ติงจ้งหยิบสัญญาบนโต๊ะและอ่านดูอย่างระมัดระวัง และพบว่ามันเป็นสัญญาที่ลงนามกับบริษัทหงยุ่นจริงๆ ไม่มีการปลอมแปลง และเป็นของแท้
แต่ปัญหาคือ มันจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ติงจ้งส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ติงเมิ่งเหยนเยาะเย้ยอยู่ในใจของเธอ โดยรู้ว่าติงจ้งแอบวางแผนเธออีกแล้ว แต่ในคราวนี้ก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา และเธอก็ยังคงรอดพ้นจากอันตรายได้
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก”
“คุณปู่ ฉันขอแนะนำคุณว่าต่อไปนี้อย่างใช้ความคิดกับเรื่องนี้ให้มาก และมุ่งเน้นไปที่การจัดการของตระกูลให้มากขึ้น!”
หลังจากพูดจบ ติงเมิ่งเหยนก็หันหลังและเดินจากไป เจียงชื่อก็เดินตามไปโดยไม่พูดอะไรเลย
ในออฟฟิศ
ติงจ้งโกรธเคืองอย่างมาก และโยนสัญญาลงบนโต๊ะ
“ติงจื่อยวี่!!!”
เสียงตะโกนนี้ ทำให้ติงจื่อยวี่ตกใจจนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณปู่?”
“คุณอธิบายให้หน่อยได้ไหม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ติงจื่อยวี่ดูไร้เดียงสา “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เราได้ตกลงเป็นการส่วนตัวกับหนิงคุนแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกล่ะ? เราไปถามหนิงคุนกันสักหน่อยไหม?”
“ใช่ ต้องถามเขา ต้องถามเขา!”
ก่อนที่ติงจ้งจะโทรไปหาหนิงคุน หนิงคุนที่อยู่อีกด้านก็ได้โทรเข้ามาแล้ว
ติงจ้งรับโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วตะโกนด่า “หนิงคุน ไอ้เด็กเวรจงใจกลั่นแกล้งผมใช่ไหม?”
หนิงคุนพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ต้องขอโทษจริงๆคุณปู่ แต่เดิมเราได้ตกลงกันแล้ว ผมก็เตรียมจะไปบอกกับผู้จัดการแผนกว่าอย่าเซ็นสัญญากับหลานสาวของคุณ แต่ใครจะไปรู้ว่าผมเพิ่งโทรไป ทางด้านนุ้นได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว สายเกินไปหน่อยหนึ่ง! เฮ้ คุณดูสิเรื่องนี้ทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้?”
ติงจ้งแทบกระอักเลือด เมื่อได้ยินเช่นนี้
เขาพูดอย่างดุเดือดว่า “ไอ้สารเลว อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระกับกูอยู่ที่นี่! ในเมื่อคุณยังทำงานไม่สำเร็จ งั้นก็คืนหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทกลับคืนมา แล้วพวกเราสองคนก็ถือว่าเคลียร์กันแล้ว”
หนิงคุนรู้สึกขบขัน “คุณปู่ หุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์นั้นผมซื้อมาด้วยเงินนับพันล้าน มีสัญญาอยู่ คุณจะเอาคืนก็สามารถเอาคืนไปได้เลยงั้นเหรอ? คุณคิดว่าผมเป็นติงเมิ่งเหยนงั้นเหรอ?”
“คุณ! แต่เราได้ตกลงเงื่อนไขไว้ตั้งแต่แรกแล้ว คุณทำงานไม่สำเร็จ ไม่ควรคืนกลับมาหรือ? จะให้ผมคืนเงินให้คุณก็ได้”
“คุณปู่ คุณช่างโง่เขลาจริงๆเลย เงื่อนไขที่เราตกลงกันไว้ได้เขียนอยู่ในสัญญาหรือไม่?”
ติงจ้งตะลึงไปเลย
เรื่องที่พวกเขาวางแผนปองร้ายติงเมิ่งเหยน ก็ทำได้เพียงพูดคุยกันแบบเป็นการส่วนตัวเท่านั้น มันจะรวมอยู่ในสัญญาได้อย่างไร?
หนิงคุนกล่าวต่อไปว่า “ในเมื่อไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา งั้นก็ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย คุณปู่ หุ้นส่วนนี้คุณไม่ต้องคิดที่จะเอากลับคืนไปได้เลย ลาก่อนครับท่าน”
หลังจากพูดจบ หนิงคุนก็วางสายอย่างสง่างาม
“ไอ้สารเลว ไอ้สารเลว ไอ้สารเลว!!!”
ตะโกนด่าอย่างต่อเนื่องสามครั้ง ติงจ้งก็กระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะโดยตรง รู้สึกหนักใจไปทั้งคน ‘อ้วก’ อาเจียนออกเป็นเลือดเต็มปาก
รู้สึกเวียนหัว และล้มลงนั่งบนเก้าอี้
“คุณปู่!!!”
ติงจื่อยวี่และติงเฟิงเฉิงรีบเดินเข้าไปประคองตัวไว้
ติงจ้งเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดาน และพูดอย่างขมขื่นว่า “จบแล้ว จบแล้ว จบสิ้นแล้ว หุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ของติงเมิ่งเหยนยังไม่ได้คืนกลับมาเลย และยังสูญเสียหุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับหนิงคุน ซึ่งเป็นการสูญเสียที่น่ากลัวมาก!”
ติงจื่อยวี่ชักชวนว่า “คุณปู่อย่ากังวลมากเกินไป สิ่งที่สูญเสียไปยังจะสามารถนำกลับคืนมาได้ อีกอย่าง พวกเราทำกำไรได้ถึงพันล้าน และยังได้เซ็นสัญญาไปสองโปรเจค และทำกำไรได้ตั้งมากมายไม่ใช่เหรอ? ไม่ขาดทุน ไม่ขาดทุนหรอก”
คำพูดเหล่านี้ เป็นเพียงคำพูดที่ปลอบโยนเท่านั้น
ติงจ้งหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง ในใจของเขารู้สึกขมขื่นอย่างมาก และผู้ที่คิดร้ายต่อผู้อื่น สุดท้ายก็จะลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเอง
ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย ในขณะนี้ติงจื่อสวี่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกๆที่ไม่สังเกตเห็นได้ง่าย