“บัดซบ! กล้าดียังไงมาโจมตีพวกเราชาวองค์กรฟ้าน้ำ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไง?”
“พวกเรา บุก!”
คนกลุ่มใหญ่รีบกรูเข้าไป แต่ธนูก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ลูกศรพุ่งตามกันมาด้วยความเร็วสูง สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือลูกศรของเขาไม่พลาดเป้าเลย ลูกศรทุกลูกสามารถยิงเข้าเป้าหมาย ถูกต้นขาของคนบาดเจ็บ
ทักษะการยิงของธนูนั้นแม่นยำ แต่จิตใจดีงามไม่ต้องการฆ่าคน
อันที่จริงหากเขายินยอม หนึ่งลูกศรต่อหนึ่งชีวิต มันก็ไม่ใช่ปัญหา
“อะไร…เกิดอะไรขึ้น? ชายคนนั้นคือปีศาจเหรอ?”
“ถอย กลับเข้าไปในลิฟต์”
ทุกคนต่างตกใจกับทักษะการยิงของธนู กำลังจะล่าถอยกลับเข้าไปในลิฟต์ แต่เพิ่งมาคิดได้ว่าจะถอยในเวลานี้ก็สายเกินไปแล้ว
สิงห์แทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างพวกเขาปานสายฟ้าแลบ รวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น
ชายผู้มีความเร็วมากที่สุดในสิบสองปีนักษัตร…สิงห์!
หลักการอันยิ่งใหญ่ จะเรียบง่ายอย่างที่สุด
ท่วงท่าของเขาเรียบง่ายไม่หรูหรา ทุกหมัดทุกลูกเตะนั้นเรียบง่ายจนดูเหมือนหลบหลีกได้ง่าย แต่ไม่มีใครสามารถหลบหลีกได้เลยแม้แต่คนเดียว
เพราะคำเพียงคำเดียว รวดเร็ว!
ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเขาต้องการโจมตีหัวใจของคุณ มองเห็นหมัดพุ่งเข้ามาแล้ว แต่ร่างกายของคุณตามการเคลื่อนไหวของเขาไม่ทัน แม้แต่ดวงตาของคุณก็ไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเขาได้
พลั่ก!
ก่อนที่คุณจะรู้ตัว ตัวก็กระเด็นออกไปแล้ว
“ข่มเหงรังแกกันจนเกินไปแล้ว! เห็นพวกเราเป็นพวกลูกพลับนิ่ม นึกจะบีบก็บีบหรือ?”
“กล้าเข้ามาแทรกตรงกลางพวกเรา รนหาที่ตาย”
หลายคนยกขวานขึ้นพร้อมกันเพื่อเตรียมฟัน แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาที่เข้าสู่นัยน์ตาของสิงห์ เหมือนกับการฉายซ้ำภาพช้า จะให้หลบไม่พ้นคงยาก
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ หลังจากชกไปสามหมัดติดต่อกัน คนทั้งสามก็ลอยกระแทกเพดานด้านบน ก่อนจะร่วงลงกับพื้นอย่างแรง กระอักน้ำดีออกมา
ความเร็วนั้น เร็วเกินไป
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ลูกศรพุ่งเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งอย่างต่อเนื่อง แทงทะลุต้นขาของคนจำนวนมาก
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ชายเปลือยท่อนบนยี่สิบกว่าคนถูกกำจัดทั้งหมด ทั่วทั้งทางเดินมีเสียงร้องโหยหวนดังระงม เลือดไหลนองเป็นลำธาร ขวานที่ไร้ประโยชน์กระจัดกระจายเต็มพื้น
“ฉันจัดการไป 12 คน” สิงห์กล่าว
“ของฉัน 13 คน” ธนูยิ้มเล็กน้อย “ถึงยังไงนายก็เป็นน้องชายอยู่ดี”
พูดจบ ธนูก็หันหลังจากไป
สิงห์คำรามอย่างเย็นชา “ฉันใช้กำปั้น นายใช้ลูกศร นายย่อมฆ่าศัตรูได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แน่จริงก็สู้กับฉันด้วยมือเปล่าดูหน่อยเป็นไง?”
ธนูพูดโดยไม่หันกลับมามอง “ทำไมฉันต้องสละจุดแข็งของตัวเอง แล้วเอาจุดอ่อนของตัวเองไปประลองด้วยล่ะ? ความคิดของน้องชาย ช่างเข้าใจยาก”
“หยุดเอะอะก็เรียกน้องชายเสียทีได้ไหม?”
“แต่ในความเป็นจริง นายเป็นน้องชายของฉัน”
“ฉันเกิดช้าไปแค่ไม่กี่นาที!”
“ก็ยังเป็นน้องชายอยู่ดี”
“…”
อีกด้านหนึ่ง ณ ร้านเหล้าในซอยทาวน์
ขณะที่เจียงชื่อกำลังดื่มเหล้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขากดปุ่มเปิดเสียง แล้วเอาโทรศัพท์วางลงตรงหน้าสุ่ยชิงเหยา
ได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากปลายสายโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง
ได้ยินเช่นนั้นหนังศีรษะก็รู้สึกเสียวซ่าน
เจียงชื่อเอาผ้าขนหนูออกมาจากปากของสุ่ยชิงเหยา แล้วถามอย่างเฉยเมย “เสียงพวกนี้คุ้นๆ ไหม?”
สุ่ยชิงเหยาฟังอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะขนลุกไปทั่วร่าง เขาฟังออกว่า ทั้งหมดนี้คือลูกน้องของเขา! กลุ่มคนที่เขาส่งไปที่โรงแรมเพื่อจัดการกับซินยุ่น
เหตุใดจู่ๆ ทั้งหมดก็…
สุ่ยชิงเหยาเงยหน้าขึ้นมองเจียงชื่ออย่างยากลำบาก สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและหวาดกลัว
มิน่าล่ะเมื่อครู่เจียงชื่อจึงไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ กับคำพูดของเขา ที่แท้เจียงชื่อมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว
สงครามครั้งนี้ พ่ายแพ้อย่างยับเยิน!