หลังจากสร้างแรงบันดาลใจอันน่าประทับใจไปนานแล้ว สือควนค่อยเริ่มการกล่าวสุนทรพจน์การแพทย์อย่างเป็นทางกัน
ไม่พูดไม่ได้ ว่าในจิตใจของสือควนนั้นมีความไม่ประสงค์ดีอยู่บ้าง เขาอธิบายความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ที่มีความหมายลึกซึ้งโดยใช้ภาษาที่เรียบง่ายให้นักศึกษาฟัง
แม้จะเห็นได้ชัดว่ามีหลายส่วนที่ยังกักเก็บไว้อยู่ ทว่าจากสิ่งที่เขาอธิบายเหล่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับให้นักศึกษาในห้องโถงรับความรู้ไป
ต่อให้เจียงชื่อก็ฟังเข้าหูเหมือนกัน ก็ไม่พูดไม่ได้ว่าเขาเองก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ ไปไม่น้อยเหมือนกัน
“สือควนคนนี้มีความสามารถอยู่เหมือนกันนะ”
“หรือว่าจะมาทำเรื่องดีเฉยๆ บ่มเพาะคนรุ่นหลังจริงๆ”
เจียงชื่อมองดูต่อไปเงียบๆ เขารู้จักนิสัยของสือควนเป็นอย่างดี ไม่มีทางเรียบง่ายเช่นนั้นแน่นอน
ในที่สุด หลังจากที่กล่าวไปสองชั่วโมง งานกล่าวสุนทรพจน์ก็ดำเนินเข้าสู่ช่วงสุดท้าย
สือควนเอ่ยว่า: “เมื่อครู่ผมได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงที่การแพทย์มีต่อร่างกายมนุษย์ ตอนนี้ผมจะให้ทุกคนได้ดูสิ่งที่คล้ายคลึงกัน คือยาตัวหนึ่งที่ผมวิจัยออกมาในช่วงนี้ สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมนุษย์เราได้”
สิ้นเสียง เขาก็ปรบมือ สือเหวินปิ่ง ลูกชายของเขาก็ยกถาดหนึ่งเดินขึ้นมา บนถาดนั้นมียาหลากหลายชนิดวางอยู่
สือควนเอ่ยต่อว่า: “อีกจุดประสงค์หนึ่งที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็คือแยกจ่ายยาใหม่นี้ให้กับทุกคน”
ทุกคนต่างก็หวาดกลัว
นี่มันผิดปกตินะ ทำไมฟังดูแปลกประหลาดเช่นนี้ล่ะ? กล่าวสุนทรพจน์ก็ต้องกล่าวไป เหตุใดถึงต้องมาขายยาด้วย?
หรือว่าสือควนเองก็เหมือนคนขายหนังสือ ที่พอมาถึงก็กล่าวสุนทรพจน์นานแสนนาน ทำให้คุณซึ้งน้ำตาไหล จากนั้นก็ค่อยขายหนังสือให้คุณอย่างนั้นหรือ? เมื่อดูผิวเผินแล้วเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ แต่ความเป็นจริงคือการขายหนังสือ?
สือควนมาครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่การกล่าวสุนทรพจน์ แต่มาเพื่อขายยาเช่นนั้นหรือ?
พูดกันตามหลักการแล้วไม่สมควร สือควรมีเงินร่ำรวยขนาดนั้น ไม่มีทางทำเรื่องที่ต่ำช้าน่าเบื่อแบบนี้ได้
ภายใต้การสับสนงงงวยของทุกคน ยานั่นก็ถูกแจกจ่ายไปทีละน้อย จ่ายให้กับมือของทุกคน
สือควนเอ่ยว่า: “ทุกคนไม่ต้องห่วงเลยนะ คนอย่างสือควนไม่ใช่ประเภทนักต้มตุ๋นขายยาพวกนั้น ยาพวกนี้มอบให้ทุกคนฟรีๆ เลย ถือว่าเป็นน้ำใจจากผมนะครับ”
เมื่อพูดมาเช่นนี้แล้ว ทุกคนจึงเปิดใจกว้าง
“ที่แท้ก็เป็นน้ำใจของหมอสือนี่เอง เมื่อกี้ฉันเกือบเข้าใจเขาผิดซะแล้ว ผิดไปแล้วๆ”
“หมอสือนี่ช่างเป็นคนจิตใจดีที่สุดในโลกที่จริงๆ เลยนะ ไม่เพียงแต่สอนความรู้ให้พวกเรา แถมยังแจกจ่ายยาใหม่ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงกับพวกเราอีก ดีสุดๆ ไปเลยจริงๆ ”
“ขอบคุณคุณหมอสือด้วยนะ”
ทั้งนักศึกษาและคณะครูของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ต่างก็เอ่ยแสดงการขอบคุณสือควน ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ
บนเวที สือควนนั่งอยู่บนเก้าอี้มองดูทุกคนที่อยู่ล่างเวที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สีหน้าปลาบปลื้ม แลดูเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่จิตใจดีคนหนึ่ง มองไม่ออกถึงความประสงค์ร้ายแม้แต่น้อย
ทว่า…
ขณะที่ทุกคนกำลังดีอกดีใจกับเรื่องนี้อยู่นั้น เสียงดังทุ้มก็ดังเข้ามาทันที
“ยานี่ต้องผิดปกติแน่ๆ เลยใช่ไหม?”
หืม?
ทุกคนต่างก็ชะงักกัน มองไปยังทิศทางของเสียงนั่น
ผู้ชายหน้าตาหล่อคม ร่างกายกำยำนั่งอยู่บนที่นั่งของอาจารย์ ในมือพลางมองสังเกตยาที่อยู่ในมืออย่างละเอียด
สือควนที่อยู่บนเวทีตกใจยกใหญ่ มองไปยังชายหนุ่มผู้นั้น มองแวบเดียวเขาก็ทราบชื่อของชายหนุ่มผู้นี้แล้ว
ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นเจียงชื่อ!
สือควนหรี่ตาลง ยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมเอ่ยว่า: “แหม นี่มันผู้จัดการเจียงไม่ใช่เหรอนั่น? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”
เขาจงใจเรียกเจียงชื่อว่า ‘ผู้จัดการเจียง’ แต่ไม่ใช่ ‘หมอเจียง’ ก็คือชิงลงมือก่อนได้เปรียบ เขาแสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าเจียงชื่อเป็นคนของบริษัทเครื่องประดับ แต่ไม่ใช่คนในวงการแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงชื่อนำความเดือดร้อนที่ไม่จำเป็นมาให้เขา
บนความเป็นจริงแล้ว อันที่จริงการเคลื่อนไหวในวงการเครื่องประดับในช่วงนี้ก็ค่อนข้างครึกโครม ชื่อเสียงเรียงนามของเจียงชื่อก็ถูกแพร่ไป หลายคนต่างก็ทราบว่าเขาคือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเครื่องประดับ แต่ไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วทักษะทางการแพทย์ของเขาก็สุดยอดเหมือนกัน
เจียงชื่อมองสือควน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “คุณไม่ต้องสนใจว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่ได้หรอก สิ่งที่ผมต้องการพูดก็คือ ยาของคุณมีปัญหา!”
สีหน้าของทุกคนต่างก็ถอดสีไปตามๆ กัน
ยาของหมอสือมีปัญหา? พูดมาจากที่ไหนกัน?
สือควนลุกยืนจ้องเจียงชื่อตาเขม็ง “ผู้จัดการเจียง คุณอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นที่นี่นะ ยาของผมมีปัญหาตรงไหน? วันนี้คุณต้องอธิบายมาให้ผมฟังอย่างมีหลักการ ไม่งั้นก็อย่าหวังที่จะออกไปจากประตูใหญ่นี้!”
เจียงชื่อแสยะยิ้ม
เขาลุกขึ้นยืนเช่นกัน ชูยาที่อยู่ในมือขึ้นมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ยาตัวใหม่ที่สือควนวิจัยออกมา อ้างว่าทำให้ร่างกายแข็งแรง ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายคนเรา ทั้งหมดเป็นการโม้ทั้งนั้น”
“ยาตัวนี้ทำให้ร่างกายของคนเราแข็งแรงขึ้นได้ภายในเวลาอันรวดเร็วจริงๆ แต่ทุกคนรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นจากหลักการอะไร?”
เขากวาดสายตามองรอบๆ ไม่มีใครตอบ
ไม่มีใครตอบได้เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว แม้แต่ส่วนประกอบของยาทุกคนก็ยังไม่รู้เลย และยังไม่เคยได้ลองกินจะไปทราบหลักการในนี้ได้อย่างไร?
ทว่าเจียงชื่อไม่ใช่
เขาที่ได้เรียนรู้แก่นแท้ของยาจีนจากนายท่านซินจื่อหมินจากคลินิกเหรินจื้อ ได้ฝึกฝนจนทำให้จมูกของเขาไวต่อกลิ่นเสียยิ่งกว่าสุนัข ขอเพียงได้ดมกลิ่น ก็จะทราบอย่างชัดเจนว่าส่วนประกอบของยานั้นคืออะไร
รวมถึงทราบสัดส่วนของสารประกอบ ทำให้เจียงชื่อทราบชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสรรพคุณของตัวยานี้
เขาเอ่ยต่อว่า: “ยานี้เดิมไม่สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันของคนเราได้เลย แต่ว่า มันสามารถปรับสมรรถภาพร่างกายของคนเราได้ ทำให้เมแทบอลิซึมแข็งแรงขึ้น ทำให้ร่างกายของคนเราแข็งแรงขึ้นได้ภายในเวลาอันสั้น”