บทที่ 130
“เลือกเถอะ ว่าคุณต้องการเล่นเกมหรือหนีออกไป? แต่ถ้าคุณต้องการที่จะหนีออกไป คุณมีเวลาเพียงเท่านี้”
“คุณบอกมา” ไป๋ยี่เฟยจ้องหน้าจอโดยไม่กระพริบตา
ชายสวมหน้ากากยิ้มและพูดว่า “ในกล่องมีลูกบอลทั้งหมดสิบห้าลูก สีมีทั้งหมดสามสี มีสีแดงอย่างน้อย 2ลูกสีเขียวอย่างน้อย 3 ลูกและสีเหลืองอย่างน้อย 4 ลูก คำถามคือสีใดมีลูกบอลมากที่สุด?”
นี่คือคำถามบ้าอะไร? ใครจะไปรู้?
หลังจากไป๋ยี่เฟยเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็หันไปเปิดกล่องบนร่างของสวีลั่งและพบว่ามีเชือกสองเส้นอยู่ข้างใน มีสีแดงและสีเขียวอย่างละหนึ่งเส้น
ฉากแบบนี้คล้ายในหนังมาก ระเบิดกำหนดเวลา ต้องตัดเชือกหนึ่งเส้นจึงจะปลอดภัย ฟังดูน่าตื่นเต้น แต่นั่นมันเป็นหนัง
ในชีวิตจริง เชื่อว่าไม่มีใครอยากไปประสบหรอก
ในใจไป๋ยี่เฟยตื่นตระหนก แต่มันไม่ปรากฏบนใบหน้า เขารื้อระเบิดอย่างใจเย็น เห็นกรรไกรวางอยู่ใกล้ ๆ และหยิบมันขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ชายหน้ากากจึงกล่าวว่า “คุณเลือกคำตอบแล้วหรือ?”
“เห้อ โง่จริงๆ ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเลือกหาทางออกให้ตัวเอง ทำไมต้องมาเสียเวลาตนเองด้วยละ”
ไป๋ยี่เฟยตอบอย่างจืดจาง “จริงเหรอ?น่าเสียดายที่คุณไม่ใช่ผม”
ชายสวมหน้ากากแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างเย้ยหยัน “หึ! โง่เขลา! เป็นเพียงลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ เอาชีวิตตัวเองเพื่อช่วยมัน ตลกสิ้นดี!”
“มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เงยหน้าขึ้น “อีกอย่าง เขาไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นนักฆ่าที่มาเพื่อฆ่าผม”
“อะไร?” ชายหน้ากากดูเหมือนจะไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ส่วนสวีลั่งมองลงไปที่ไป๋ยี่เฟยในเวลานี้ดวงตาของเขาซับซ้อนเล็กน้อยและในที่สุดก็พูดเบา ๆ “ไม่ต้องสนใจผม”
ต่อหน้าระเบิด ในฐานะนักฆ่า เขาไม่กลัวเลย แต่การเลือกของไป๋ยี่เฟยทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยก็ท่านั้น
“ ผมก็ไม่อยากสนใจคุณเหมือนกัน แต่ในเมื่อผมจ้างคุณไปหาคน คุณถูกจับเพราะเรื่องนี้ ผมจึงมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยคุณให้รอด”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้จ้างนักฆ่าเพื่อตามหาคนที่วางยาคนนั้น สวีลั่งก็จะไม่ถูกคนอื่นเล่นงานแบบนี้ เพราะเหตุนี้เขาก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ
สวีลั่งหยุดชั่วคราว จากนั้นหันศีรษะและพูดว่า “ผมไม่ซาบซึ้งหรอก ผมเป็นนักฆ่าที่ไม่มีความรู้สึก อย่าเสียเวลาของคุณเลย”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว“ ผมรู้ แต่ผมไม่ได้เสียเวลา แต่ผมกำลังช่วยตัวเอง อีกอย่าง ผมช่วยคุณมันเป็นเรื่องของผม คุณจะเป็นยังไงก็เรื่องของคุณ”
ในเวลานี้ ชายสวมหน้ากากยืนขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาเห็นว่าไป๋ยี่เฟยตัดเชือกที่มัดระเบิดออก
สวีลั่งก็คิดว่าไป๋ยี่เฟยจะตัดสายระเบิด คิดไม่ถึงว่าที่เขาตัดคือเชือก
ภายในไม่กี่สิบวินาที ไป๋ยี่เฟยก็ตัดเชือกที่ไม่ใช่ของระเบิดออกมาได้ จากนั้นเอามือถือไว้และวางมันลงบนพื้นเบา ๆ
“คำถามของคุณไม่มีความหมายโดยสิ้นเชิง เพราะไม่ว่าผมจะตัดด้ายแดงหรือด้ายสีเขียวมันก็จะระเบิด ดังนั้นผมจะไม่โง่ที่จะจบชีวิตตนเองลงอย่างรวดเร็วหรอก” ไป๋ยี่เฟยอธิบายและพูดกับสวีลั่งอีกครั้ง เหลือเวลาอีกหกนาที อย่ายืนซื่อบื้อ รีบมองหาทางออก ”
แต่แล้ว สามนาทีต่อมา ไม่มีทางออกเลยนอกจากประตูทางออกใหญ่ ไม่เพียงแค่นั้นโกดังสูงมากและรอบๆก็ลื่นมาก จึงไม่อาจแม้แต่จะปีนขึ้นไป
เหลือเวลาอีก 2 นาที 30 วินาที
สวีลั่งรู้สึกกระวนกระวายใช้ร่างกายของเขาไปกระแทกประตูโดยตรง
เสียง “ปั้งๆ” ดังขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประตูไม่ขยับเลย
ชายสวมหน้ากากหัวเราะ“ ฮ่าฮ่า … พวกคุณรอตายได้เลย! เพราะตั้งแต่แรก ผมก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้พวกคุณมีชีวิตรอดออกไปได้!
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หน้าจอ ชายสวมหน้ากากรอคอยที่จะเห็นการระเบิดของทั้งสอง ในใจของเขาก็ยิ่งลุกลี้ลุกลน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็นึกขึ้นได้ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขาเห็นด้านขวาของประตูมีรูหนึ่งอัน
ไป๋ยี่เฟยเดินไปดู เป็นจริงอย่างที่เขาคิด เอามือไปเคาะ “ตู้มๆ”
“เป็นกลวง!”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่สวีลั่ง “ชนที่นี่!”
เหลือเวลาอีก 1 นาที 8 วินาที
สวีลั่งคิดว่าวันนี้ตายแน่ๆ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันทีและเขาก็พุ่งชนเข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เสียง “ตั้ม” ดังขึ้น กำแพงก็พังลงและหลุมก่อนหน้าก็ใหญ่ขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ สวีลั่งและไป๋ยี่เฟยก็รีบวิ่งออกไปทันที
ไป๋ยี่เฟยเดินตามหลังและพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย “ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร และไม่รู้ทำไมผมถึงขวางทางของคุณ แต่ผมจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมเชื่อว่าเราจะได้พบกันในอนาคตข้างหน้าแน่นอน สุดท้ายผมจะส่งคุณ … ไปตาย! ”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยหันหลังวิ่งออกไป
ตอนที่ออกไป เหลือเวลาเพียง 10 วินาทีสุดท้าย ในขณะเดียวกัน เนื่องจากการควบคุมของรีโมท เวลาจึงได้หยุดลง
เพราะคนในจอมอนิเตอร์ล้มเหลวในการฆ่าไป๋ยี่เฟย เขาจึงทุบโต๊ะตรงหน้าเขาด้วยความโกรธและคำรามว่า“ ไป๋ยี่เฟย ผมจะฆ่าคุณให้ได้ไม่ช้าก็เร็ว!”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยและสวีลั่งวิ่งออกไป พวกเขาก็วิ่งไปเป็นเวลานาน ก่อนที่จะหยุด
ทั้งสองนั่งลงบนพื้น หายใจหอบ
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ หนาวไปทั้งร่างกาย มีเหงื่อเย็นไหลออกมาจากข้างหลัง
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เข้าไปในรถทีละคน ไป๋ยี่เฟยสตาร์ทรถและขับออกไป
“เชี่ย! ในที่สุดก็ปลอดภัยแล้ว” ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“อย่าดีใจเร็วเกินไป” สวีลั่งที่อยู่ด้านข้างส่ายหัว
“ไม่ใช่มั้ง?” ไป๋ยี่เฟยคิดในจิตใต้สำนึกว่าสวีลั่งจะฉวยโอกาสนี้ฆ่าเขา “จะฆ่าผมก็ต้องหาเวลาที่เหมาะสมหน่อยสิ! คุณดูสิตอนนี้คุณอยู่ในรถ แน่ใจเหรอ?หากเกิดอุบัติเหตุ คุณก็จะเสียชีวิตเช่นกัน.”
สวีลั่งมองบน มองไปที่กระจกมองหลังแล้วพูดว่า “มีหางอยู่หลังรถ”
“หือ?” ไป๋ยี่เฟยมองไป “ไอ้เชี่ย! เขายังไม่ปล่อยผมไปอีก!”
โกดังร้างตั้งอยู่ชานเมือง ถนนที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองว่างมาก มีรถให้เห็นอยู่ไม่กี่คัน แต่ข้างหลังรถของเขา มีรถอยู่สามคัน เร่งเครื่องไล่ตามเขาไม่ปล่อย
สวีลั่งขมวดคิ้ว “เร่งความเร็ว อย่าหยุด”
ไป๋ยี่เฟยไม่ตอบ แน่นอนว่าเขาจะเหยียบคันเร่งจนสุด รถก็พุ่งออกไปเหมือนลูกธนูที่หลุดออกจากธนู
เมื่อรถด้านหลังเห็นไป๋ยี่เฟยเร่งความเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาก็เริ่งความเร็วเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ รถทั้งสามคันก็เข้าใกล้รถของไป๋ยี่เฟยมากขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดรถคันหนึ่งก็วิ่งข้างๆกับไป๋ยี่เฟย