บทที่86
ความรู้สึกคือนอกจากพวกเขาแล้วยังมีคนมีกินข้าวด้วยอีก
ช่างเถอะ มาก็มาล่ะ จะไปจากนี่ก็คงไม่ง่าย
“รอบนี้คงจะดีกว่าที่เซียวหรงเทาใช่มั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยพูดไปอย่างไร้ความหมาย เพียงเพื่อต้องการถาม เหอหยวนหยวนรู้สึกละอายเล็กน้อยและพูดไม่ออก
เฉาฟางฟางตะคอก และพูดด้วยความรังเกียจ: “ดีว่าที่เซียวหรงเทาแน่นอน! ว่าแต่เธอหมายความว่ายังไง? พูดถึงแต่คนอื่นไปเซียวหรงเทา แต่นายเองมีปัญญาขนาดไหน แม้แต่เซียวหรงเทานายก็เทียบไม่ได้!”
เหอหยวนหยวนเหลือบไปมองที่เฉาฟางฟาง “ พอได้แล้ว พูดให้มันน้อยๆหน่อย ยังไงก็เพื่อนกัน ออกมากินข้าว ทำไมต้องพูดเรื่องพวกนี้ด้วย?”
เฉาฟางฟางปิดริมฝีปากเงียบ แล้วไม่พูดมาก
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ บ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการพูดมากกว่านี้
ทั้งสามคนเดินไปที่ร้านอาหาร
ไป๋ยี่เฟยตอนแรกนึกว่าเหอหยวนหยวนชวนแค่เขามากินข้าว หลังจากที่เห็นเฉาฟางฟางเขาก็คิดว่ามันเป็นการรวมตัวกันของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ เพียงไม่กี่คน แต่ท้ายที่สุด การฟังบทสนทนาของพวกเขา เหมือนกับว่านัดดูตัวที่เหอหยวนหยวนจัดขึ้นมา
สิ่งนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยสนใจ
ไม่ว่าจะพูดยังไงเหอหยวนหยวนก็ยังเป็นดาวมหาวิทลัย เขาก็อยากรู้มาก ใครกันแน่ที่สามารถครอบครองหัวใจของเหอหยวนหยวนได้ ส่วนอีกคนก็ค่อยแนะนำคู่เดทให้เฉาฟางฟางใหม่
หลังจากที่ ทุกคนมาถึงร้านอาหารและนั่งโต๊ะที่จองไว้ ไป๋ยี่เฟยก็ตกตะลึง และมุมปากของเขามองเห็นได้ว่ากระตุกเล็กน้อย
คนที่อยู่ในตอนนี้ ไม่ได้มีแค่ไป๋ยี่เฟย แต่ตรงข้ามก็มีหลิ่วเซียวเหยากับหลิ่วจาวเฟิงสองพี่น้องที่พูดอะไรไม่ออก
หลิ่วเซียวเหยามองเห็นเหอหยวนนหยวนก่อน แล้วดึงหลิ่วจาวเฟิงขึ้นให้ทักทายเหอหยวนหยวน แต่เมื่อเดินไปถึงด้านหน้า ถึงมองเห็นไป๋ยี่เฟย
ดังนั้นทั้งห้าคน จึงยืนอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับ จ้องตากว้าง
เหอหยวนหยวนกับเฉาฟางฟางสับสนเล็กน้อย สถานการณ์แบบนี้คืออะไรเนี่ย?
ที่สับสนก็คือไม่ได้มีแต่พวกเธอ ยังมีหลิ่วจาวเฟิงและหลิ่วเซียวเหยา
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเหอหยวนหยวนจะพาไป๋ยี่เฟยมา ว่าแต่ว่าเหอหยวนหยวนรู้จักไป๋ยี่เฟยได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เหอหยวนหยวน กำลังนึกถึง งานเลี้ยงในครอบครัวที่ ไป๋ยี่เฟยและหลิ่วจาวเฟิงกำลังทะเลาะกัน ซึ่งแสดงว่าไป๋ยี่เฟยกับหลิ่วจาวเฟิงต้องรู้จักกัน!
แต่ว่า ทำไมทั้งหลิ่วเซียวเหยาก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟย?
เหอหวยนหยวนถามอย่างสงสัย “พวกนาย…..รู้จักกัน?”
ไป๋ยี่เฟยดึงสติได้ก็ยิ้มส่ายหัวแล้วตอบ “ไม่รู้จัก”
พูดจบ หลิ่วเซียวเหยากับหลิ่วจาวเฟิงก็มองหน้ากันโดยปริยาย จากนั้นเชิญทั้งสามนั่งลง
ในตอนนั้น เฉาฟางฟางก็เยาะเย้ย: “หยวนหยวน ถามแบบนี้ได้ไง เขาเป็นถึงคุณชายของหลิ่วซื่อกรุ๊ป จะรู้จักกับหัวโจกเล็กๆอย่างไป๋ยี่เฟยได้ไง?”
หลิ่วจาวเฟิงกับหลิ่วเซียวเหยากระตุกริมฝีปากเล็กน้อย ถ้าประธานโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นแค่คนธรรมดา แล้วพวกเขาคืออะไรล่ะ?
หลิ่วเซียวเหยามองไปเหอหยวนหยวนอย่างไม่พอใจ ผู้หญิงคนนี้สมองมีปัญหาหรือเปล่า? ทำไมถึงโง่ขนาดนี้?
เหอหยวนหยวนรับรู้ถึงสายตาของหลิ่วเซียวเหยา ก็ยิ้มอย่างเจื่อนๆ และแนะนำให้รู้จักกับเฉาฟางฟาง:“ ฟางฟางสองคนนี้เป็นคุณชายสองและคุณชายสามของหลิ่วซื่อกรุ๊ป”
“คนนี้เป็นเพื่อนสนิทของฉันเฉาฟางฟาง” เหอหยวนหยวนกล่าวต่อ แล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟยพูด: “นี่ไป๋ยี่เฟย เพื่อนร่วมชั้นของฉัน”
เมื่อหลิ่วเซียวเหยาและหลิ่วจาวเฟิงได้ยินคำเหล่านี้พวกเขาก็รู้ว่า ที่แท้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเหอหยวนหยวนนี่เอง
เฉาฟางฟางมองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อทั้งสองอย่างเขิน ๆ และกล่าวทักทาย: “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉาฟางฟาง”
“สวัสดีครับ”หลิ่วเซียวเหยาและหลิ่วจาวเฟิงก็ยังมีมารยาท แล้วยิ้ม และมีความเป็นสุภาพบุรุษ
ไม่เห็นชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง ใจของเฉาฟางฟาง เหมือนกับโดนกระแทก แล้วพองโต
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้สนใจมอง แล้วหยิบเมนูขึ้นมา เตรียมสั่งอาหาร
ในตอนนั้นเอง เฉาฟางฟางไม่รู้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ก็ตะโกนว่าไป๋ยี่เฟย: “นายหยิบเมนูไปทำไม นายมีสิทธิ์อะไรสั่งอาหาร? ยังไม่รีบเอาเมนูให้กับเหรอหยวนหยวนอีก?”
เหอหยวนหยวนใบหน้าดูอึดอัด
หลิ่วเซียวเหยาและหลิ่วจาวเฟิงก็ตกใจจนอึ้ง
เฉาฟางฟางไม่ได้สนใจพวกเขา แต่ยังคงพูดกับไป๋ยี่เฟย:“นายได้ยินหรือเปล่า? อีกอย่าง ไม่เห็นเหรอว่าเพิ่งนั่งลงไม่มีน้ำชาดื่ม? เร็ว รีบริมน้ำชาให้กับพวกเรา!”
หลิ่วจาวเฟิงแทบอดไม่ได้อยากที่จะตะโกนเมื่อเห็นเช่นนี้ เฉาฟางฟางในหัวคงจะไร้สมอง?
หลังจากเหตุการณ์ล่าสุด แม้แต่ไอ้หน้าแผลมีดยังเรียกไป๋ยี่เฟยว่าเจ้านาย บวกกับเขาที่เป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป หลิ่วจาวก็ยังอาย
หลิ่วจาวเฟิงจึงลุกขึ้นทันที หยิบกาน้ำชาขึ้นมารินด้วย ความเคารพให้กับไป๋ยี่เฟย
“เชิญท่านดื่มก่อนครับ!”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองหลิ่วจาวเฟิง เลิกคิ้วและ พร้อมกับยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม
เฉาฟางฟางและเหอหยวนหยวนรู้อึ้งกับสิ่งที่เห็น
“ไป๋ยี่เฟย หูหนวกหรือไง? ฉันบอกให้นายรินน้ำชา!นายกล้าดียังไงให้คุณชายหลิ่วรินน้ำชาให้!”พูดจบ เฉาฟางฟาง ก็อดไม่ได้ที่จะเหยียดเท้าออกและเตะน่องของไป๋ยี่เฟย
เธอเรียกไป๋ยี่เฟยไปรินน้ำชาให้ทุกคน ไม่ใช่หลิ่วจาวเฟิงสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นคือหลิ่วขาวเองก็เป็นถึงคุณชายของกรุ๊ป จะให้มารินชาให้กับคนอย่างไป๋ยี่เฟยได้ยังไง?
ไป๋ยี่เฟยยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมา
แต่สองพี่น้องตระกูลหลิ่วต่างก็หวาดกลัวจนเหงื่อแตก
หลิ่วเซียวเหยาถึงกับรีบคว้ากาน้ำชาในมือของหลิ่วจาวเฟิง แล้วรินให้กับไป๋ยี่เฟย “เชิญครับท่าน”
นี่คือการแสดงอะไรเนี่ย?
ถ้าเฉาฟางฟางยังดูไม่ออกสมองก็คงจะมีปัญหาจริงๆ ก็เห็นแต่เธอพูดติดอ่างอย่างไม่เข้าใจ “คุณชาย….คุณชายหลิ่ว เขา…เขาก็แค่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีฐานะอะไร ทำ…..ทำไมถึงสามารถที่จะทำให้คุณชายทั้งสองรินน้ำชาได้? นี่…..”
“ไม่ ไม่ ไม่ครับ เป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ”หลิ่วเซียวเหยารับส่ายหัวทันที
หลิ่วจาวเฟิงเห็นก็รีบพยักหน้าตาม “ใช่ใช่ใช่ครับ มันเป็นหน้าที่ ที่ควรทำอยู่แล้วครับ”
สถานการณ์ตอนนี้คือเหอหยวนหยวนกับเฉาฟางฟางที่ตอนนี้สับสน และ หลิ่วเซียวเหยากับหลิ่วจาวเฟิงที่กำลังหวาดกลัว แล้วไป๋ยี่เฟยที่กำลังอารมณ์ดี
ที่สำคัญคือเห็นท่าทางของหลิ่วเซียวเหยาและหลิ่วจาวเฟิงที่มีต่อเขา
เมื่อก่อน หลิ่วเซียวเหยาก็เคยขอโทษเขาแทนน้องชาย และหลิ่วจาวเฟิง ก็ทำให้เขาอับอายขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า อยากจะเรียกไอ้หน้าแผลมีดมาฆ่าตัวเองให้ตายจริง!
แล้วดูตอนนี้สิ เฮ้อ!
คำเดียวคือ: เลิศ!
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม “ฉันเป็นแค่คนธรรมดาเอง มันช่างน่าอับอายจริงๆที่ต้องให้คุณชายทั้งสอง รินน้ำชาให้ฉัน!”
“ไม่เลยครับ? ไม่เลยครับ? ท่านคือนายไป๋ของพวกเรา”หลิ่วเซียวเหยายิ้มแล้วตอบ
“ใช่ใช่ใช่ครับ”หลิ่วจาวเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม แล้วไม่ตอบ
เฉาฟางฟางถามเหอหยวนหยวนด้วยความมึนงง“สมัยนี้คนมีเงินก็มีมารยาท แต่คงไม่ใช่แบบนี้ใช่มั๊ย?”
เหอหยวนหยวนหัวเราะสองครั้ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องเกรงใจ”ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
ไม่ถูกเหรอ? ท่าทางที่หยิ่งผยองก่อนหน้านี้กล้าที่จะแสดงออกหรือเปล่า?
เห็นได้ชัด ว่าตอนนี้สองพี่น้องไม่กล้า
การเผชิญหน้ากับโหวจวี๋กรุ๊ป หลิ่วซื่อกรุ๊ปไม่กล้าทำอะไร ดังนั้นการที่ไม่รนหาเรื่องให้ไป๋ยี่เฟยไม่พอใจเป็นเรื่องดีที่สุด อย่างน้อยก็เป็นการยื้อเวลาให้กับตัวเอง!
เมื่อเหอหยวนหยวนเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้มั้ง?”
หลิ่วเซียวเหยากับหลิ่วจาวเฟิงเป็นถึงคุณชายของหลิ่วซื่อกรุ๊ป แต่กลับมารินน้ำชาให้ไป๋ยี่เฟย แล้วยังดื่มให้กับเขา?