นสามี
หัวหน้าคิดในใจ ทำได้ดี
เรื่องนี้ก็น่าโมโหจริงๆ นี่ถ้าเขาเป็นอวี๋หมิงหลางไม่แน่อาจควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ แต่เข้าใจมันก็เข้าใจอยู่หรอก กฎก็ต้องเป็นกฎ
“หมิงหลาง ทำไมตอนนั้นนายไม่ควบคุมตัวเองหน่อยล่ะ ถ้าไม่ไปเตะเขา เดี๋ยวฉันยื่นเรื่องขอผลงานให้นายยังได้”
“การขาดอากาศหายใจจะทำให้ไม่มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง เมื่อขาดออกซิเจนเป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลร้ายแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้”
อวี๋หมิงหลางเห็นเสี่ยวเชี่ยนถูกรัดคอสลบไปแบบนั้น ตัวเขาโมโหแทบระเบิด
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่า หากภรรยาเขาที่ก่อนหน้านี้มีชีวิตชีวา ต่อมากลายเป็นร่างไร้วิญญาณ เขาคงไม่มีทางทนท่าทางของแม่ผู้ป่วยโรคประสาทคนนั้นไหว
ชีวิตของทุกคนล้วนมีค่า แล้วผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาอ้างว่าคนบ้าฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย?
“เห้อ…” หัวหน้าพอได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจยาวอย่างหมดแรง
เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องที่คราวก่อนเสี่ยวเชี่ยนช่วยอวี๋หมิงหลางไล่อาเหม็ดกลับไป ผู้หญิงที่เก่งแบบนี้มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อวี๋หมิงหลางจะโมโหก็ไม่แปลกหรอก
“ภรรยานายเป็นไงบ้าง? ต้องการให้ทางหน่วยช่วยอะไรไหม?”
“ฟื้นแล้วครับ เพราะช่วยไว้ได้ทันเวลาจึงไม่เป็นอะไรร้ายแรง ตอนนี้รอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ยังพูดไม่ได้ครับ”
พอนึกถึงรอยม่วงตรงคอเสี่ยวเชี่ยนอวี๋หมิงหลางก็ปวดใจ เขาเกลียดที่ตัวเองเตะไปแค่ทีเดียว ยังไม่สาสมเลยด้วยซ้ำ
“กลับไปดูแลเขาให้ดีๆ เรื่องนี้เดี๋ยวนายไปเขียนรายงานส่งมา นับจากนี้ไปถอดนายจากการเป็นรักษาการหัวหน้า กลับไปคิดทบทวนที่บ้านให้ดี ทางที่ดีใช้เวลาหลังจากนี้ไปเจรจากับญาติคนไข้นั่นเสีย ซื้อของไปขอโทษเขา”
“ไม่มีทางครับ”
อวี๋หมิงหลางยอมถูกลงโทษดีกว่าต้องไปขอโทษคนแบบนั้น
หัวหน้าโมโหจนอยากถีบเขาอีกรอบ
“สมองนายมีแต่น้ำหรือไง! ฉันจะบอกให้นะอวี๋หมิงหลาง อย่าคิดว่าก่อเรื่องแล้วจะได้อยู่บ้านสบายๆ ไม่มีทาง! กว่าฉันจะสร้างหน่วยรบพิเศษนี่ขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องใช้นาย แล้วนายดันมาก่อเรื่องแบบนี้ น่าโมโหจริงๆ!”
ไม่ให้โมโหได้ไง สั่งอวี๋หมิงหลางหยุดงานใครจะเดือดร้อนสุด?
ก็หัวหน้าไง!
ตอนนี้ในหน่วยนี้ถ้าไม่มีอวี๋หมิงหลางก็ไปต่อไม่ได้ อีกอย่างเรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก
ขอแค่อวี๋หมิงหลางยอมไปขอโทษญาติคนไข้แล้วยอมๆกันไปเสีย เรื่องก็จบ
แต่ท่าทีของอวี๋หมิงหลางทำให้หัวหน้าอยากอัดเขาให้ตาย
“นายนี่โง่หรือเปล่า? แค่ขอโทษก็จบแล้ว ในค่ายยังมีเรื่องตั้งเยอะแยะที่รอนายอยู่ นายจะเอาอะไรกับคนบ้านักหนา?”
“จะให้ผมขอโทษเขาก็ได้ แต่เขาต้องมาขอโทษภรรยาผมก่อน ถ้าภรรยาผมไม่ให้อภัย ผมก็ไม่ขอโทษ ใช่ว่าผมจะอยากคิดเล็กคิดน้อยกับคนบ้า คนบ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ งั้นคนดูแลเขาโง่กันหมดหรือไง?”
สองนัดที่อวี๋หมิงหลางยิงไปจริงๆจะเอาให้คนบ้าถึงตายเลยก็ได้ แต่จิตสำนึกของทหารทำให้เขาเคารพหนึ่งชีวิตนั้น รักษากฎของทหาร เขาไว้ชีวิตคนไข้โรคประสาท แล้วใครมาขอโทษเสียวเหม่ยที่น่าสงสารของเขาล่ะ?
เสียวเหม่ยของเขาไปหาเรื่องใครเหรอ ถึงได้เดินอยู่ดีๆก็มีคนมาจับไปเป็นตัวประกัน
“ผมขอถามครับ ปกติคนไข้โรคประสาทประทุษร้ายคนอื่น คนดูแลต้องรับผิดชอบด้วยส่วนหนึ่งหรือเปล่าครับ? แล้วทำไมเขาต้องไปทำเรื่องพาคนไข้ออกจากโรงพยาบาลด้วย? ทั้งๆที่รู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นโรคหลงผิดชอบคิดว่าคนอื่นเป็นคนรัก นี่เป็นแขนงหนึ่งของโรคจิตเภท ปล่อยคนแบบนี้ออกมาแล้วยังทำอวดดีหาว่าคนที่โดนก็สมควรแล้ว แต่ใครจะไปทำร้ายลูกตัวเองเป็นไม่ได้ แบบนี้ทำไมผมต้องขอโทษเขาด้วยล่ะครับ?”
ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไร อวี๋หมิงหลางต้องเรียกความยุติธรรมให้เสียวเหม่ยให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกว่าตัวเองผิดต่อคำสาบานที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียนสมรส
ขอมอบชีวิตที่ปลอดภัยให้คุณไปตลอดชีวิตด้วยเกียรติของทหาร
หัวหน้าอยากผ่ากะโหลกของอวี๋หมิงหลางออกมาดูจริงๆ ไอ้หมอนี่มีเส้นประสาทหัวดื้อมากกว่าคนอื่นหรือไง?
ตอนนี้ไม่มีคนนอก งั้นก็ถือโอกาสพูดตรงๆไปเลย
“ทำไมนายถึงได้เถรตรงแบบนี้? ตอนนี้มันเป็นเวลาที่ต้องชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียไม่ใช่เหรอ? ถอยกันคนละก้าวเพื่อคืนความสงบ นายเป็นใครไม่รู้เหรอ? ข้างหลังนายมีพี่น้องชาวเสินเจี้ยนอีกเท่าไรที่รอนายพาพวกเขาไปบุกป่าฝ่าดง แล้วนายจะให้เรื่องความรักมาเป็นตัวถ่วงเหรอ?”
อวี๋หมิงหลางแสดงสีหน้าแบบที่หัวหน้าไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ถ้าข้างหลังผมคือภรรยาและคนในครอบครัวล่ะก็ ไม่มีผลได้ผลเสียให้ต้องพูดถึง ผมจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว”
อวี๋หมิงหลางยอมรับว่าเขาไม่ควรเตะป้าคนนั้น แต่เขาไม่เสียใจและก็ไม่มีทางไปขอโทษฝ่ายนั้นแน่ จะลงโทษเขาอย่างไรก็ได้ แต่ทางนั้นก็ต้องยอมรับผิดด้วย
“นายนี่นะ!” หัวหน้าโมโหจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขายกมือชี้หน้าอวี๋หมิงหลาง พอเห็นอวี๋หมิงหลางมีท่าทีไม่ลดราวาศอกจึงสะบัดมือไล่ “กลับไปดูแลเมียนายให้ดี พักงานรอฟังเบื้องบนก่อนแล้วกัน”
“ครับ!”
พออวี๋หมิงหลางไปแล้วหัวหน้าก็ถอนหายใจ
นิสัยหัวรั้นของไอ้หมอนี่ทำให้เขาทั้งรักทั้งเกลียด
ถึงการที่อวี๋หมิงหลางไปเตะญาติคนไข้จะเป็นเรื่องไม่เหมาะ แต่หัวหน้าก็รู้สึกชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของอวี๋หมิงหลางจริงๆ
พออวี๋หมิงหลางไปหัวหน้าก็เรียกพลาธิการมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะอวี๋หมิงหลางสร้างโจทย์อยากให้พวกเขาแล้ว
“สมาชิกคนอื่นๆของหน่วยเสินเจี้ยนเป็นไงบ้าง?”
“ตอนแรกก็บ่นๆกันว่าจะรวมตัวมาขอร้องให้ยกโทษให้หัวหน้าใหญ่ของพวกเขา ได้ยินว่าคิดจะประท้วงหยุดฝึกด้วย แต่ถูกอวี๋หมิงหลางจัดการจนเชื่อฟัง เหล่าอู๋ ถ้าให้ฉันพูดนะ ช่วงที่ผ่านมาอวี๋หมิงหลางทำงานใช้ได้เลยทีเดียว พวกหัวโจกในหน่วยเสินเจี้ยนยอมสยบให้อวี๋หมิงหลางหมด ถ้าพวกเราลงโทษหนักกลัวจะทำเจ้าพวกนั้นหมดกำลังใจกัน”
ปกติเห็นชอบด่าอวี๋หมิงหลาง แต่พอเกิดเรื่องทุกคนก็สามัคคีกัน ก่อนหน้านี้ทุกคนรวมตัวกันหวังจะมาขอร้อง ถ้าไม่ติดว่าอวี๋หมิงหลางไปห้ามไว้คงเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว อวี๋หมิงหลางเป็นคนที่มีสติ มีความคิดความอ่าน เรื่องนี้เขาทำถูก
“นับว่าอวี๋หมิงหลางยังเห็นแก่ส่วนรวมไม่ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ไอ้หมอนี่สั่งสอนลูกน้องเป็น แต่นิสัยแบบนี้…”
“เหล่าอู๋ เลิกทำเป็นวางมาดเถอะน่า นายก็ชอบที่เขานิสัยแบบนี้ไม่ใช่หรือไง? ถ้าเขาไม่มีลูกบ้าแล้วจะดูแลทีมได้เหรอ? เรื่องนี้พวกเราก็ต้องคิดในมุมของเขาบ้างนะ ตอนนั้นเมียเขาเป็นตายก็ยากจะคาดเดา นี่ถ้าไม่ฟื้นคงได้นอนเป็นผักอยู่บนเตียง ไม่แปลกหรอกที่เขาจะมีอารมณ์ ไม่ทันระวังเลยกระทบกระทั่งเล็กน้อย ไม่ได้ถึงขนาดเลือดตกยางออก มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ทันระวัง?” เอ๊ะ แบบนี้ก็ได้เหรอ?