บทที่ 85
“ใช่แล้วค่ะท่านประธาน ในจังหวัดของเย่ซื่อกรุ๊ป มีโครงการมีที่ร่วมลงทุนกับเราค่ะ”
“เย่ซื่อกรุ๊ป?”ไป๋ยี่เฟยดูประหลาดใจเล็กน้อย
หลงหลิงหลิงพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ และโครงการนี้ เป็นโครงการที่มีมูลค่าถึงหลายหมื่นล้าน”
“หลายหมื่นล้าน? แต่ฉันจำได้ว่ากรุ๊ปของเราไม่เคยติดต่อกับเย่ซื่อกรุ๊ปเลย แล้วพวกเขาถึงติดต่อเรามาได้ล่ะ”ไป๋ยี่เฟยถาม
หลงหลิงหลิงส่ายหัว เป็นการบอกกล่าวว่าไม่รู้
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่า “เย่ซื่อกรุ๊ปนี่เธอดูๆไปก่อน มีอะไรคืบหน้าก็รีบรายงานทันที”
“ได้ค่ะ ท่านประธาน”หลงหลิงหลิงตอบรับ
ไป๋ยี่เฟยถามอีกครั้ง: “หลิ่วซื่อเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“อุตสาหกรรมภายใต้ชื่อหลิ่วจาวเฟิงล้มละลาย ร้านค้าก็ปิดตัวลง….. ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า อย่างพอใจ
สำนักงานหลิ่วซื่อกรุ๊ป
มีคนนั่งอยู่บนโซฟาทั้งหมดห้าคน
นำโดยคนที่ใส่ชุดสูทสีเทา ดูแข็งแกร่งอย่างหลิ่วหลง อีกหนึ่งคนคือหลิ่วเซียวเหยา ที่เหลืออีกสามคน มีผู้ชายสองคน กับผู้หญิงที่สวยเซ็กซี่หนึ่งคน
หญิงสาวสวยเซ็กซี่กล่าวขึ้นเบาๆ:“นิวซีกรุ๊ปถูกคริสตัลกรุ๊ปซื้อกิจการไปแล้ว”
“แน่ใจนะ? ”หลิ่วหลงถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
หญิงสาวพยักหน้า“แน่ใจสิ และคริสตัลกรุ๊ปเพิ่งจะมีขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้ คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้รับการยอมรับ”
พูดจบ หลิ่วหลงครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็มองไปที่หลิ่วเซียวเหยา แล้วถาม: “เซียวเหยา แกคิดว่าไง? ”
หลิ่วเซียวเหยารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำถามนี้ ตอนนี้หลิ่วจาวเฟิงก็ถูกทอดทิ้งแล้ว ในอนาคตยังไงหลิ่วซื่อกรุ๊ปก็ต้องเป็นจองเขาเพียงคนเดียว!
หลิ่วหลงถามเขาหมายความว่า กำลังทดสอบเขาอย่างแน่นอน เขาต้องทำให้ดีหน่อย
หลิ่วเซียวเหยาดูสงบ แล้วกล่าวขึ้นว่า: “เพิ่งเกิดได้ไม่นานอย่างคริสตัลกรุ๊ปคงเทียบกับโหวจวี๋กรุ๊ปไม่ได้แน่นอน แต่ที่ซื้อกิจการของนิวซีกรุ๊ป ก็มีเพียงสองเหตุผล”
“หนึ่งคือคริสตัลกรุ๊ปต้องการสร้างความแข็งแกร่ง แล้วยังมีเบื้องหลังที่ลึกลับด้วย”
“สองคือประธานของคริสตัลกรุ๊ปเป็นวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือ”
พูดจบ หลายคนก็พยักหน้า นอกจากหลิ่วหลง
หลิ่วเซียวเหยากล่าวต่อ: “แน่นอนว่า ความสามารถในการก่อตั้งของคริสตัลกรุ๊ปนั่น ไม่ใช่แค่วัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือ แต่ประธานคนนี้ มีวิธี ”
คำตอบนี้ทำให้หลิ่วหลงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ไม่เลว!”
หลิ่วเซียวเหยาได้รับคำชมจากหลิ่วหลง ก็รู้สึกดีใจ และกล่าวต่อว่า: “ท่านประธานครับ ผมอยากขอให้ตรวจสอบดูว่าคริสตัลกรุ๊ปสิว่ามีอะไรที่ไม่พอใจโหวจวี๋กรุ๊ปหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าได้ พวกเราก็สามารถร่วมมือกับคริสตัลกรุ๊ปจัดการกับโหวจวี๋กรุ๊ปได้
หลิ่วหลงอึ้งเมื่อได้ยินเช่นนี้ “แกจะจัดการกับโหวจวี๋กรุ๊ปงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ”หลิ่วเซียวเหยารีบพยักหน้า“ท่านประธานครับ พวกเรากับโหวจวี๋กรุ๊ปก็แตกหักกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือขุ่นเคืองใจกันจนไม่เหลืออะไรแล้ว ในอนาคตโหวจวี๋กรุ๊ปก็ไม่มีวันปล่อยพวกเราไปง่ายๆ ทำไมพวกเราไม่ริเริ่มด้วยมือพวกเราเองล่ะครับ? ”
หลิ่วหลงเงียบเมื่อได้ยินเช่นนี้
สิ่งที่หลิ่วเซียวเหยาก็มีเหตุผล พวกเขาหลิ่วซื่อกับโหวจวี๋กรุ๊ปคือยังไงไม่สามารถปรองดองได้อีกแล้ว ณ ตอนนี้ เชื่อว่าโหวจวี๋ก็กำลังเก็บกวาดอุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของหลิ่วจาวเฟิงและคงไม่ปล่อยอุตสาหกรรมอื่นของหลิ่วซื่อรอดไปด้วย ดังนั้นเริ่มลงมือก่อนดีที่สุด
ดังนั้นเมื่อหลิ่วหลงเห็นด้วย หลิ่วเซียวเหยาก็ส่งคนไปตรวจสอบคริสตัลกรุ๊ป
……
ตอนเที่ยง ไป๋ยี่เฟยก็ได้รับโทรศัพท์จากเหอหยวนหยวน
“ฮัลโหล ไป๋ยี่เฟย พอดีฉันอยู่แถวโหวจวี๋กรุ๊ป ออกมากินข้าวด้วยกันสิ!”
ไป๋ยี่เฟยสึกงุนงงเล็กน้อย ที่จะบอกความจริง แม้ว่าเหอหยวนหยวนจะเป็นดาวมหาวิทยาลัย แต่ระหว่างเขากับเหอหยวนหยวนนั้นก็ไม่ได้สนิทมาก
ต่อมาเขากลายเป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป ที่สำคัญคือเขาซื้อกิจการบริษัทของเหอหยวนหยวน แต่เหอหยวนหยวนก็ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา ดังนั้นทั้งสองก็คงจะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ?
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี จะปฏิเสธ คนเขาก็อุตส่าห์มาชวน ไม่ตอบปฏิเสธ ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
เหอหยวนหยวน รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยได้ยินเสียงของไป๋ยี่เฟย “เป็นอะไรหรือเปล่า? จะมาหรือไม่มา?”
ไป๋ยี่เฟยทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบตกลง
เหอหยวนหยวนเมื่อได้คำตอบ ก็วางสาย
อันที่จริงเหอหยวนหยวนก็รู้สึกอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่า ทำไมถึงอยากให้ไป๋ยี่เฟยออกมากินข้าว?
แต่ก็โทรไปแล้ว ก็แค่กินข้าวนอกบ้านเองก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
ในขณะนั้นเอง ข้างๆของเหอหยวนหยวนก็มีหญิงสาวที่สวยน้อยกว่าเหอหยวนหยวน : “หยวนหยวน เธอโทรหาใครเหรอ? “”
“อ๋อ เพื่อนนะ เขาทำงานอยู่แถวนี้ ก็เลยชวนออกมากินข้าวด้วยกัน”เหอหยวนหยวนตอบ
หญิงสาวตอบแค่อืม แล้วก็ไม่พูดอะไรมาก
หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็มาถึงหน้าร้านอาหารที่เหอหยวนหยวนนัด จากนั้นก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความประหลาด
เหอหยวนหยวนไม่ได้มาแค่คนเดียว ข้างๆคือเธอหญิงที่แต่งตัวสวยงามและมีฝ้ากระบนใบหน้า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาเอง คือเฉาฟางฟาง
ไป๋ยี่เฟยเดินไปอย่างใจเย็น “ขอโทษที ฉันมาสายไปหน่อย”
เมื่อได้ยินเสียง ทั้งสองก็สะดุ้ง แล้วหันกลับมา
เฉาฟางฟางแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นไป๋ยี่เฟย “ไป๋ยี่เฟย?ทำนายมาอยู่ที่นี่? ”
ไป๋ยี่เฟยกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ ไม่ใช่ว่าหยวนหยวนชวนฉันมาทานข้าวหรือ?”
เฉาฟางฟางมองไปที่เหอหยวนหยวน เหอหยวนหยวนพยักหน้า
หลังจากที่เฉาฟางฟางเห็นสิ่งนี้ก็เข้าใจว่าเพื่อนร่วมชั้นที่เหอหยวนหยวนพูดถึงคือใคร แต่ว่า….
“นายเรียกเหอหยวนหยวนว่าอะไรนะ?นายกับหยวนหยวนสนิทกันเหรอ?หยวนหยวนคือชื่อที่นายควรเรียกงั้นเหรอ?”
เหอหยวนหยวนดึงเฉาฟางฟาง “ฟางฟาง อย่าพูดแบบนี้”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากถือสาหญิงสาว จึงยิ้มแล้วพูดว่า: “ทำไมจู่ๆเธอถึงคิดจะชวนฉันกินข้าว? แต่ดูท่าทางเธอแล้วก็ไม่เลวนะ ช่วงนี้สบายดีเปล่า? ”
“หยวนหยวนของเราสบายดี! ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังมีแฟนหนุ่มที่รักเธออีกคน!”เฉาฟางฟางกล่าวอย่างมีชัย “รู้หรือเปล่าว่าแฟนของหยวนหยวนเป็นใคร? เขาเป็นถึงนายน้อยของบริษัท! แต่นายก็เป็นแค่คนธรรมดา!”
เหอหยวนหยวนรู้ละอายเล็กน้อย “ฟางฟาง ไป๋ยี่เฟยเขามีภรรยาแล้ว ที่สำคัญสวยกว่าฉันด้วย”
เป็นความจริงที่ เธอไม่ยอมรับก็ไม่ได้
ในการรวมรุ่นครั้งก่อน เฉาฟางฟางไม่ได้เข้าร่วมเพราะเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นเลยไม่เจอไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ภรรยาของเขา
เฉาฟางฟาง คิดเองเอ่อเองว่า ไป๋ยี่เฟยนั้นเพิ่งจะแต่งงานอย่างไม่ทางการกับผู้หญิงคนอื่นไป และเหอหยวนหยวนเองก็เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วกลัวสู้ไป๋ยี่เฟยไม่ไหวถึงพูดแบบนี้
“หยวนหยวน เธอไม่ต้องถ่อมตัวขนาดนั้น เราอยู่ที่นี่นะ ไม่ต้องกลัวคนอื่น! ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่า เมียเขาจะสวยกว่าดาราที่อยู่บนเวทีอีก?”
จะว่าไปหลี่เสว่ เหอหยวนหยวนก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่โหวจวี๋กรุ๊ป ตอนนั้นเห็นไป๋ยี่เฟยเข้าไปพร้อมกับคนมากมาย และออกมาพร้อมกับหลี่เสว่ที่อยู่ในอ้อมแขน เหมือนกับที่เธอคาดเดาไว้ไม่ผิดว่า หลี่เสว่น่าจะเป็นผู้หญิงที่ใจง่าย
น่าเสียดายที่ ไป๋ยี่เฟยยังคงดิ้นรนอย่างหนัก
คิดดูแล้ว ตอนนั้นไป๋ยี่เฟย สามารถควบคุมสงบสติอารมณ์ได้เมื่อเผชิญหน้ากับตำรวจ และด้วยความกล้าหาญเช่นนี้ เขาดูหล่อมาก
น่าเสียดาย ที่ไป๋ยี่เฟยเป็นแค่ผู้จัดการทั่วไปของโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่มีพื้นฐานฐานะทางครอบครัวที่ดี ก็ไม่ได้ดีไปกว่านายน้อยบริษัท มิฉะนั้น เธออาจเลือกไป๋ยี่เฟย แทนที่จะเลือกหลิ่วเซียวเหยาที่อายุมากกว่าตัวเองสิบปี
เฉาฟางฟางก็ยังได้สังเกตเห็นความลำบากใจของทั้งสอง แล้วยังกล่าวต่อ:“ ต่อให้สวยยังไงก็คงสวยสู้หยวนหยวนไม่ได้หรอก”
เหอหยวนหยวนก็รีบดึงเฉาฟางฟาง แล้วหันความสนใจ ของพูด: “เดียวต้องทำตัวให้ดีๆกว่านี้หน่อย พวกเขาก็เป็นถึงคุณชายบริษัท อยากให้ฉันขายหน้า”
พูดจบ เฉาฟางฟางก็เงียบทันที และเธอก็ยังคงเขินอายเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่ามันน่าสนใจ แล้วถามอย่างสงสัย “คุณชายบริษัท?”