ช่วงเวลาเกือบเที่ยง ขบวนรถก็ได้มาถึงพื้นที่สุสาน คนของตระกูลเฉิงได้มาเตรียมการไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว
มีคนเฉพาะด้านที่มายกโลงศพไปที่สุสาน
เฉิงดันถิงมองดูเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะพยักหน้า เป็นการยินยอมให้ฝัง
มีคนเฉพาะด้านที่มายกโกศออกมาแล้วใส่ลงไป จากนั้นก็ปิดผนึก หลุมศพข้าง ๆ กันก็เป็นของเจียงโม่เอง แบบนี้แล้ว เฉิงไห่ก็นับว่าเป็น‘เพื่อนบ้าน’กันกับเจียงโม่แล้ว สำหรับพวกเขาทั้งสองก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องนึงเลย
เจียงชื่อยื่นอยู่ระหว่างกลางของหลุมศพทั้งสอง แหงนหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า
ในที่สุดก็ได้ทำเรื่องที่อยากจะทำมาตั้งนานแล้วให้สำเร็จจนได้ และเชื่อว่าถ้าเฉิงไห่กำลังมองลงมาจากบนฟ้า ต้องดีใจมากแน่ ๆ
“ลุงเฉิง ไปสู่สุคตินะ”
เจียงชื่อพร้อมทั้งเฉิงดันถิง คุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพของเฉิงไห่พร้อมกัน ก้มหัวเคารพเพื่อเป็นการไว้ทุกข์
มีพระกำลังเคาะปลาไม้อยู่หน้าหลุมศพ พร้อมกับสวดมนต์ไปด้วย
ในวันที่เขาจากไปครบเจ็ดวันนี้ ในที่สุดก็แก้แค้นที่สมควรทั้งหมดได้สำเร็จแล้วพวกคนร้ายที่ทำร้ายเฉิงไห่และเจียงโม่จนตายพวกนั้น ก็ได้ถูกฆ่าไม่ก็ถูกจับไปหมดแล้ว
เชื่อว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องรับรู้ และเชื่อว่าพวกเขาจะจากไปอย่างสงบ
ขบวนส่งศพของเฉิงไห่นั้นยิ่งใหญ่อลังการมาก หาชมได้ยากเป็นประวัติกาลของเขตเจียงหนาน ด้วยเหตุนี้เองถึงกับได้ลงพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ชื่อดังอีกด้วย
แล้วผู้คนก็มารู้ทีหลังกันว่า ที่จริงแล้วผู้ตายก็คือประธานของบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่มันจะอลังการแบบนี้
เวลาทั้งวันเต็ม ๆ ที่เจียงชื่อได้แต่จัดการเรื่องต่าง ๆ ของเฉิงไห่ เขายุ่งมากซะจนกว่าจะกลับบ้านก็พระอาทิตย์เกือบตกดินแล้ว
หลังจากกลับถึงบ้าน ก็เห็นเงาของคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก
เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ไม่ใช่ติงเมิ่งเหยนแต่กลับเป็นติงจื่อยวี่
หล่อนมาทำอะไรกัน?
เขายังจำได้ดีว่าครั้งก่อนที่หล่อนพาติงเฟิงเฉิงมาด้วย ปากก็บอกแต่ว่าทุกคนรักกันดี แต่ความเป็นจริงก็ยังคิดหาแผนการต่าง ๆ มาหลอกทำร้ายติงเมิ่งเหยนอยู่ สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้ว เจียงชื่อรู้สึกรังเกียจจากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว
บวกกับเรื่องของเฉิงไห่ในวันนี้ ก็ยิ่งทำให้ในใจเจียงชื่อรำคาญใจเป็นอย่างมาก
“ที่รัก คุณกลับมาแล้วเหรอ?”
ติงเมิ่งเหยนเดินเข้ามา แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “เรื่องของลุงเฉิงทางนั้นจัดการไปเป็นยังไงบ้าง?”
เจียงชื่อตอบกลับไปว่า “จัดการหมดแล้ว”
ในขณะที่พูดเจียงชื่อมองไปที่ติงจื่อยวี่แบบผ่าน ๆ “วันนี้พี่มาที่นี่มีเป้าหมายอะไร?”
ติงเมิ่งเหยนหน้าถอดสีเล็กน้อยนี่ทำให้เจียงชื่อยิ่งไม่สบายใจเข้าไปอีก รู้เลยว่าติงจื่อยวี่ต้องพูดอะไรที่ทำให้ติงเมิ่งเหยนไม่สบายใจไปแล้วแน่ ๆ
คนแบบนี้ดีแต่จะหลอกทำร้ายติงเมิ่งเหยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจียงชื่อไม่ชอบมานานแล้ว
ไม่รอให้ติงเมิ่งเหยนเอ่ยปากพูด เจียงชื่อตำหนิไปตรง ๆ ว่า “เธออยากจะทำอะไรกันแน่?”
ติงจื่อยวี่ลุกขึ้น พูดด้วยใบหน้าที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดว่า “น้องเขยคุณอย่าโมโหสิวันนี้ที่ฉันมาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ แค่มีเรื่องนิดหน่อยอยากจะให้พวกคุณช่วย”
ช่วยเหรอ?
ติงจื่อยวี่นี่ยังไงกันแน่?สามีของเธอถังแหวนโม่เป็นถึงคนใหญ่คนโตในฝ่ายตะวันออกของจ้านยู่ ทำไมถึงยังต้องการความช่วยเหลือจากติงเมิ่งเหยนล่ะ?
“ที่รัก คุณอย่าเพิ่งโมโหสิ นั่งลงก่อนแล้วค่อยพูด”
ฟังจากน้ำเสียงของติงเมิ่งเหยน ก็ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่น่าอึดอัดอะไรเป็นพิเศษ อารมณ์ของเจียงชื่อก็ค่อย ๆ เย็นลงนิดหน่อย
เขานั่งลงใกล้ ๆ กันกับติงเมิ่งเหยน
ติงเมิ่งเหยนกับติงจื่อยวี่มองหน้ากัน“พี่ใหญ่ ให้พี่เป็นคนพูดดีกว่านะ”
“ได้”
ติงจื่อยวี่เริ่มจากการถอนหายใจ หลังจากนั้นค่อยพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “วันมะรืนนี้ เป็นวันประชุมสิทธิในหุ้นครั้งใหญ่ประจำปีของตระกูลติง จะมีการหารือกันเรื่องการเปลี่ยนสิทธิในหุ้นของทุกคน อีกอย่างก็จะพูดถึงเรื่องการดำรงตำแหน่งและรับช่วงตำแหน่งของเจ้าบ้านด้วย”
“แต่เดิมก็ไม่มีอะไรหรอก ประชุมกันไปแบบปกติก็พอแล้ว”
“แต่น้องเขยคุณก็รู้อยู่ ครั้งก่อนที่พวกเราไปเที่ยวเล่นกันที่สวนสนุกแล้วน้องสองติงเฟิงเฉิงเขาเสียสิทธิในหุ้นของเขาไปทั้งหมดเลย ตั้ง15%เลยนะ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้บอกคุณปู่เลย”
“ถ้าคุณปู่รู้เรื่องนี้เข้า เขาต้องถูกถลกหนังออกมาแน่ ๆ ”
“ปกติไม่บอกก็คงไม่เป็นไร ทุกคนก็แค่ปกปิดไว้ ไม่มีใครรู้หรอก แต่ปัญหาคือถ้าวันมะรืนนี้ประชุมสิทธิในหุ้นครั้งใหญ่กันแล้ว ถึงตอนนั้นสิทธิในหุ้นทั้งหมดก็ต้องแจกแจงให้ชัดเจน คุณจะไม่บอกคงไม่ได้แล้วล่ะ”
“ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเรื่องแดงขึ้นมาน้องสองเขาจะทำยังไง?”
คำพูดเหล่านี้พูดได้เจ็บปวดหัวใจมาก ราวกับว่าติงจื่อยวี่นั้นเป็นห่วงติงเฟิงเฉิงจริง ๆ
เจียงชื่อได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะในใจ
ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นแล้วทำไมวันนั้นต้องตั้งใจหลอกทำร้ายติงเมิ่งเหยนด้วยล่ะ?
ติงจื่อยวี่ ตีสองหน้า มีเรื่องแน่
ติงเมิ่งเหยนพูดตอบไปว่า “พี่สองไม่ว่ายังก็เป็นคนที่คุณปู่เลือกให้มารับช่วงต่อ เป็นว่าที่เจ้าบ้านของตระกูลติง ถ้าเขาล้มลงละก็ ตระกูลติงก็จบสิ้นกันแล้ว”
“ดังนั้นพี่ใหญ่ก็เลยมาปรึกษาฉัน ให้ทุกคนเอาสิทธิในหุ้นของตัวเองออกมาโอนให้กับพี่สอง ช่วยเหลือพี่สองให้ผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปก่อน”
ติงจื่อยวี่พูดอีกว่า “ฉันกับติงเมิ่งเหยนต่างก็มีสิทธิในหุ้นคนละ10% ตอนนี้พวกเราออกกันคนละ 7.5% รวมกันเป็น 15% ก็ช่วยปิดช่องโหว่ให้เฟิงเฉิงได้แล้วละ”
นี่ก็คือเป้าหมายที่ติงจื่อยวี่มาในครั้งนี้
ติงเมิ่งเหยนมองไปที่เจียงชื่อ “ที่รัก คุณมีความเห็นอะไรไหม?”
เจียงชื่อหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ผมบอกไปตั้งนานแล้ว เรื่องเกี่ยวกับสิทธิในหุ้นของตระกูลติง เมิ่งเหยนคุณตัดสินใจเองทั้งหมดได้เลย ผมไม่ไปก้าวก่ายหรอก”
ติงเมิ่งเหยนพยักหน้า“ได้ งั้นฉันจะลองตัดสินใจด้วยตัวเองดูสักครั้ง”