“หนูก็แค่รู้สึกรักประเทศมาก อาจจะเข้ากับคนสองสัญชาติไม่ได้ อาจารย์ลองคิดดูสิคะประเทศเราออกจะใหญ่ ทรัพยากรตั้งเยอะแยะจะไม่มีที่ให้เขาอยู่เลยเหรอ? ทำไมต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศด้วย คนแบบนี้เนี่ยนะ จึ๊ๆๆ อุดมการณ์ไม่ถูกต้อง ต่อให้ความรู้สูงกว่านี้หนูก็ไม่สนหรอก”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนประหนึ่งพ่ออวี๋เข้าสิงร่าง สมกับเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลอวี๋ อยู่ด้วยกันมานาน เรียนรู้แม้กระทั่งนิสัยของพ่ออวี๋
“เหล่าชีก็รักประเทศนะ การที่เขาไปอยู่ต่างประเทศเธอก็น่าจะเข้าใจ มันเป็นกรณีพิเศษ…ส่วนเรื่องที่เธอพูดว่าเขาไม่รักประเทศอันนั้นก็เพ้อเจ้อเกินไป เธอรู้ไหมว่าเหล่าชีให้เงินช่วยเหลือเด็กออทิสติกในบ้านเราไปเท่าไร? ถ้าคำนวณโดยประมาณปีละสองคน จำนวนเด็กที่เขาช่วยเหลือไปรวมกันยังมากกว่าอายุเธอด้วยซ้ำ”
น้อยครั้งที่ประธานเชี่ยนจะเถียงแพ้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะจนมุมแล้ว
ตกลงเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง? เธอลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไรเพื่อหนีจากคนๆนี้ แล้วทำไมเขายังตามมาหลอนเธอได้อีก?
“อาจารย์คะ ทำไมเขาต้องเลือกสถานที่นัดเจอเป็นโรงพยาบาลกลางด้วยล่ะคะ? เขาชอบคนในเครื่องแบบมากกว่าหรือเปล่า? อย่างเช่นชอบนางพยาบาลเป็นพิเศษ หนูหน้าตาสวยแบบนี้ถ้าไปคงไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าเกิดเขาถูกใจหนูขึ้นมา…”
เสี่ยวเชี่ยนหลบสมุดบันทึกเคสคนไข้ที่ศาสตราจารย์หลิวฟาดลงมาอย่างหวุดหวิด ถ้าช้ากว่านี้โดนไปแล้ว อันตรายจริง
“เฉินเสี่ยวเชี่ยนถ้าเธอยังกล้าพูดจาไร้สาระอีกฉันจะตีเธอ อย่าคิดว่าฉันดูไม่ออกนะว่าเธอไม่อยากเจอเหล่าชี ท่าทางเธอตอนอยู่ที่ศูนย์บำบัดผู้อำนวยการเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”
ศาสตราจารย์หลิวทนฟังต่อไปไม่ไหว เพ้อเจ้อไร้สาระ เครื่องบงเครื่องแบบก็ลากเข้ามา?
ถ้าไม่สั่งสอนเสียบ้างไม่แน่เด็กคนนี้ได้หาข้ออ้างบ้าบออะไรขึ้นมาอีก
“ท่าทางอะไรกันคะ หนูพยายามทำภารกิจที่อาจารย์มอบหมายให้อย่างเต็มที่แล้วนะคะ” ตีให้ตายเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ยอมรับ
“อย่ามาแถ เหล่าชีถูกเชิญให้มาประชุมที่นี่ โรงพยาบาลกลางได้เชิญจิตแพทย์ให้ร่วมรักษาพอดี ต้าอีลูกศิษย์เธอก็ฝึกงานอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ? พรุ่งนี้ทำตัวดีๆแล้วไปเข้าร่วมซะ ถ้ากล้าเล่นตุกติกอีกล่ะก็…”
ศาสตราจารย์หลิวยิ้มโหด เผยให้เห็นฟันสีขาวสะท้อนกับแสง
เสี่ยวเชี่ยนล้มลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง “หนูถูกคนทำร้ายจนเป็นแบบนี้ อาจารย์ยังให้หนูไปต้อนรับแขกอีก อาจารย์ไม่ใช่อาจารย์หนู…”
รับแขก? ศาสตราจารย์หลิวมุมปากกระตุก เธอเป็นถึงอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกแต่กลับถูกเสี่ยวเชี่ยนพูดประหนึ่งว่าเธอเป็นแม่เล้า?
“ต่อให้เธอปวดหัวปวดตัวปวดไปหมดทั้งร่างก็ต้องไปปรากฏตัวที่ห้องประชุมโรงพยาบาลกลางให้ตรงเวลา ถ้ากล้าเบี้ยวงานนี้ก็หิ้วหัวมาหาฉันได้เลย โอกาสดีๆแบบนี้จะพลาดได้ไง?”
“พวกสาวน้อยวัยแรกแย้มก็ถูกทำลายชีวิตเพราะแบบนี้นี่แหละ ช่วงนี้อาจารย์ไม่เห็นข่าวเหรอคะ อาจารย์ที่ปรึกษาจอมซาดิสม์ลงมือกับนักศึกษาสาว? หนูเป็นสาวน้อยน่ารักสดใส อาจารย์กลับจะหาตาแก่มาดูแลหนูให้ได้ ถ้าอีกหน่อยเขาฉวยโอกาสเรียกหนูไปห้องมืดตอนที่เสี่ยวเฉียงไม่อยู่จะทำไงคะ?”
“กะแล้วเชียวว่าเธออยู่กับอวี๋ไข่เหล็กไม่ได้เรียนรู้เรื่องดีๆมาหรอก เป็นนักศึกษาวันๆไม่ตั้งใจเรียนเอาแต่ดูหนังอะไรก็ไม่รู้ ห้องมืดบ้าบออะไร ไหนจะฉวยโอกาสอีก?” ศาสตราจารย์หลิวรู้สึกว่าเด็กของตัวเองเพ้อเจ้อไปไกลแล้ว
สาวน้อยที่เมื่อก่อนออกจะเย็นชา ดูหยิ่งๆตามประสาคนเก่ง แต่นับตั้งแต่ไปอยู่กับอวี๋ไข่เหล็กก็เรียนรู้แต่เรื่องไม่ดีมา อะไรที่เธอคาดไม่ถึงยัยเด็กคนนี้กล้าพูดหมด
ศาสตราจารย์หลิวดักทุกข้ออ้างของเสี่ยวเชี่ยนได้หมด
“เรื่องที่เธอคิดไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ต่อให้เหล่าชีมีความกล้าแบบนั้นเขาก็ไม่กล้าทำเธอหรอก มีอวี๋ไข่เหล็กทำตัวเป็นหมาหวงก้างแบบนั้นเธอคิดว่าเหล่าชีจะกล้ายุ่งกับเธอเหรอ? พรุ่งนี้ยังไงเธอก็ต้องไป เพื่อป้องกันเธอเบี้ยวนัด ฉันเลยต้องมากำชับด้วยตัวเอง”
หมดกัน ประธานเชี่ยนแกล้งตายบนโซฟา เธอแค่อยากอยู่เมืองนี้เพื่อมีลูกให้ผู้ชายของตัวเอง แล้วทำไมถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเยอะแยะแบบนี้?
“พรุ่งนี้ไปเร็วหน่อย เหล่าชีจะมีบรรยายการเยียวยาจิตใจให้ผู้ป่วยโรคเอดส์กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ห้องรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลกลาง เธอก็ไปเข้าฟังด้วย พอเขาบรรยายเสร็จก็ไปคุยกับเขาให้ดีๆเข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วค่ะ…” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างคนอ่อนแรง
“ไปฟังเหล่าชีบรรยายสักครั้งแล้วเธอจะรู้ว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน หาเรื่องปวดหัวให้ฉันน้อยๆหน่อย ฉันดูแลเด็กแค่ไม่กี่คน แต่แต่ละคนตัวแม่กันทั้งนั้น…” ศาสตราจารย์หลิวบ่น
“หนูมีอาจารย์แบบนี้ก็สิ้นหวังเหมือนกันนะคะ…”
“ว่าไงนะ?”
“แค่กๆ เปล่าค่ะ อาจารย์ หนูพูดว่าอาจารย์ยิ่งแก่ยิ่งจัดจ้านนะคะ ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆค่ะ”
“อย่ามาทำเป็นฉอเลาะ พรุ่งนี้ถ้าเธอไม่อยู่ในงานเราได้เห็นดีกันแน่”
เห้อ…เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจ ต้องไปเจอตาคนนั้นอีกแล้ว น่าปวดหัวจริง แค่เธอได้ยินชื่อศาสตราจารย์ชีก็หงุดหงิดใจแล้ว และที่ดูเหมือนเป็นการประชดกันก็คือ ตาคนที่ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีคนนี้ พรุ่งนี้กลับบรรยายเรื่องที่ทำให้สุขภาพจิตแข็งแรง
การมีสุขภาพจิตที่ดีทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นได้จริงๆ สำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รักษาให้หายขาดได้ยากแล้วนั้น การสร้างพลังในจิตใจจะช่วยยืดอายุให้ยืนยาวขึ้น นี่เป็นประเด็นวิจัยที่นิยมกันมากในช่วงนี้ของสาขาจิตวิทยา เสี่ยวเชี่ยนค่อนข้างรู้เรื่องนี้ในเชิงลึก คนมีเงินจะกลัวตายมากเป็นพิเศษ เมื่อชาติก่อนเธอก็รับเคสแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
สำหรับศาสตราจารย์หลิวแล้วการฟังบรรยายของศาสตราจารย์ชีหนึ่งครั้งก็จะรู้สึกเลื่อมใสในตัวเขา แต่เสี่ยวเชี่ยนไม่เชื่อหรอก
นี่ต้องบรรยายให้ได้ถึงขนาดไหนกันถึงจะทำให้เธอที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ‘ยอมสยบ’?
เพราะการมาของศาสตราจารย์หลิวทำให้เสี่ยวเชี่ยนนอนไม่หลับ เธอเปิดคลื่นรบกวนในปากกาอัดเสียงฟังเบาๆเพื่อช่วยให้นอนหลับ แต่ในใจเอาแต่คิดว่าพรุ่งนี้เธอควรจะรับมือยังไง
ในเวลาเดียวกันนี้ เจิ้งซวี่ที่นอนอยู่บ้านพ่อก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เขาค้นหาเสียงที่เสี่ยวเชี่ยนส่งมาให้ทางเน็ต คิดไว้ว่าถ้าได้ฟังเสียงเสี่ยวเชี่ยนก็น่าจะนอนหลับได้
ปรากฏว่า…
“ฉันคือนักสะกดจิตอคาเทอริส ต่อไปนี้ฉันจะทำหน้าที่สะกดจิตให้คุณเองค่ะ กรุณานอนราบลงนะคะ แล้วก็อยู่ในท่าที่สบายที่สุด…”
เสียงนี้ทำให้เจิ้งซวี่เด้งตัวขึ้นมานั่ง ตกใจจนผ้าปิดตาร่วง
ทำไมเป็นยัยคนนี้?
นี่มันเสียงของยัยผมทองไม่ใช่เหรอ?
ก่อนหน้านี้เจิ้งซวี่บอกว่าเขานอนไม่หลับ อยากให้เสี่ยวเชี่ยนอัดเสียงสะกดจิตให้ แต่เสี่ยวเชี่ยนเสียงแหบ
เจิ้งซวี่ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนบอกว่าเดี๋ยวไปให้ลูกศิษย์อัดเสียง แล้วทำไมเป็นยัยผมทอง?
แค่ได้ยินเสียงนี้เขาก็นึกถึงชื่อที่ชวนให้ประสาทเสียที่ยัยคนนั้นชอบเรียกเขาทันที…
แล้วใครมันจะไปหลับลง
เขารีบปิดมัน แต่เสียงที่เหมือนปีศาจของอาข่านั้นคล้ายกับอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำไปแล้ว
เจิ้งซวี่ถีบโต๊ะ ก่นด่าเสี่ยวเชี่ยนในใจ ผู้หญิงคนนี้ชอบทำตัวประหลาดจริงๆ รอบตัวมีคนเก่งๆที่เป็นมืออาชีพมากมาย หาใครไม่หาดันไปหายัยหัวทอง?
คืนนี้สมองของเจิ้งซวี่เต็มไปด้วยคำว่าคุณริดสีดวง เป็นอีกคืนหนึ่งที่เขานอนไม่หลับอีกเช่นเคย