ตอนที่ 224 เถียงกัน
เมื่อเห็นฉากนี้ หน้าผมก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกถึงสองสามครั้ง
เมื่อคิดถึงตอนที่ผีน้ําจะมาเอาชีวิตผม เขาก็กัดไก่แบบนี้เป๊ะ ไม่ว่าจะมองยังไงผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องโหดร้าย
แต่มู่หลงเหยียนที่อยู่ข้างๆเห็นผมแสดงท่าทางผิดปกติ เธอจึงใช้ข้อศอกกระแทกผม จากนั้นยังถลึงตาใส่ผม
ตอนนี้ผมถึงได้สติ ผมสลัดอาการตกใจออกไป
เมื่อลองคิดดูให้ดี เธอก็ไม่ได้ทําอะไรผิด
นางพญาจิ้งจอกคือจิ้งจอก จิ้งจอกกินไก่ก็เป็นแบบนี้ จะไปเหมือนคน ที่มักใช้ตะเกียบคีบไก่ได้ยังไง
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทําให้ตัวเองสงบลง ไม่อย่างนั้นผมอาจต้องเสียหน้าได้
การกระทําของนางพญาจิ้งจอกเร็วมาก ผ่านไปไม่นาน เธอก็กินพลังชีวิตของไก่หมดแล้ว เมื่อไม่มีพลังเหลือแล้ว
นางพญาจิ้งจอกก็ค่อยๆลุกขึ้น เช็ดเลือดที่มุมปาก “ ไม่เลว รสชาติดีจริงๆ ข้าไม่ได้กินไก่ตัวใหญ่แบบนี้มาหลายวันแล้ว”
“ เซียนจิ้งจอกชอบก็พอ! วันหน้าเหยียนเอ๋อร์จะเอามาให้เซียนจิ้งจอกกินอีกหลายๆตัว !” มู่หลงเหยียนยิ้มไปพูดไป
นางพญาจิ้งจอกมองมู่หลงเหยียน จากนั้นก็พูดว่า “ เจ้าผีน้อยนี่ ว่ามา เรียกข้ามามีเรื่องอะไร!”
มู่หลงเหยียนหัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” เธอดูขี้เล่นมาก ไม่เหมือนกับยัยขี้โมโหที่ผมรู้จักราวกับคนละคน
“ เซียนจิ้งจอก คุณก็รู้สถานการณ์ของฉัน องค์กรตาผีมีอํานาจมหาศาล แถมสามีของฉันและพวกเขายังเป็นศัตรูกัน เวลาที่เหลือของฉันไม่สามารถอยู่ดูแลเขาได้ตลอด ดังนั้น…ดังนั้นฉันอยากให้เขาและคุณชูหม่า…” มู่หลงเหยียนพูดอย่างมีความสุข
แต่เมื่อผมได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
มู่หลงเหยียนจะยกผมให้ปีศาจจิ้งจอกชูหมาเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง
อย่างแรก ผมมีอาจารย์อยู่แล้ว และสิ่งที่ผมเลื่อมใส ก็ไม่ใช่เซียนทั้งห้า มีเพียงเซียนสามชิงของลัทธิเต๋าเท่านั้น
ตอนนี้จะยกผมให้สัตว์เซียนชูหมาา ผมรับไม่ได้
ดังนั้นผมจึงพูดออกมาตรงๆ “ ไม่ได้ ผมเป็นคนของท่านชูหม่าไม่ได้ !”
ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง มู่หลงเหยียนก็หันมาจ้องผมอย่างกับสัตว์ร้าย “ นายหุบปากไปเลย!”
มู่หลงเหยียนยังคงดื้อรั้น เธอยังส่งสายตาให้ผมไม่หยุด แต่เรื่องนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ
“ ไม่ได้ ฉันเป็นคนท่านชูหมาไม่ได้! ฉันมีอาจารย์ที่เป็นคนแล้ว ” ผมพูดตรงๆ
นางพญาจิ้งจอกที่อยู่ข้างๆเห็นผมและมู่หลงเหยียนเถียงกัน ในเวลานี้เธอกลับหัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” “ เจ้าหนูนี่น่าสนใจดี ถ้าเป็นศิษย์สํานักหูของข้า เจ้าจะได้มีคนสํานักหูคอยดูแลทั่วเขตเขาฉิน ไม่ดีเหรอฮึ ”
เมื่อได้ยินนางพญาจิ้งจอกพูดแบบนั้น ผมก็ทํามือคํานับเธอด้วยความเคารพ “ ขอบคุณในความปรารถนาดีของเชียนจิ้งจอก แต่ข้าน้อยได้อาจารย์เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก หากเข้าไปอยู่ในสํานักหูโดยไม่มีเหตุผล มันจะไม่ถือเป็นการอกตัญญต่ออาจารย์ของผมเหรอครับ ”
หลังจากนางพญาจิ้งจอกได้ยินถึงตรงนี้ เธอก็พยักหน้าเล็กน้อย “ เจ้าหนูนี้ไม่เลว !”
หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่มองผม หันไปทางมู่หลงเหยียนทันที “ เหยียนเอ๋อร์ ช่วงนี้ในฝูงจิ้งจอกของข้ากําลังมีจิ้งจอกเฒ่าหลายตัวจะออกจากฝูงพอดี ! แต่เธอกับสามีต้องคุยกันให้ดีก่อน หลังจากตัดสินใจได้แล้วก็บอกข้าอีกที! บนเขายังมีงานค้างอยู่ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนนะ !”
เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยินนางพญาจิ้งจอกพูดแบบนั้น เธอก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ โอเคเซียนจิ้งจอก วันหน้าค่อยมาฉลองกันใหม่ แล้วฉันจะหาของเซ่นไหว้มาให้อีกนะ!
นางพญาจิ้งจอกยิ้มอ่อน เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่โบกมือ ทันใดนั้นร่างของเธอก็กลายเป็นหมอกสีขาว แล้วจางหายไปจากสายตาพวกเรา
หลังจากนางพญาจิ้งจอกหายไป มู่หลงเหยียนก็หันมาอย่างรวดเร็ว
เธอทําหน้าตาดุร้าย ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนจะพ่นไฟออกมา ท่าทางราวกับกําลังอยากฉีกผมเป็นชิ้นๆ
“ เจ้ากาก เจ้าปัญญาอ่อนงี่เง่า ไม่ใช่แค่กาก ยังโง่โคตรๆ นายรู้ไหมถ้าเข้าไปอยู่ในสํานักหูได้มีฝูงจิ้งจอกดูแลมันดีขนาดไหน เมื่อกี้ แค่นายตอบตกลง ก็เข้าไปในบ้านเซียนจิ้งจอกได้แล้ว กลายเป็นศิษย์ของนางพญาจิ้งจอก นายมีโอกาสดีมาก นายรู้ไหม”
มู่หลงเหยียนโกรธมาก แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ที่ล็อคแขน หรือทําท่าทางโกรธจัดใส่ผม
แต่ผมกลับพูดแบบลวกๆ “ ใครอยากเป็นศิษย์ของจิ้งจอกละ ฉันไม่สน! ”
“ ฮึ! เจ้าโง่ สมองมีแต่ขี้เลื่อย ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย! ” มู่หลงเหยียนเริ่มโมโห หน้าเธอเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษ
ผมไม่เข้าใจพวกผู้หญิง แต่เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนโกรธจัด ผมก็รู้สึกเศร้าใจ
จะเป็นศิษย์ของสํานักหูรึเปล่า นั่นเป็นเรื่องของผม และผมยังมีอาจารย์อยู่แล้ว เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลย จะให้ผมตกลงไปกราบเธอเป็นอาจารย์ได้ยังไง นี่มันไม่เหมาะสม ผมเองก็ไม่อยากทําด้วย
ตอนนี้เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนกลายเป็นยัยขี้โมโหอีกแล้ว ผมก็ไม่อยากพูดอะไรอีก เพราะเมื่อกี๊ผมพูดชัดเจนแล้ว
ดังนั้นผมจึงมองมู่หลงเหยียน พร้อมฉีกยิ้ม “ โอเค! งั้น ฉันกลับก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ทําท่าไม่แยแส หมุนตัวเดินออกมาอย่างไม่ลังเล…..
ตอนที่ผมกําลังจะเดินออกจากประตู ผมก็รู้สึกว่าตัวเองทําไม่ถูก และเริ่มคิดว่าตัวเองพูดแรงไปหน่อยรึเปล่า
เพราะมุ่หลงเหยียนทําเพราะหวังดีกับผม เหมือนกับที่เธอพูด
ผมเป็นศัตรูกับองค์กรตาผีชั่วแล้ว ถ้าผมได้รับการดูแลจากพวกจิ้งจอก เรื่องอันตราย ก็อาจลดลงไม่น้อย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมก็หันกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมจะกลับไปพูดกับเธอเรื่องที่ผมหนักใจดีไหมนะ
แต่เมื่อหันกลับมาผมกลับพบว่ามู่หลงเหยียนไม่อยู่แล้ว ในบ้านไม่มีใครอยู่สักคน
เมื่อเห็นไม่มีคนอยู่ ผมก็ถอนหายใจ ส่ายหัวไปมา และพูดในใจว่าชั่งมันเถอะ!
หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้อยู่ต่อ เดินตรงออกมาข้างนอกทันที
เมื่อเดินมาถึงประตูบ้าน ผมก็เห็นยายโม่ยืนอยู่
ผมจึงทักทายยายโม่ คุยกันอีกแป๊บนึ่ง หลังจากนั้นผมก็เดินออกจากบ้าน
หลังจากเดินไปข้างหน้าสักพัก ผมก็หันกลับมามองจวนมู่หลงอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในตําบลทันที
แม้ว่าคืนนี้ผมจะทะเลาะกับมู่หลงเหยียน แต่ผมก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจได้ค่อนข้างดีแล้ว
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมกลับมาถึงตําบลแล้ว มองเห็นร้านอยู่ไกลๆ
แต่ในเวลานี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆ เมื่อมาถึงประตู ผมกําลังจะเปิดเข้าไป
ทันใดนั้นก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อค แต่ผมยังไม่ได้เอะใจ ผมเดินเข้าไปตามปกติ
แต่ผมเพิ่งเข้ามาในบ้าน ทันใดนั้นตัวผมก็แข็งที่อ แสดงหน้าตาตื่นตกใจ
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง ผมพบว่าอาจารย์ยังไม่นอน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย กําลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของอาจารย์ปู่ แสดงสีหน้าเคร่งเครียด
และข้างๆของเขา ยังมีผู้หญิงกําลังร้องไห้อยู่ “ ฮือฮือฮือ
เมื่อมองให้ดี ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือมู่หลงเหยียน
ผมทําหน้าสงสัย ทําไมมู่ลงเหยียนมาอยู่บ้านผมได้ และยังนั่งร้องไห้อยู่หน้าอาจารย์ผมอีก
ผมงงสุดๆ หน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคําถาม ขณะที่ผมกําลังจะพูดออกมา
ผลลัพธ์ผมยังไม่ได้พูด ทันใดนั้นเสียงเย็นชาของอาจารย์ก็ดังขึ้น “ ไอ้เด็กเวร แกเก่งแล้วนิ กล้ารังแกเมียตัวเองแล้วเหรอฮะ รีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ !”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็งงทันที
นี่มันเรื่องบ้าอะไร ผมไปรังแกเมียเมื่อไหร่กัน
แล้วก็นะ มู่หลงเหยียนกําลังทําบ้าอะไร ตอนนี้เธอกําลังทําหน้าเหมือนคนโดนรังแก เธอพูดอะไรให้อาจารย์ฟัง
ผมแสดงสีหน้าตะลึง มองไปทางมู่หลงเหยียน
แต่ใครจะรู้ว่ามู่หลงเหยียนกลับหลบหลังอาจารย์ เธอแอบหัวเราะใส่ผมอย่างสะใจ.