“แต่ว่าผลที่จะตามมารุนแรงมาก!”
“ลองคิดๆ ดูสิ ร่างกายของของเราถูกใช้งานเกินเลเวลในช่วงเวลาอันสั้น สมรรถภาพของร่างกายก็จะสับสน หลังจากที่แข็งแรงในเวลาอันสั้นผ่านไปแล้ว ก็จะอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก และในช่วงเวลานี้เองไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคต่างๆ ก็จะแฝงด้วยเข้ามาได้”
“ถ้าอาการไม่หนัก ก็เป็นแค่หวัดหรือมีไข้ แต่ถ้ารุนแรง นั่นมันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ!”
คำพูดนี้ราวกับเป็นเครื่องจุดประกายความคิด ทำเอาคณะอาจารย์และนักศึกษาที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ขนลุกขนชันขึ้นมาทันที
บนเวที สีหน้าของสองพ่อลูกตระกูลสือดูไม่จืด
การที่ถูกเปิดเผยสรรพคุณแฝงของยาต่อหน้าผู้คนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอันใด กระทั่งอาจทำให้สูญเสียชื่อเสียงไปได้
เจียงชื่อวางยาลง เขารู้ตั้งนานแล้วว่าคนนิสัยอย่างสือควนไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ถวายจิตวิญญาณต่อสังคมขนาดนั้น และเป็นอย่างที่คิดไม่ผิด สือควนมาที่มหาวิทยาลัยนี้ก็มีเจตนาชั่วแอบแฝงจริงๆ
ภายในห้องโถงกลายเป็นบรรยากาศที่อึดอัดไปทันที
สือควนเอ่ยอันใดไม่ออก สีหน้าแดงก่ำ อยากที่จะแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากไหน
สือเหวินปิ่งที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา: “เจียงชื่อ คุณเป็นแค่คนขายเครื่องประดับที่ขายหินเพื่อผลกำไรเท่านั้น คุณจะไปมีความรู้ทางการแพทย์ได้ยังไง? อย่ามาคุยโวโอ้อวดอยู่ที่นี่นักเลย!”
“พ่อของฉันเป็นถึงผู้นำในวงการแพทย์นะ ท่านวิจัยตัวยาอย่างละเอียดมาตั้งหลายสิบปี คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างคุณจะมาเทียบได้งั้นเหรอ?”
“คุณรู้หรือไงว่าสัดส่วนขององค์ประกอบยาคือเท่าไรน่ะ มาคุยโวอยู่นี่อยู่ได้?”
สือเหวินปิ่งมองไปยังผู้อำนวยการ ทังเจียเหวิน “อธิการบดีทัง ขอให้ท่านเป็นธรรมด้วยเถอะครับ!”
เจียงชื่อยื่นมือกระตุกแขนเสื้อ มองไปยังทังเจียเหวินเช่นกัน เอ่ยว่า: “อธิการบดีทัง คนเขาให้คุณให้ความเป็นธรรม คุณก็ทำซะหน่อยเถอะครับ”
ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต่างก็มองมายังทังเจียเหวิน
มีสายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ หากทังเจียเหวินไม่พูดอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการตัดสิน เกรงว่าคงจะไม่ได้
เขาหยิบตัวยาแล้วลุกขึ้น มองสือควน แล้วก็มองเจียงชื่อ สองตาหรี่ลง ราวกับกำลังคิดวิเคราะห์อันใดอยู่
หลังจากเงียบไปนาน คำถามแรกที่เขาถามก็คือ: “ผู้จัดการเจียง คุณเข้ามาปะปนในที่นั่งอาจารย์ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์เราได้ยังไงครับ?”
นี่มัน…
เจียงชื่อยิ้มแห้ง นี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับการตัดสินเรื่องตัวยาด้วยหรือ?
แน่นอนว่าเขาคงไม่มีทางที่จะเอ่ยชื่อของตำรวจเซี่ยเมิ่งจื้อออกมาได้ ดังนั้นจึงพูดไปทั่วว่า: “ผมได้ยินมาว่าวันนี้จะมีการกล่าวสุนทรพจน์ที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการแพทย์ ผมสนใจเรื่องการแพทย์ก็เลยมาโดยไม่ได้รับเชิญครับ”
“มาโดยไม่ได้รับเชิญงั้นเหรอ?” ทังเจียเหวินพยักหน้า ชี้ไปยังประตูว่า: “ถ้างั้นคุณไปได้แล้วละ”
อะไรนะ?
เจียงชื่อขมวดคิ้ว “อธิการบดีทัง นี่คุณกำลังไล่แขกงั้นเหรอ?”
ทังเจียเหวินยิ้ม “หรือว่าผมพูดไม่ชัดเจนพองั้นเหรอ?”
“ถ้างั้นคุณก็ยอมรับในตัวสือควนอย่างนั้นเหรอ?”
“นี่ยังต้องถามอีกเหรอ?”
หยุดไปสักครู่ ทังเจียเหวินเอ่ยต่อ: “หมอสือเป็นผู้นำวงการแพทย์นะ เป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมสูงส่ง ทำการศึกษาค้นคว้าอย่างลำบากในด้านของการแพทย์มาตั้งหลายสิบปี มีทั้งความรู้มีหลักการที่ลึกล้ำและความสามารถทางการแพทย์”
“แล้วคุณล่ะ? คุณเป็นแค่พ่อค้าขายเครื่องประดับ เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายนี้เลย”
“เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายการแพทย์ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าพูดจากสามหาวมาชี้จุดบกพร่องของยาตัวใหม่ที่หมอสือวิจัยขึ้นมาอย่างยากลำบาก คุณคิดว่าคุณเหมาะสมแล้วเหรอ?”
ในห้องโถงเงียบอีกครั้ง
คราวนี้ สีหน้าของอาจารย์และนักศึกษาทั้งหมดต่างก็ฟื้นกลับมา พร้อมมองไปหาเจียงชื่อด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม
ภายใต้ ‘คำเตือน’ ของทังเจียเหวิน พวกเขาเพิ่งจะรับรู้ว่าเมื่อครู่ตนโง่เขลาเพียงใด ไม่เชื่อในตัวหมอสือที่มีคุณธรรมสูงส่ง มีความสามารถทางการแพทย์ที่ลึกล้ำแต่กลับไปเชื่อนักธุรกิจขายเครื่องประดับคนหนึ่งที่ไม่ข้องเกี่ยวกับทางการแพทย์เลยเนี่ยนะ?
เหอะๆ ช่างโง่เขลาเสียจริง
เมื่อครุ่นคิดอยู่อย่างละเอียด คำพูดเมื่อสักครู่ของเจียงชื่อเหมือนจะมีเหตุผล ทว่าก็เหมือนเป็นบทพูดที่เตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าตั้งนานแล้ว
ทังเจียเหวินเอ่ย: “คำพูดเป็นชุดของคุณเมื่อกี้นี้ เหมือนจะมีหลักการมากเลยนะ แต่ความจริงแล้วคำพูดนี้ใช้กับยาทุกชนิดได้ทั้งนั้นแหละ”
“ไม่ต้องคิดเลย จะต้องมีคนเขียนคำพูดเหล่านี้ให้คุณก่อนหน้าแล้วให้คุณท่องไว้ จากนั้นก็มาใส่ร้ายป้ายสีหมอสือต่อหน้าผู้คนสินะ”
“พวกเรารู้ว่าหมอสือแข็งแกร่งไม่ประจบสอพลอคนอื่น จะต้องทำให้ใครหลายคนในวงการแพทย์ไม่ชอบแน่นอน เพราะงั้นถึงได้มีผลตอบแทนอย่างที่เห็นวันนี้”
“แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ทั้งอาจารย์และนักศึกษาของวิทยาลัยแพทยศาสตร์เรา จะยืนอยู่ข้างหมอสือตลอดไป จะต่อสู้กับนักธุรกิจที่เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลักอย่างพวกคุณจนถึงที่สุด!”
น้ำเสียงดังลั่น แข็งกร้าวน่ายำเกรง
มองออกว่าทังเจียเหวินไม่ได้พูดไปงั้นๆ แต่ต้องการปกป้องสือควนจากใจจริงๆ
พรึ่บๆ ๆ ทั้งอาจารย์และนักศึกษาทั้งห้องโถงต่างก็ลุกยืนขึ้นมา
ทุกคนตะโกนเป็นเสียงพร้อมเพรียงกัน
“ปกป้องหมอสือ ต่อต้านคนคุณธรรมเสื่อมโทรม!”
“ปกป้องหมอสือ ต่อต้านคนคุณธรรมเสื่อมโทรม!!”
“ปกป้องหมอสือ ต่อต้านคนคุณธรรมเสื่อมโทรม!!!”
ผู้ชายคนหนึ่งโยนปากกามาใส่เจียงชื่อ ด่าทอเสียงดัง: “ไอ้พ่อค้าหน้าเลือด ที่นี่ไม่ต้อนรับแก ไสหัวไป!”
“ไสหัวไปสิ!”
“ไสหัวออกไปจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์เรา!”
คนทั้งห้องโถงเดือดดาลขึ้นมา ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต่างก็โยนสมุด ดินสอ ยางลบ พร้อมด่าทอคำที่หยาบคายไปด้วย
พวกเขาไม่อยากเห็นหน้าเจียงชื่ออีกแม้แต่เสี้ยววินาที
ไสหัวไป
รีบไสหัวออกไป!
บนเวที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของสือควนเริ่มที่จะเบิกบานขึ้นแล้ว เขากำลังยิ้มอย่างมีความสุข
ถูกจับได้เรื่องแผนร้ายแล้วจะอย่างไร?
ตราบใดที่ผู้คนทั้งหมดถูกตบตาแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็จะมองไม่เห็นว่าอะไรคือธรรมอะไรคืออธรรม
“เจียงชื่อ แกคิดจะทำลายแผนดีๆ ของฉันงั้นเหรอ?”
“ฝันไปเถอะ!”