บทที่ 123
หลิวเสี่ยวเหยาดึงสติกลับมา “แก แก….. ออกมาได้ยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มบางๆ: “ฉันไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ทำไมถึงจะออกมาไม่ได้ละ?”
“ใครที่ผิดกฎหมายกันแน่ทุกคนน่าจะรู้ดี ยังต้องให้ผมอธิบายอีกไหม?”
“แต่ไม่เป็นไรอธิบายหน่อยก็ดี เดี๋ยวเข้าใจผิดอีก?”
“เมืองเทียนเป่ย มีผู้ผลิตแผงฉนวนกันความร้อนทั้งหมดสามสิบห้ารายถูกหลิ่วซื่อกรุ๊ปเช่าไปทั้งหมด จากนั้นจึงผลิตแผงธรรมดาประเภทนี้ที่ถูกห้ามในประเทศ ขายให้กับธุรกิจอื่น ๆ ในราคาของแผงสารหน่วงไฟ ซึ่งรวมถึงพวกคุณด้วยหลิ่วซื่อ”
“ดูเหมือนว่าความจำของประธานหลิ่วจะไม่ค่อยดีนัก! ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าคุณทำผิดกฎหมาย!”
เมื่อหลิ่วเซียวเหยาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และก็ตื่นตระหนก
ผู้คนหน้าเวทีก็เข้าใจได้ในทันที
“คิดไม่ถึงว่าหลิ่วซื่อทำไมถึงร้ายกาจมากขนาดนี้!”
“ใช่! ชีวิตคนมากมายขนาดนั้น! ไร้มโนธรรม!”
“ร้ายกาจ! ไร้มโนธรรม!”
ทุกคนต่างคนต่างพูด กล่าวโทษไปที่หลิ่วซื่อ กล่าวโทษที่หลิ่วเซียวเหยา
หลิ่วเซียนเหยาใจสั่น ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจ ว่าผิดพลาดตรงไหน
“เรื่องไร้สาระ แกต้องหนีออกมาแน่ แกทำผิดอาชญากรรมทางการค้าแล้วมาโยนความผิดให้พวกเรา ทำไมตำรวจถึงปล่อยแกออกมากง่ายๆ”หลิ่วเซียนเหยาวิตกกังวลควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แล้วตะโกนขู่ขึ้น: “แม้ว่าจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่คุณก็ได้ก็เหตุทะเลาะวิวาทด้วย “
“ฉันหนีออกมา?”ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะ “เกรงว่าตอนนี้นายยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองอีกเหรอ?”
หลิ่วเซียวเหยาตะลึงเมื่อได้ยินคำ และพูดคำราม: “ไป๋ยี่เฟย! แม้ว่าแกจะไม่ได้ทำผิดอาชญากรรมทางการค้า แต่แกก็จะก่อเหตุทะเลาะวิวาท ตำรวจไม่มีทางปล่อยแกไป!”
ไป๋ยี่เฟยตะคอกเล็กน้อย และไม่สนใจ
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยยืนขึ้นและกล่าวว่า: “ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ละเมิดกฎหมายใดๆ และไม่มีการก่อเหตุทะเลาะวิวาทใดๆ พวกเราตำรวจจะไม่จับกุมคนมั่วๆ”
“อะไรนะ?”หลิ่วเซียวเหยาเบิกตากว้าง “ตำรวจ?”
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างนุ่มนวล และหยิบบัตรประจำตัวของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “สวัสดีครับคุณหลิว ผมชื่อฉินหัว เป็นตำรวจ”
หลิ่วเซียวเหยาตะลึงในขนาดนั้น
ฉินหัวกล่าวต่อว่า: “นายไป๋ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ที่เข้าอยู่ในคุกสถานีตำรวจหนึ่งวัน นายไป๋ก็เป็นคนขอเอง สำหรับการรบกวนทางการแพทย์ที่ทางเข้าโรงพยาบาล มันเป็นการป้องกันที่ถูกต้อง ไม่ใช่การก่อเหตุทะเลาะวิวาท”
“เหลวไหล! ใครไม่มีเรื่องจะขอเข้าไปอยู่ในคุก? สมองของคุณน้ำเข้าหรือเปล่า?”หลิวเซียวเหยาขู่คำราม หันไปมอง แล้วพูดว่า: “คุณเป็นตัวปลอมใช่มั้ย คุณไม่ใช่ตำรวจ? ไป๋ยี่เฟยเชิญให้คุณมาแสดงใช่มั้ย?”
“ใช่แล้ว คุณต้องเป็นตัวปลอมแน่!”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เชื่อ ไป๋ยี่เฟยยิ้มและพูดว่า “น้ำเข้าสมองไม่ใช่ฉันแล้ว เป็นนายมากกว่า ใครจะมาแอบอ้างเป็นตำรวจ คงอยากจะเข้าคุกจริงๆใช่มั้ย?”
สีหน้าของหลิ่วเซียวเหยา ไม่ค่อยดีนัก ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอม
ไป๋ยี่เฟยมองเขาเบา ๆ และพูดว่า: “ที่จริงฉันยังชื่นชมนายมาก ที่กล้าทำสิ่งที่น่ากลัวแบบนี้ กล้าหาญมาก แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นพ่อของนายเขาก็คงไม่มีความกล้าขนาดนี้”
“ คุณหลิวหลงระมัดระวังตัวและสงสัยมาโดยตลอด หากเขาตัดสินใจทำเรื่องในวันนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้นายออกหน้าแทนอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดถ้ามีอะไรผิดพลาด มันจะไม่เกี่ยวข้องกับหลิ่วซื่อ?”
“ดังนั้น เพื่อทำให้หลิ่วหลงหมดความสงสัย และเห็นด้วยกับความคิดของนาย หลังจากรู้แผนของนายแล้ว ก็จงใจขอให้ตัวเองอยู่ในคุก”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของไป๋ยี่เฟย หลิ่วเซียวเหยาก็ตาแทบหลุด
แผนการที่สมบูรณ์แบบของเขา แต่ไป๋ยี่เฟยกลับรู้ล่วงหน้า? ยิ่งไปกว่านั้นเขาวางแผนตลกหลังเขา!
จำเป็นต้องบอกว่า ไป๋ยี่เฟยก็น่ากลัวมาก ความคิดของเขาลึกล้ำกว่าคนทั่วไป
แต่ถึงอย่างนั้น หลิ่วเซียวเหยาก็ยังคิดไม่ออกว่า ไป๋ยี่เฟยรู้แผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาได้อย่างไร?
เวลาเขาทำอะไรมักจะปกปิดแผนของเขา และเขาไม่ได้แสดงความลับใดๆรั่วไหลออกมา และเพื่อป้องกันไม่ให้ไป๋ยี่เฟยสนใจเคลื่อนย้ายฉนวนกันความร้อนของหลิ่วซื่อ เขาจึงขอให้คริสตัลกรุ๊ปเบี่ยงเบนความสนใจของไป๋ยี่เฟยเป็นพิเศษ
ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยเอง มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาขัดขว้างทางการแพทย์ และถูกขังไว้ในคุก ดังนั้นตระกูลหลิ่วจึงรู้สึกโล่งใจ
พวกเขาคิดว่าไป๋ยี่เฟยถูกขังไว้ คงจะไม่ทันได้ระวังเรื่องฉนวนกันความร้อน แต่ที่ไหนได้เขาตั้งใจเข้าไปเองแต่แรก เพื่อทำให้เขาสบายใจ
คงไม่มีใครคิดว่าไป๋ยี่เฟยจะฝ่าปัญหาขัดขว้างทางการแพทย์ มาไปได้ขนาดนี้!
และหลงหลิงหลิงก็ตกใจเช่นกันในเวลานี้
ช่วงเวลานี้ที่รู้จักกันมา ก็ทำให้หลงหลิงหลิงรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยก็มีความสามารถเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ค่อยดีนักที่เธอจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเมืองกับคนอื่นๆได้ แต่ก็ฉลาดพอที่ไม่พูดกับคนอื่นไปทั่ว
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้เธอตกใจอย่างมาก ไป๋ยี่ไม่ได้เป็นเพียงทายาทเศรษฐีร่ำรวยที่เอาแต่ใจเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก และมีความสามารถบ้างเป็นครั้งคราว แต่เป็นคนที่สามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ และฉลาดและลึกซึ้งมาก
ในขณะนี้ หลงหลิงหลิงไม่สามารถห้ามให้หัวใจของเธอไม่เต้นเร็วได้
ในขณะนี้ ฉินหัวหยิบกุญแจมือออก และเดินตรงไปที่หลิ่วเซียวเหยา: “คุณหลิ่ว รบกวนเชิญไปกับเราด้วยครับ”
หลิ่วเซียนเหยาส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก และในเวลาเดียวกัน ก็เห็นหลงหลิงหลิง
หลงหลิงหลิงที่กำลังเหม่อลอย จู่ๆก็มีพละกำลังที่แรงพุ่งมา และบีบคอของเธอ
มีไวน์อยู่บนโต๊ะ หลิ่วเซียวเหยาหยิบขวดไวน์ขึ้นมาและทุบมัน และถือไว้ใกล้กับหลงหลิงหลิงมากที่สุด วางเศษขวดไวน์ที่แตกลงบนคอขาวนวลของหลงหลิงหลิง ตะโกนใส่ฉินหัวและไป๋ยี่: “พวกแกไสหัวออกไปนะ! หรือฉันจะฆ่าเธอ!”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม “หลิวเซียวเหยา แกปล่อยเธอไปซะ!”
ฉินหัวไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า กลัวว่าหลิ่วเซียวเหยาจะลงมือ “หลิ่วเซียวเหยา คุณใจเย็นๆก่อนนะ !”
เมื่อทุกคนหน้าเวทีเห็นเหตุการณ์นี้ ต่างก็ตกตะลึง
หลังจากที่ตกตะลึง ก็เกิดความโกลาหลขึ้นทีละคน และบางคนก็วิ่งออกไปโดยตรง เพราะกลัวว่าหากหลิ่วเซียวเหยาหุนหันพลันแล่น ใครก็ตามเขาก็จะจับและข่มขู่ตำรวจ ถึงตอนนั้นเป็นตัวเองก็กลายเป็นตัวประกัน และแมร่งสามารถบาดเจ็บได้ทุกเมื่อ!
หลิ่วเซียวเหยาเห็นความวุ่นวาย ดวงตาก็เป็นประกาย และผลักหลงหลิงหลิง จากนั้นก็วิ่งออกไป
หลงหลิงหลิงถูกผลักไปที่ฉินหัว ฉินหัวก็รับตัวไว้ได้ และผลักไปที่ไป๋ยี่เฟย และวิ่งตามหลิ่วเซียวด้วยตัวเอง
หลิ่วเซียวเหยารีบวิ่งไปที่ประตูห้องโถงพร้อมกับก้าวขาที่แข็งแรง
เพื่อถ่วงเวลาให้ตัวเองหลบหนี หลิ่วเซียวเหยามองเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆยืนอยู่ตรงนั้น และอุ้มเด็กผู้หญิงทันที โดยไม่สนใจว่าข้างหลังจะมีหรือไม่มีใครอยู่ และโยนตัวออกไป
เด็กหญิงก็ร้องเสียงดังน้ำตาไหล “ฮือ…..”
เมื่อฉินหัวเห็นสิ่งนี้ เขาก็วิ่งออกไป และเอื้อมมือไปรับตัวเด็กผู้หญิงไว้ เพื่อป้องกันความแข็ง เขาก็กลิ้งกลมไปพร้อมเด็กผู้หญิงบนพื้น แล้วยืนขึ้น รีบพูดปลอบโยน ลุกขึ้นและวิ่งไล่ตามหลิ่วเซียวเหยา
หลิ่วเซียวเหยาไม่ได้ขึ้นลิฟต์ แต่วิ่งตรงไปที่บันได โชคดีที่ชั้นไม่สูงนัก จึงวิ่งออกจากโรงแรมได้ไว
ฉินหัวก็วิ่งไล่ลงตามบันได แต่วิ่งไล่ออกมาช้าไป หลิ่วเซียวเหยาก็ขับรถออกไปแล้ว
ในห้องโถง ไป๋ยี่เฟยจับหลงหลิงหลิงและพูดว่า “จัดการที่นี่ด้วย” จากนั้นก็วิ่งออกไป
นอกโรงแรม เห็นฉินหัวยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่โมโห แล้วเดินตรงไป
“ ตอนนี้ออกหมายจับได้แล้วเหรอ?”
ฉินหัวพยักหน้า “ฉันจะรีบแจ้งสำนักงานตำรวจทันที และให้คนเริ่มการไล่จับนักโทษ”
วิดีโอในห้องโถงคือหลักฐานพิสูจน์ว่า ไม่มีใครสามารถแก้ตัวได้
……
หลิ่วเซียวเหยาขับรถออกมาไกล ก่อนที่จะโทรหาหวังโหลว ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก “เกิดเรื่องแล้ว ตำรวจรู้เรื่องของเรา และตอนนี้ตำรวจกำลังจับกุมฉัน นายก็ควรรีบซ่อนตัวแล้วรอให้เวลาผ่านไปสักพักพวกเราค่อยมาคิดแผนกันใหม่”
หวังโหลวหายใจปกติ และไม่ตกใจแม้แต่นิดเดียว “หื้อ ทำไมฉันต้องหลบซ่อนตัวด้วย?”
“พูดบ้าอะไร พวกเรามันเชือกเส้นเดียวกัน…..”หลิ่วเซียวเหยากำลังจะพูดต่อ และทันใดนั้นเขาก็หยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูด เขารู้สึกก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี และดูเหมือนจะรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน
ณ ตอนนี้
“นายเองเหรอ?”หลิ่วเซียวเหยาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ:”ทำไม?ทั้งที่ฉันกำลังช่วยนาย!”
หวังโหลวยอมรับ “ใช่ฉันเอง”
หลิ่วเซียวเหยาดูจะไม่ค่อยเชื่อ พร้อมด้วยความโกรธมาก “ทำไม? ฉันกำลังช่วยนายอยู่! แต่นายแมร่งกลับ……”
หวังโหลวสงบมาก พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง “ไม่ ฉันคิดว่านายเข้าใจผิดแล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว
ฉันไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังอะไรเลย อันที่จริงตั้งแต่แรก ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่เกม เป็นเกมที่จัดการหลิ่วซื่อกรุ๊ป”
“เชี่ยยย! กูไปทำอะไรให้มึง? มึงแม่งกลับมาทำร้ายพวกกูหลิ่วซื่อ?”หลิ่วเซียวเหยาชกพวงมาลัยรถอย่างโมโห
หลิ่วเซียวเหยาโกรธมาก ตั้งแต่แรก เขาถูกหลอก และเขาก็เต็มใจเข้าสู่เกมที่ออกแบบโดยคนอื่น