ศพ – ตอนที่ 209 จิ้งจอกเฒ่า

ตอนที่ 209 จิ้งจอกเฒ่า

ตอนที่ 209 จิ้งจอกเฒ่า

เสียงกรีดร้องแห่งความทรมาน ดังก้องทั่วสุสาน เห็นได้ชัดว่าใครบางคนกําลังเจ็บปวดมาก

จู่ๆผมและเหล่าฉันก็ได้ยินเสียงนี้ จึงรีบหันไปมองต้นเสียงทันที สีหน้าของพวกเราเปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้

เหล่าฉินพลั้งปากพูดออกมาทันที “ นี่มัน นี่มันเสียงหลิวชือฟุ ! ”

หลิวชือฟุ ก็คือลุงหลิวที่ออกไปเก็บศพกับเหล่าฉินในตอนกลางวัน

เมื่อได้ยินเหล่าฉันพูดแบบนั้น ผมก็เครียดทันที รีบพูดออกมาว่า “ เร็วเข้า พวกเรารีบไปหาเขา อาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

ขณะที่พูด ผมก็วิ่งไปข้างหน้าแล้ว

เหล่าฉินส่างขึ้นมาไม่น้อย เขาไม่รอช้ารีบวิ่งตามผมมาทันที

ผ่านไปไม่นาน ผมสองคนก็พุ่งเข้ามาในหอพักของสุสาน

เมื่อถึงตอนดึกหอพักของสุสานก็แทบจะไม่มีคนเดินเข้าออกที่นี่แล้ว ปกติก็มีเพียงคนที่ทําหน้าที่เผาศพ หลังจากเที่ยงคืนพวกเขาจะเข้ามาพักที่นี่เท่านั้น

ตอนที่พวกเรามาถึงหน้าหอพักก็เห็นบนชั้นสองมีไฟสว่างอยู่ห้องหนึ่ง นั้นก็คือห้องพักของลุงหลิว

ผมและเหล่าฉันรีบขึ้นไปบนชั้นสอง เมื่อมาถึงหน้าประตูก็พบว่าประตูห้องเขายังคงล็อคอยู่ แต่ในห้องกลับมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น

เหล่าฉินรีบเคาะประตู “ ก๊อกก๊อกก๊อก ” ขณะเดียวกันก็ตะโกนเข้าไปข้างใน “ หลิวชือฟุ ! หลิวชือฟุ ”

แต่ในห้องกลับไม่มีเสียงขานรับ แต่กลับมีเสียงร้อง “ อึก ! ” ดังออกมาหนึ่งครั้ง

ผมเห็นท่าไม่ดี จึงรีบพูดกับเหล่าฉินว่า “ เหล่าฉิน หลบไป ! ”

เหล่าฉินขมวดคิ้ว ขณะเดียวก็เดินถอยไปข้างหลังสองก้าว

ผมก็ไม่เกรงใจ รีบถีบประตูอย่างแรง

“ ปัง แอร้ด ” ประตูบานนั้นถูกผมถีบออกทันที

เสี้ยววินาทีต่อมา ผมสองคนก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากที่พวกเราพุ่งเข้าไป สีหน้าก็เปลี่ยนไป ร่างกายแข็งทื่อทันที

พวกเราเห็นลุงหลิวนอนอาบเลือด ร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย เขากําลังใช้มือกดเลือดที่คอเอาไว้ ดวงตาเบิกกว้าง พยายามอ้าปากเหมือนต้องการพูดอะไร

แต่เขาออกเสียงไม่ได้แล้ว ทําได้เพียงกระอักเลือดออกมาเท่านั้น

หัวใจของผมเต้นรัว นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น

แต่สิ่งแรกที่เหล่าฉันทําคือรีบพุ่งเข้าไป “ หลิวชือฟุ นาย นายเป็นอะไร”

ขณะที่พูด เขาก็เริ่มสํารวจบาดแผลของลุงหลิว ผมเองก็ได้สติกลับมา จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที

แต่ดวงตาที่เบิกกว้างของลุงหลิว กลับจ้องไปที่ด้านหลังของผมและเหล่าฉิน พยายามทําปาก บอกอะไรบางอย่าง

วินาทีนั้นผมและเหล่าฉันไม่เข้าใจ คิดว่าตอนนี้ลุงหลิวคงตกใจมาก

เหล่าฉินจึงพูดออกมาว่า “ หลิวชือฟุ นายไม่ต้องกลัวแล้วนะ ฉันจะรีบห้ามเลือดให้นาย แล้วพาไปส่งโรงพยาบาล !”

แต่เสียงของเขาเพิ่งจางหาย ลุงหลิวกลับเค้นพลัง พยายามชี้ และพูดออกมาด้วยความยากลําบาก “ ข้าง ข้างห ลัง…”

ผมมองมือสั่นๆของลุงหลิว เขากําลังชี้ไปที่ด้านหลังพวกเรา และเขายังพูดแบบนั้นออกมา

ผมและเหล่าฉินจึงตกใจ จากท่าทีของลุงหลิว เห็นได้ชัดว่าเขากําลังกลัวสุดๆ

ราวกับ ราวกับข้างหลังของพวกเรามีสิ่งที่น่ากลัวอยู่

ระหว่างนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

แต่ทันใดนั้นเองกลับมีลมหายใจเหม็นๆพัดเข้ามาจากทางด้านหลังของพวกเรา

เพราะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ทําให้พวกเรามัวแต่สนใจร่างกายของลุงหลิว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดมากหรือสนใจอะไรเยอะแยะ

ผมและเหล่าฉินทำตามสัญชาตญาณ พวกเราค่อยๆหันไปมอง

แต่วินาทีที่เราหันไปมอง ฉากที่น่าสะพรึงกลัวก็เกิดขึ้น

ผมสองคนเห็นที่ด้านหลัง มีจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

จิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นมีหางขนาดใหญ่ จ้องตรงมาที่พวกเราระหว่างนั้นเขาก็ยืนขึ้นช้าๆ

มันไม่ใช่แค่ไม่กลัวพวกเรา มันยังยกหัวขึ้นแยกเขี้ยวออกมา ราวกับกําลังยิ้ม

ดวงตาของจิ้งจอก ส่องแสงประกายแปลกประหลาด เห็นแล้วน่ากลัวมาก

จู่ๆผมก็เห็นจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่งยกตัวขึ้นยืนสองขา และยังมองพวกเราพร้อมกับแยกเขี้ยว วินาทีนั้นผมจึงตกใจมาก

เท้าหมดแรงทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที

จู่ๆก็เห็นจิ้งจอกเฒ่าปรากฏตัว นั้นเป็นเรื่องจริงที่ผมถูกทําให้ตกใจจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น

แต่เหล่าฉินที่อยู่ข้างๆกลับดีกว่าผมมาก แม้ในใจของเขาจะมีเสียงดัง “ ก๊ก ” และตกตะลึงกับภาพตรงหน้าก็จริง

แต่อายุรุ่นเหล่าฉิน ทํางานในสายนี้มาเป็นเวลานาน ยังไงเขาก็เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก

ถึงจะไม่เคยเห็น แต่ก็เคยได้ยินเรื่องแปลกประหลาดมามากมาย

ในเวลานี้เมื่อเห็นจิ้งจอกเฒ่าแสดงท่าทางน่าขนลุกแบบนั้น เขากลับไม่สับสน

บวกกับการดื่มเหล้ามา ทําให้เขากล้ามาก

เขาไม่คิดอะไรมาก “ คือ ” ออกมาหนึ่งครั้งหลังจากนั้นก็ยืนขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าของผมและลุงหลิว

ทันใดนั้นเขาก็พูดเสียงเข้ม “ สัตว์เดรัจฉานที่ไหน ถึงได้กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ !”

เสียงตะโกนของเหล่าฉิน ทําให้ผมได้สติทันที

แม้ใจจะหวาดกลัว แต่ก็รู้ดีเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ผมต้องกลัว

แม้ก่อนหน้านี้จะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ตอนนี้ผมต้องสงบสติอารมณ์ ผมรีบลุกขึ้นยืน ใช้มืออีกข้างหยิบยันต์ออกมา

จิ้งจอกเฒ่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเห็นผมหยิบยันต์ออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองผมหนึ่งครั้ง

สายตาแบบนั้น ทําให้ผมรู้สึกกดดันมาก

ทันใดนั้น เขาก็อ้าปาก จากนั้นก็พูดด้วยน้ําเสียงที่คมชัด แต่การออกเสียงไม่ค่อยชัดเจนกับผมและเหล่าฉิน “ ลูกชายของข้าหายตัวไป ข้ามาหาลูกชาย ”

ผมแสดงสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

แต่เหล่าฉินกลับเถียง “ ลูกชายของแกหายไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา แล้วทําไมต้องทําร้ายคนในสุสานของฉันด้วย”

จิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นเหลือบมองลุงหลิวแวบหนึ่ง เขาใช้กําลังบีบบังคับ ลมหายใจของจิ้งจอกจึงทําให้คนรังเกียจยิ่งกว่าเดิม

ไม่ใช่แค่นี้ มันยังออกเสียงพูดไม่ชัดเจนต่อ “ ตอนที่ลูกชายของข้าหายไป เจ้าหมอนี้อยู่ที่นั้น มันถูกหลานข้าทําเครื่องหมายเอาไว้ แต่มันไม่ยอมพูด ข้าเลยสั่งสอนมันนิดหน่อย”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปจ้องลุงหลิวอีกครั้ง จากนั้นก็หันมามองพวกเรา “ ในเมื่อมียันต์ งั้นก็เป็นคนใน ในเมื่อพวกเจ้ารู้จักเจ้าหมอนี้ งั้นข้าก็จะไม่พูดมาก ก่อนเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ เอาลูกชายข้ามาส่งที่สันเขาหยางกวาง ไม่อย่างนั้น พวกเจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้มีชีวิตอันสงบสุขอยู่ที่นี่อีกต่อไป !”

เสียงเพิ่งเงียบลง เขายังไม่รอให้ผมและเหล่าฉินตอบกลับ ทันใดนั้นจิ้งจอกเฒ่าก็เดินไปข้างหน้า เขาเหมือนกับร่างวิญญาณ กระโดดออกไปทางหน้าต่างทันที

ตอนพวกเราวิ่งตามมาดูที่หน้าต่าง ตรงนั้นยังมีจิ้งจอกอยู่ที่ไหนละ ตอนนั้นแม้แต่เงาของเขาก็ไม่มีแล้ว

“ เหล่าฉิน ตอนนี้ทํายังไงดี ” ผมไม่ค่อยมั่นใจ ผีร้ายผีชั่ว ผีอะไรก็ช่างมันก็เจอมาหมดแล้ว แต่คําพูดของจิ้งจอกเฒ่าในภูเขา และยังบอกว่ามาหาลูกชาย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมเลยนะ

เหล่าฉิสขมวดคิ้ว “ แม่งเอ้ย เหมือนกับที่เจ้าตู๋อ่าวเฮงซวยนั้นพูดไว้ไม่มีผิด อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องนี้ ตอนนี้พวกเราต้องพาหลิวชือฟุไปโรงพยาบาลก่อน !”

ผมพูด “ คือ ” และไม่พูดอะไรต่ออีก ผมแบกลุงหลิวขึ้นหลัง จากนั้นก็วิ่งไปนอกสุสานทันที

เมื่อพวกเรามาถึงโรงพยาบาลของตําบล หมอที่เข้าเวรอยู่ก็รีบนําตัวลุงหลิวไปรักษาทันที ตอนนั้นหมอห้ามเลือดได้ทันเวลา แต่เขาก็เสียเลือดไปเยอะพอสมควร

ระหว่างนั้น พวกเราก็โทรศัพท์เรียกอาจารย์และพวกท่านนักพรตต์

อาจารย์และท่านนักพรตต์ไม่คิดมาก นี่เพิ่งออกมาได้ไม่นาน พวกเราก็เจอปัญหาเข้าแล้ว

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็ต่างคนต่างถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับผม

ผมไม่กล้าลีลา รีบเล่าเรื่องที่ผมและเหล่าฉินเจอจิ้งจอกเฒ่าให้ฟังทั้งหมด

หลังจากอาจารย์และท่านนักพรตตูได้ยิน พวกเขาก็แสดงท่าทางเคร่งเครียดมาก

ท่านนักพรตต์พูดออกมาเบาๆ “ กลัวอะไรได้แบบนั้น ครั้งนี้พวกเราต้องเจอกับการแก้แค้นของจิ้งจอกชั่วแน่ ”

ศพ

ศพ

Status: Ongoing

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท