บทที่ 209
ไป๋หู่เล่นเอาชายสวมแว่นน็อคสลบไป ก่อนจะแบกเขาแล้วเดินจากไปทันที
ตอนที่ชายสวมแว่นตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืดสนิทแห่งหนึ่ง รอบๆไม่มีอะไร แล้วเขาก็มองไม่เห็นอะไรเลยด้วย
ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมา ชัดเจนว่า บาดแผลนั่นไม่มีทางที่จะถูกรักษาแน่นอน
ชายสวมแว่นสงบสติอารมณ์สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น“มีคนอยู่ไหม?”
เสียงเพิ่งจะเงียบลง ก็มีเสียง“แปะ”ดังขึ้น ทั่วทั้งห้องก็สว่างขึ้นมา
ชายสวมแว่นหลับตาลงทันทีภายใต้แสงสว่างจ้า รอจนมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับแล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น
ในขณะนี้เองเขาจึงพบว่า นี่เป็นห้องปิดตาย แม้แต่หน้าต่างยังไม่มี มองดูแล้วเหมือนกับตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนตัวเขาเอง ถูกมัดเอาไว้ แล้วโยนทิ้งลงให้อยู่บนพื้น
ตรงตำแหน่งด้านหน้าที่อยู่ห่างจากเขาสองเมตร ไป๋ยี่เฟยกำลังนั่งอยู่ ข้างหลังของเขา มีไป๋หู่กำลังยืนอยู่
หลังจากที่ชายสวมแว่นเห็นพวกเขาแล้ว ก็ถุ้ยหนึ่งที ตัวเองบิดตัวลุกขึ้นมานั่ง ข้างหลังพิงกำแพงเอาไว้
“ไป๋ยี่เฟย แกไม่อยากได้ยาแก้พิษแล้วเหรอ?”
ในความคิดของเขา ไป๋ยี่เฟยจำเป็นต้องให้เขามาส่งยาแก้พิษให้ทุกๆเดือน ควรจะทำตัวกับเขาดีๆ แล้วก็ควรจะเคารพเทิดทูนเขาด้วยซ้ำ แต่ติดไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยกลับให้ไป๋หู่และสวีลั่งไปจับตัวเขามา
ไป๋ยี่เฟยนั่งตรงนั้น สีหน้าไร้อารมณ์ สองตาจ้องมองเขาอย่างนิ่งๆ
เขาได้รับรายงานจากไป๋หู่จึงมาที่นี่ ถึงแม้ว่าคำสั่งของเขาคือให้ฆ่าทิ้งซะ แต่ในเมื่อไป๋หู่บอกว่ามันยังไม่ตาย เขาก็ต้องเชื่อใจไป๋หู่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงขับรถมา
บังเอิญจะได้ถามอะไรเขาสักหน่อยด้วยพอดี
“ยาถอนพิษอยู่ที่ไหน?”
ชายสวมแว่นน้ำเสียงเย้ยหยัน“ไป๋ยี่เฟย ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ แก้กล้าจับตัวฉันมา ทุบตีฉัน แกยังอยากจะได้ยาแก้พิษอีกงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! ฉันจะบอกเรื่องนี้กับหัวหน้า ถ้าหัวหน้ารู้ล่ะก็ แกจะต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน!”
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะให้แกตายก่อน”
“ไป๋ยี่เฟย แกไม่กล้าหรอก!”
ขายสวมแว่นมั่นใจว่าไป๋ยี่เฟยกลัวตาย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าฆ่าตนแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มียาแก้พิษให้กับเขาอีกแล้ว
“ฉันรู้ ว่าแกอยากที่จะถอนพิษแบบจริงๆจังๆ ใช่ไหม? น่าเสียดาย ฉันไม่ใช่คนโง่ ฉันไม่มีทางเอายาแก้พิษให้กับแกหรอก ถ้าให้แกไปแล้ว ฉันก็จะอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้วน่ะสิ”
ไป๋ยี่เฟยพูดนิ่งๆ“ตอนนี้แกก็อยู่ไม่ไกลจากความตายแล้วเหมือนกัน”
ชายสวมแว่นหรี่ตาลง“แกจะฆ่าฉันจริงๆ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่พูดถามขึ้น“ยาแก้พิษของจริงอยู่ที่ไหน?”
ชายสวมแว่นได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าไป๋ยี่เฟยไม่กล้าทำอะไรตัวเอง ถึงยังไงเขาก็ยังอยากได้ยาอยู่ไม่ใช่หรือไง?
“ท่านประธานไป๋ หึ อยากได้ยาแก้พิษ ก็รีบปล่อยฉันไปสิ ทำตัวดีๆกับฉันอีกรอบ ใช่แล้ว อย่าลืมให้สาวสวยคนนั้นมาด้วย พอฉันรู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว ไม่แน่นะฉันอาจจะให้ยาแก้พิษสำหรับสองเดือนกับแกก็ได้”
“ที่ฉันถามคือยาแก้พิษของจริง”ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
ชายสวมแว่นหลุดขำออกมา“แกคิดว่าฉันโง่เหรอ? พูดอีกครั้งนะ หัวหน้าไม่มีทางให้ตัวยาแก้พิษจริงๆกับแกหรอก เพราะว่าในชีวิตนี้ของแกจะต้องอยู่ในการควบคุมของหัวหน้าเท่านั้น!”
“ถ้าแกอยากที่จะใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้อย่างดีๆล่ะก็ ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีซะเถอะ อย่าคิดที่จะทำอะไรพิเรนๆ ไม่อย่างนั้น หัวหน้าจะไม่เมตตา ไม่แน่ว่าอาจจะส่งคนมาฆ่าแกก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยไม่สะทกสะท้าน
ชายสวมแว่นพูดขึ้นต่อ“ทางเลือกที่ดีที่สุดของแกในตอนนี้ ก็คือปล่อยฉันไปซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้แกรู้ถึงจุดจบของการที่แกมาทำให้ฉันโกรธ!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนี้ก็ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปให้กับไป๋หู่หนึ่งมือ
ไป๋หู่ดึงมีดกริชที่อยู่ที่ตัวของชายสวมแว่นออกมาให้กับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกมารับไว้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ชายสวมแว่นทีละก้าวๆ
ชายสวมแว่นเห็นแบบนี้ก็นึกว่าไป๋ยี่เฟยจะแก้มัดให้กับเขา จึงรู้สึกสะใจขึ้นมา“ดูสิ ท่านประธานไป๋ รู้จักยอมรับสถานการณ์ปัจจุบันดีจะตาย ทำไมต้องทำให้ทุกคนต้องขัดแย้งกันด้วยล่ะ?”
“แกวางใจได้ ขอแค่ครั้งนี้แกยอมชดเชยให้ฉันดีๆ เอาสาวสวยคนนั้นมาชดใช้ให้กับฉัน ฉันก็จะไม่ถือสาหาความอะไรเรื่องในครั้งนี้ ส่วนทางฝั่งของหัวหน้าฉันก็จะไม่บอกอะไรด้วย ยาแก้พิษก็ยังให้แกตามปกติ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนี้ก็สบถ หึ ออกมาอย่างเย้ยหยัน เขารู้ว่าชายสวมแว่นเข้าใจเขาผิดแล้ว นึกว่าเขาจะแก้มัดให้ นึกว่าเขากลัว แต่ เขาไป๋ยี่เฟยมีหรือจะกลัว?
“นอกจากนี้แล้ว แกยังอยากได้อะไรอีก?”ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นอย่างนิ่งเฉยไร้สีหน้าอารมณ์
ชายสวมแว่นได้ยินแบบนั้นก็คิดอย่างจริงๆจังๆ“แกมัดฉัน แถมยังแทงฉันมากขนาดนี้ บาดแผลน้อยใหญ่บนตัวนับไม่ถ้วน ตอนนี้ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ดี เอางี้ แกค่อยขอโทษฉัน ยกชาขอโทษฉันสักสามวันดีไหม?”
“ได้”
พอได้ยินคำตอบของไป๋ยี่เฟย ชายสวมแว่นก็ยิ่งสะใจขึ้นไปอีก“เร็วสิ แก้มัดให้กับฉันเดี๋ยวนี้!”
ไป๋ยี่เฟยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายสวมแว่น นั่งยองลง ง้างมือ แล้วแทงเข้าไปอย่างแรงอีกหนึ่งที
“อ๊าก!”
เสียงร้องดังก้องไปทั่วทั้งห้องปิดตายอย่างน่าอนาถ
ชายสวมแว่นเหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก“นี่แกทำอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยแววตาเยือกเย็น“กำลังปรนนิบัติปรนเปรอแกอยู่ไง!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ชักมีดกริชออกมา ชายสวมแว่นร้องด้วยความทรมานอีกครั้ง ยังไม่ทันหายเจ็บ ไป๋ยี่เฟยก็แทงซ้ำลงไปที่เดิมอีก
“อ๊าก!”
ชายสวมแว่นรู้สึกเหมือนกับขาของตัวเองตัวเองแทบจะขาด ถูกแทงที่เดิมซ้ำสองครั้ง ความเจ็บปวดนั้นมันไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง
“บอกมา ว่ายาแก้พิษอยู่ที่ไหน?”น้ำเสียงเย็นชาของไป๋ยี่เฟยดังขึ้นมา
ชายสวมแว่นตะโกนด่าขึ้นเสียงดัง“ไป๋ยี่เฟย!แกบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยดึงมีดออก แทงซ้ำลงไปที่จุดเดิมอีกครั้ง“ยาแก้พิษอยู่ที่ไหน?”
“อ๊าก!”
ชายสวมแว่นเจ็บจนสั่นไปทั่วร่างกาย แทบจะสลบไป
“ฉันไม่รู้!”ต่อให้ชายสวมแว่นเจ็บปวดกว่านี้ ก็ไม่ปริปากบอก“ไป๋ยี่เฟย แกกล้าทำกับฉันขนาดนี้ แกคอยดูฉันแล้วกัน ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”
ไป๋ยี่เฟยทำเสียง จุ๊ “ขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
พูดจบ ก็แทงเข้าไปอีกหนึ่งที ยังคงเป็นตำแหน่งเดิม
ครั้งนี้ ชายสวมแว่นเจ็บจนส่งเสียงไม่ออก เป็นลมไปทันที
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ก็ส่ายหัว“ไม่เป็นงานเลยจริงๆ นี่มันแค่สี่ทีเอง”
ไป๋หู่ที่อยู่ข้างหลังชักมุมปาก ชายสวมแว่นที่มีแผลเต็มตัวอยู่แล้ว บวกกับถูกไป๋ยี่เฟยแทงซ้ำไปที่จุดเดิมอีกสี่ที คนคนหนึ่งจะรับไหวได้ยังไง?
ถ้าเกิดชายสวมแว่นที่สลบไปได้ยินประโยคนี้ ก็คงจะตะโกนกลับมาประมาณว่า“ถ้าแกเก่งนักก็มาลองเองดูไหม?”
ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้น“ปลุกให้มันฟื้นขึ้นมา”
ไป๋หู่ได้ยินแบบนั้นก็เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว นั่งยองลงข้างๆชายสวมแว่น จากนั้นก็ใช้มือกดลงไปตรงจุดที่ไป๋ยี่เฟยใช้มีดกริชแทงไปเมื่อตะกี้ด้วยจิตใจที่โหดร้าย กดลงอย่างแรง
“อ๊าก!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาอีกครั้ง ชายสวมแว่นถูกปลุกตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังเป็นๆอยู่
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้ามาอีกครั้ง ใช้มีดกริชแกว่งๆตรงหน้าของชายสวมแว่น“จะบอกไม่บอก?”
ชายสวมแว่นสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ มองมีดกริชเล่มนั้น ถ้าเขายังไม่บอก มีดกริชเล่มนั้นก็ยังคงจะแทงซ้ำลงไปที่จุดเดิม
“ฉันบอกแล้ว ฉันบอกแล้ว……”ชายสวมแว่นในตอนนี้ไม่กล้าหยิ่งต่อไป“ยาแก้พิษอยู่ที่ศิษย์น้องของฉัน!”
“ศิษย์น้องของแกคือใคร?”