บทที่ 83
“แกรู้ไหมว่า แกทำให้หลิ่วซื่อสูญเสียไปเท่าไหร่? ไอ้ไร้ประโยชน์!”หลิ่วหลงหัวใจของเขาเต็มไปด้วยการบีบรัด
พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ในที่เกิดเหตุเหลือเพียงพี่ชายรองอย่าง หลิ่วเซียวเหยา เดินไปตรงหน้า แล้วปลอบใจ: “น้องสาม รอบนี้เรื่องนี้ทำเกินไปจริงๆ พ่อก็ต้องโกรธก็เรื่องธรรมดา รออีกไม่กี่วันก็คงดีขึ้น”
“พี่ชายรอง แล้วเรื่องอุตสาหกรรมที่เป็นของผมล่ะ……”หลิ่วจาวเฟิงยังคงกังวลกับเรื่องนี้มากที่สุด
ดวงตาของหลิ่วเซียวเหยากะพริบเล็กน้อย แล้วถอนหายใจ: “พวกเราไม่สามารถเอาชนะโหวจวี๋ได้….”
……
ไป๋ยี่เฟยเดินออกจากอาคาร ไป๋หู่เดินไปที่เบาะคนขับ ขณะที่ไป๋ยี่เฟยกำลังจะขึ้นรถไอ้หน้าแผลมีดก็เดินเข้ามา
“เจ้านายครับ คุณดูนี่ครับ…..”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจความหมายของไอ้หน้าแผลมีด เปิดประตูรถไปด้วยพร้อม พูดไปด้วย: “หกล้าน ฉันจะรีบจัดการโอนให้นายทันที”
“โอเคครับ ขอบคุณเจ้านายมากครับ เดินทางปลอดภัยนะครับเจ้านาย ”ไอ้หน้าแผลมีดพยักหน้าและโค้งคำนับ
เมื่อเห็นรถออกไปไกล ก็มีลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมา ถามด้วยความไม่เข้าใจ: “พี่เตา เราก็สามารถหาเงินได้มากกว่านี้ งั้น…..”
ถ้าเกิดเมื่อกี้ฆ่าไป๋ยี่เฟย พวกเขาสามารถเรียกเงินไปสิบล้าน หรือแม้แต่ยี่สิบล้าน ยังไงก็ได้เงินมากกว่าหกล้าน
ไอ้หน้าแผลมีดมองไปที่ลูกน้อง แล้วตั้งใจพูดอธิบาย: “แกลองคิดดูนะว่าฆ่าคนแล้วได้เงินเป็นสิบล้านๆ หรือว่าไม่ต้องทำอะไร ก็ได้เงินมาเป็นล้านๆอย่างไหนดีกว่า?”
ไอ้หน้าแผลมีดกล่าวต่อ: “ที่สำคัญ ถ้าเราฆ่าคน เราก็จะกลายเป็นฆาตกร หลังจากวันนี้ไปก็ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆ และเราอาจกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของหลิ่วซื่อ และกลายเป็นมีดที่หลิ่วซื่อหลอกใช้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ฆ่าคน ก็สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ปกติ สองอย่างนี้เหมือนกันไหม?”
“พูดถึง แกดูเจ้านายไป๋ของพวกเรา ประธานโหวจวี๋กรุ๊ป เทียบกับหลิ่วซื่อกรุ๊ปเทียบกับได้ไหม? ที่สำคัญอย่ามองว่าเขายังอายุน้อย แต่ว่าความฉลาดของเขาคนธรรมเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ เขายังวาดเส้นขีดข้อจำกัดกับพวกเรา แถมยังขอบเขตกับพวกเรา ก็เป็นเพียงแค่การทำธุรกิจอย่างหนึ่ง พวกเราก็พร้อมใจที่จะให้เขาใช้งาน”
หลังจากที่ ลูกน้องได้ยินคำพูดไม่กี่คำก็เข้าใจกุญแจสำคัญเรื่องนี้ในทันที ทันในนั้นเหงื่อก็แตกท่วมทั้งตัว และขนาดเดียวก็ยกนิ้วโป้งให้
“พี่เตาก็ยังคงฉลาดเสมอ”
……
ตามพิกัดที่แสดงตำแหน่ง ไป๋ยี่เฟยก็หาหลี่เสว่เจอที่บ้านพักตากอากาศหลันโปกั่ง
หลังจากที่ไป๋หู่ลงจากรถก็เดินออกไปเอง
ไป๋ยี่เฟยก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตู มองตรงหน้าที่มีหลี่เสว่ยืนอยู่อย่างลังเล
เช่นเดียวกับหลี่เสว่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า แต่ หลี่เสว่ก็ลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปดี?
เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับนิวซีกรุ๊ปและหลิ่วซื่อกรุ๊ปอย่างไรในอนาคต และเธอก็ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับหลี่เฉียงตงและหลิวจื่อหยุนอย่างไร?
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นเธอลังเล ในใจรู้สึกทุกข์ใจ เมื่อเห็นท่าทางของเธอแล้ว เธอน่าจะอยู่รอที่นี่นานแล้ว แต่ไม่เข้าไป
ในเวลาเดียวกัน บนดาดฟ้าของบ้านพักตากอากาศ หลี่เฉียงตงก็มองลงมาที่หลี่เสว่ตลอดเวลา
หลิวจื่อหยุนก็วางถ้วยน้ำชาลงข้างๆ แล้วถอนหายใจ “ ฉันไปจะเรียกเธอเข้ามาเอง! ”
“ไม่ต้อง” หลี่เฉี่ยงตงกล่าวอย่างเบาๆ
หลิวจื่อหยุนไม่เข้าใจเลย และพูดอย่างทุกข์ใจ: “ลูกสาวเรายืนอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานแล้ว…..”
“แล้วแต่เธอ!”
เมื่อได้ยินสามีพูดเช่นนี้ หลิวจื่อหยุนก็หยุดพูด
ตั้งแต่เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้น ทัศนคติที่หลิวจื่อหยุนมีต่อหลี่เฉียงตงก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าหลี่เฉียงตงจะไม่ค่อยเชื่อฟังคำพูดของเธอ แต่หลี่เฉียงตงก็ไม่เคยรังเกียจเธอเลย เธอจะกล้าพูดอะไรอีก?
ดังนั้นตอนนี้เรื่องเล็กน้อยๆก็มีหลิวจื่อหยุนเป็นคนตัดสินใจ ส่วนเรื่องใหญ่ๆก็มีหลี่เฉียงตงมาตัดสินใจ
“เด็กโง่นี่….”หลิวจื่อหยุนอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
หลี่เฉียงตงยิ้ม แล้วตอบ: “ลูกสาวเราโตแล้วนะ เรื่องบางเรื่องก็ต้องเป็นคนตัดสินใจเอง เป็นคนไปแก้ไขเอง เป็นคนไปเลือกเอง ที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าเราไม่ให้แกเข้ามา ดังนั้น รอแกคิดได้เองเถอะ!”
ข้างนอก หลี่เสว่ก็ยังคงลังเล
ทันใดนั้น ก็มีมืออบอุ่นขนาดใหญ่ก็อบจับมือเล็กๆของเธอ หลี่เสว่หันไปมองด้วยแปลกใจ
“เราเข้าไปกันเถอะ!”
หลี่เสว่ได้ยินคำนั้น ก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างอึ้งๆและไม่ขยับ
“เสว่เอ๋อ สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ว่ายังไง คนเป็นพ่อแม่ก็ยังคงเป็นพ่อแม่ และก็คงเป็นคนในครอบครัว จะว่ายังไงก็ไม่ผิด ไม่ต้องคิดมากนะ”
พูดเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็ยื่นมือไปดึงมือของหลี่เสว่
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินเข้ามา หลี่เฉียงตงและหลิวจื่อหยุนก็ยังคงเหมือนเดิม ซึ่งทำให้หลี่เสว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่าทางก็ดูผ่อนคลายขึ้นมา
“พ่อค่ะ แม่ค่ะ” หลี่เสว่เรียก
หลื่วจื่อหยุนยิ้มแล้วพูด: “ลูกกลับมาสักที แม่คิดถึงลูกจะตายแล้วเนี่ย”
หลี่เฉียงตงก็ยิ้ม “ใช่! แม่ของเธอพูดถึงพวกเธอสองคนตลอดเวลาเลยนะ!”
“ไม่นะ ฉันก็แค่คิดถึงลูกสาวของฉัน”หลิวจื่อหยุนรีบตอบกลับทันที แล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟย “เข้ามาตั้งนาน เรียกสักคำ เรียกคนก็ยังเรียกไม่เป็นอีก!”
ไป๋ยี่เฟยคิดว่าแม่ยายเริ่มต่อว่าเขาอีกล่ะ แต่กลับกลายเป็นว่าให้เขาเรียกพ่อแม่ เขาดีใจมาก
“พ่อครับ แม่ครับ ” ไป๋ยี่เฟยเรียกแล้วยิ้ม
หลิวจื่อหยุนตะคอกเบาๆ แล้วลากตัวหลี่เสว่ขึ้นไปบนห้อง
เหลือเพียงหลี่เฉียงตงกับไป๋ยี่เฟยในห้องรับแขก
ด้วยเหตุนี้ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยปกติ เขาเองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
หลี่เฉียงตงเริ่มชวนคุยก่อน: “ถ้าแม้ว่าเนื้อของหลี่ซื่อจะชิ้นเล็ก แต่ก็เป็นเนื้ออยู่ดี”
ไป๋ยี่เฟยตกใจ จากนั้นก็แสดงสีหน้าออกไปและถามอย่างงงๆ: “หือ อะไรนะครับ?”
หลี่เฉียงตงมองไปที่ไป๋ยี่เฟย แววตานั่น สามารถมองไป๋ยี่เฟยอย่างทะลุได้ ไป๋ยี่เฟยคิดว่าถูกไป๋ยี่เฟยมองผ่านทะลุ และมองออกว่าเขาเป็นใคร
“ไม่มีอะไร ก็แค่คำกล่าวที่ว่า อย่าปล่อยให้เป็ดที่อยู่ในปากมันบินไปละ” หลี่เฉียงตงค่อยๆพูด และจิบชาไปด้วย
ทันใดนั้นหัวใจของไป๋ยี่เฟยก็เต็มไปด้วยคลื่นที่ปั่นป่วน แต่ใบหน้ากลับนิ่งสงบ
ตอนเที่ยง อาหารบนโต๊ะ ทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เหมือนกับก่อนหน้านั้นแต่ก็เหมือนจะแตกต่างกับเมื่อก่อนเล็กน้อย
แต่สิ่งที่แสดงออกมาชัดเจนคือ หลิวจื่อหยุนไม่ได้ต่อต้านไป๋ยี่เฟยมากนัก และดูเหมือนว่าจะยอมรับลูกเขยที่ไม่ได้เรื่องคนนี้แล้ว
หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ ก็ถึงตอนบ่าย หลี่เสว่ก็ลากตัวไป๋ยี่เฟยออกมา
“ทำไมอาหารค่ำไม่ทานที่นี่ด้วยกันล่ะ?”หลิวจื่อหยุนถามอย่างสงสัย
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม “คืนนี้เราจะออกไปทานข้าวข้างนอกกันครับ”
“ออกไปกินข้าวนอกมันเปลืองเงินจะตายและไม่สะอาดด้วย…..”
หลิวจื่อหยุนก็ยังอดไม่ได้ที่จะจู้จี้ แต่หลี่เฉียงตงก็กล่าวขึ้นว่า: “ปล่อยให้หนุ่มสาว เขาไปกันเถอะ!”
นอกประตู หลี่เสว่ลากตัวไป๋ยี่เฟยไปที่บ้านพักของตัวเอง
ไป๋ยี่เฟยถามอย่างไม่เข้าใจว่า:“เสว่เอ๋อ เราออกไปทานอาหารข้างนอกกันเถอะ! จะกลับมาทำไม?”
หลี่เสว่เบิกตากว้างแล้วจ้องมองที่ไป๋ยี่เฟย “ทำไม กินข้าวที่บ้านกับฉัน มันไม่อบอุ่นเพียงเหรอ?”
“ไม่…..มันไม่ใช่ ฉันขอไม่ได้เหรอ”ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ
ระหว่างทาง ทั้งสองก็เงียบไม่พูดไม่จากันเลย
หลี่เสว่กำลังคิดถึงเรื่องที่บริษัท
ไป๋ยี่เฟยก็กำลังคิดเรื่องที่หลี่เฉียงตงพูดเมื่อกี้