จ้าวซานเหอสับสนไปหมดแล้ว คำพูดนี้ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ถึงขนาดไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรดี
บังคับขู่เข็ญ
เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าบ้านตระกูลติงที่สูงส่ง จะกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้
ที่จริงก็ไม่แปลก
แต่ไหนแต่ไรมา ขอแค่บรรลุเป้าหมายของตัวเอง ติงหงเหย้าสามารถทำได้ทุกวิถีทาง
อย่ามองรอยยิ้มบนใบหน้าของติงหงเหย้า ที่จริงทุกคำพูดของเขาได้ทิ่มแทงไปที่หัวใจของจ้าวซานเหอตรงๆ ทำให้จ้าวซานเหอก้าวขาไม่ออก
เขาเดินกลับไปด้วยความโกรธแค้น ตบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง แล้วตะคอกด้วยความโกรธว่า “ติงหงเหย้า ถ้าแกกล้าแตะต้องภรรยากับลูกชายฉันแม้แต่ปลายผม ฉันจะแจ้งตำรวจจับแกทันที!”
ติงหงเหย้ายักไหล่ “ได้เลย งั้นลุงแจ้งตำรวจเลยสิ ถ้าหากลุงแจ้งตำรวจ ผมกล้ารับประกันเลยว่าภรรยาและลูกชายลุงแม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่เหลือ ลุงจับผมเข้าคุก สักปีสองปีผมก็ออกมาแล้ว แต่ลุงกลับเสียคนที่รักไป คนผมดำต้องมาจากไปก่อนคนผมขาว ลุงจ้าว คุณเลือกเองแล้วกัน”
คนหน้าด้านไม่ห่วงเรื่องศักดิ์ศรี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็กล้าทำได้ทั้งนั้น
ติงหงเหย้าหน้าด้านถึงขีดสุดแล้ว เผชิญหน้ากับคนไร้ยางอายแบบนี้ คุณจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ?
จ้าวซานเหอกัดฟันกระทืบเท้าด้วยความโมโห
เขาไม่อยากร่วมมือทำชั่วกับคนอย่างติงหงเหย้า และไม่อยากทำร้ายติงเฟิงเฉิงที่มีบุญคุณกับเขา แต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าหากไม่ยอมทำตามที่ติงหงเหย้าบอก ภรรยาและลูกชายของเขาก็จะได้รับอันตรายถึงชีวิต
จึงจำเป็นต้องทำแบบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
จ้าวซานเหอโน้มตัวลงไปอย่างไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แล้วหยิบสมุดบัญชีเล่มนั้นขึ้นมาจากบนพื้น
ติงหงเหย้าพยักหน้าด้วยความพอใจ “แบบนี้สิถูกต้องแล้ว ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ จะปฏิเสธเงินไปทำไมกันล่ะ?”
จ้าวซานเหอสีหน้าดุดัน “ฉันต้องการแค่ให้ภรรยากับลูกชายฉันปลอดภัย”
“ได้เลย”
จ้าวซานเหอหยิบสมุดบัญชีเดินออกไปด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ตลอดทาง เขาเดินมายังอาคารสำนักงานบริษัทติงเหออย่างใจเลื่อนลอย เรียกว่าอาคารสำนักงานบริษัทติงเหอ ที่จริงก็คือห้องเก่าซ่อมซ่อที่อยู่ชั้นสองของตึกเล็กห้องหนึ่งนั่นเอง
เขาเดินผ่านประตูเข้าไป แล้วมายังชั้นสอง มองเห็นแสงไฟที่ยังส่องสว่างอยู่ภายในห้องทำงาน
นั่นคือติงเฟิงเฉิงกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่นั่นเอง
เห็นภาพฉากนี้ จ้าวซานเหอรู้สึกปวดใจเหมือนมีมีดปักอยู่กลางหัวใจ ติงเฟิงเฉิงเป็นหนุ่มเพลย์บอยคนหนึ่ง แต่มาวันนี้ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน
อีกทั้งติงเฟิงเฉิงดีกับเขาขนาดนั้น
ตอนนี้เขากลับใช้บัญชีปลอมไปทำร้ายติงเฟิงเฉิง ทำแบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอ?
ไม่เหมาะสม
ไม่เหมาะสมแน่นอน
จ้าวซานเหอกระทืบเท้า แล้วหมุนตัวจะเดินจากไป แต่เดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็นึกถึงภรรยาและลูกชายของตัวเองที่ถูกจับตัวไป จึงปวดใจเป็นอย่างมาก
ถ้าหากเขาจากไปทั้งอย่างนี้ ชีวิตภรรยาและลูกชายของเขาก็คงไม่เหลือ
จะไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้
ขณะที่ลังเลไปมาอยู่หลายครั้ง ติงเฟิงเฉิงได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตู ก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“คุณลุงจ้าว? ทำไมลุงยังไม่กลับบ้านล่ะครับ?”
จ้าวซานเหอยิ้ม แล้วเดินเข้าไปพูดว่า “คุณเป็นประธานกรรมการบริษัท คุณยังไม่เลิกงานเลย แล้วผมจะกล้าเลิกงานได้ยังไงล่ะครับ? ยังยุ่งเรื่องโครงการพื้นที่รกร้างอยู่อีกเหรอ?”
“ใช่ครับ โครงการนี้มีผลต่ออนาคตของตระกูลติง ผมจำเป็นต้องทำมันให้ดี”
“งั้นคุณทำต่อเถอะครับ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว”
จ้าวซานเหอเดินอย่างเร่งรีบไปจากทางเดิน แล้วตรงไปยังฝ่ายการเงิน หยิบกุญแจออกมาเปิดประตูห้องการเงิน จากนั้นได้แอบเดินเข้าไปด้านใน เอาสมุดบัญชีปลอมใส่ไปในลิ้นชักของห้องการเงิน แล้วค่อยเดินออกมาล็อกประตู
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา
“เฟิงเฉิงนะเฟิงเฉิง ลุงจ้าวต้องขอโทษคุณด้วยนะ”
“คุณวางใจเถอะ ขอแค่ครั้งนี้ช่วยชีวิตภรรยาและลูกชายผมได้ ต่อไปผมจะใช้ชีวิตของผมมาชดใช้ให้คุณ”
ขณะที่พูด จ้าวซานเหอก็เห็นคนอีกคนอยู่ไกลๆ กำลังเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง เมื่อเดินเข้าไปดู ก็เห็นว่าเป็นเจียงชื่อนั่นเอง!
เจียงชื่อเหมือนมองไม่เห็นจ้าวซานเหอ เดินตรงเข้าไปในห้องทำงานของติงเฟิงเฉิง ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกันบ้าง
ติงเฟิงเฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปมา จากนั้นพยักหน้า แล้วก้มหน้าทำงานต่อ
จ้าวซานเหอไม่ได้คิดอะไรมาก เตรียมตัวจะกลับออกไป เจียงชื่อเดินออกมาขวางเขาเอาไว้พอดี แล้วยิ้มพลางพูดว่า “คุณลุงจ้าว เฟิงเฉิงมีเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อยจำเป็นต้องให้คุณช่วย คุณเข้าไปดูหน่อยเถอะ”
“อ้อ ครับ”
จ้าวซานเหอเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ เดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยความกลัว
ด้านนี้ เจียงชื่อได้มองตามหลังจ้าวซานเหอไป ดวงตาคู่นั้นมีประกายบางอย่างที่ยากจะคาดเดาได้ เหมือนกับทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์ของเขาหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน เขาหันหน้ามองไปยังห้องการเงินที่อยู่สุดทางเดิน แล้วเดินไปอย่างช้าๆ
ผ่านไปประมาณสามนาที เจียงชื่อกลับไปยังห้องทำงาน เพื่อช่วยกันศึกษาวิจัยแผนการพัฒนาโครงการกับติงเฟิงเฉิงและจ้าวซานเหอ
ศึกษาวิจัยได้ไม่ถึงสิบนาที ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
ได้ยินเพียงเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นเป็นระยะๆ เหมือนกับมีรถตำรวจจอดอยู่ด้านนอกอาคารสำนักงาน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ติงเฟิงเฉิงลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่ริมหน้าต่างมองออกไปด้านนอก เห็นรถตำรวจสองคันจอดอยู่ด้านล่างตึก จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา แล้วเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง
“ตำรวจมาทำไมกัน?” ติงเฟิงเฉิงเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่รู้สิ” จ้าวซานเหอมีสีหน้าสงสัย แต่แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่นาน ตำรวจก็มายังที่เกิดเหตุ
ขณะที่ตำรวจกำลังมา อีกคนหนึ่งก็มาด้วย
นั่นคือติงจื่อยวี่
เธอเห็นตำรวจขึ้นมาบนตึก จึงได้ตามขึ้นมาด้วย คอยดูเรื่องสนุกอยู่ด้านหลัง
ตำรวจพรวดพราดเข้ามาในห้อง แล้วขวางพวกติงเฟิงเฉิงเอาไว้ทั้งสามคน พร้อมเอ่ยถามว่า “ใครเป็นผู้รับผิดชอบดูแลที่นี่?”
ติงเฟิงเฉิงเดินหน้าไปหนึ่งก้าว “ผมครับ ผมเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ ชื่อติงเฟิงเฉิง”