บทที่ 247
ชิงหยูรีบไปเคาะประตูรถทันที “ประธานซุน คนมาแล้ว”
พอซุนเหว่ยที่อยู่ในรถได้ยินว่าคนมา ก็โยนมือถือทิ้งอย่างตื่นเต้น แล้วกระโดดลงจากรถ “คนอยู่ไหนล่ะ?”
พูดจบคำ รถก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาพอดี
ประตูรถเปิด มีคนลงมาสี่คน
ไป๋ยี่เฟย ไป๋หู่ ไอ้หัวล้านหลิว และตาเจียง
ชิงหยูกับลูกน้องกลุ่มหนึ่งของเขา รวมถึงซุนเหว่ย ทั้งหมดล้วนเบิกตากว้าง ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ซุนเหว่ยทำท่าตกใจเกินกว่าเหตุ ร้องอย่างตื่นตระหนกว่า “ไป๋ยี่เฟย!”
ชิงหยูไม่เคยเห็นไป๋ยี่เฟยมาก่อน เขากำลังสงสัยว่าคนที่มาทำไมมีไอ้หัวล้านหลิวกับตาเจียงด้วย พอได้ยินคำว่าไป๋ยี่เฟย จึงรีบได้สติทันที เจ้าหนุ่มอายุน้อยตรงหน้าที่บุคลิกดูโดดเด่นคนนี้ ก็คือประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป ไป๋ยี่เฟย!
คราวนี้เขารู้ว่าทำเรื่องล้มเหลวแล้ว จึงเพ่งมองซุ่นเหว่ย จากนั้นก็มองไป๋หู่ ไอ้หัวล้านหลิวและตาเจียง ก็เกิดอาการร้อนรนคิดจะวิ่งหนีทันที
หลังไป๋ยี่เฟยเห็นซุนเหว่ยก็ไม่ได้มีอาการตกใจแม้แต่น้อย ตอนที่เขากำลังทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ก็พอใจคาดเดาได้คร่าวๆ แล้ว อีกอย่างฝ่ายตรงข้ามยังต้องการจับตัวหลิวเสี่ยวอิงโดยเฉพาะ นอกจากซุนเหว่ย เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีใครแตะต้องหลิวเสี่ยวอิงอีก
“ประธานซุนคงจะว่างมาก ถึงได้มายังสถานที่เปลี่ยวขนาดนี้?” น้ำเสียงอันเย็นชาของไป๋ยี่เฟยดังขึ้น
ในที่สุดซุนเหว่ยก็ได้สติ “คุณเองก็ว่างเหมือนกันไม่ใช่เหรอถึงได้มาสถานที่เปลี่ยวร้างแบบนี้?”
ซุนเหว่ยในเวลานี้ไม่ได้สงสัยเลยว่าไป๋ยี่เฟยรู้ความจริงหมดแล้ว เพราะเขายังไม่รู้เรื่องเมื่อวาน ประกอบกับยังมีไอ้หัวล้านหลิวกับตาเจียงอยู่ด้วย เขาจึงคิดไปเองว่ามาหาชิงหยูเพราะมีเรื่องที่ต้องการให้ช่วย
พอคิดถึงตรงจุดนี้ ในใจซุนเหว่ยจึงยังคงขลาดกลัวอยู่บ้าง เช่นนี้ดูท่า ไป๋ยี่เฟยคงจะสกปรกอย่างมาก กับพวกข้างถนนก็ยังมาคลุกคลีด้วย
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเยาะออกมา “ผมมาทำอะไรที่นี่ ประธานซุนไม่รู้หรือ?”
ซุนเหว่ยกล่าวเสียงต่ำ “พวกคุณมีเรื่องจะหารือกัน เกี่ยวอะไรกับผม? ผมแค่มาเอาของของผมเท่านั้น”
พอดีเลย เดี๋ยวพอหลิวเสี่ยวอิงมาถึง ให้เขาเผชิญหน้ากัน เขาจะจัดการผู้หญิงของเขายังไง!
“จะว่าไปแล้ว ที่แท้ประธานของโหวจวี๋ก็สกปรกขนาดนี้ แถมยังคลุกคลีกับพวกข้างถนน ฮึฮึ หากพูดเรื่องนี้ออกไป ไม่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจ จึงไม่ได้ตอบคำ แต่มองไปที่ชิงหยูแทน “คนที่แกตีคือพ่อตาฉัน”
แค่ประโยคเดียว ทำให้ในใจชิงหยูสะดุ้งวาบ แต่เขาเป็นลูกพี่มานานขนาดนี้ จึงไม่แสดงออกมาให้เห็นภายนอก “ฉันไม่รู้”
ขอเพียงไม่ยอมรับ เขาจะทำอะไรได้?
ไอ้หัวล้านหลิวส่งเสียงถุยออกมา “มึงเนี่ยนะไม่รู้ อย่ามาแกล้งโง่เลย!”
ตาเจียงก็พยักหน้าตามไปด้วย “นั่นสิ พวกเราสืบมาชัดเจนแล้ว แกอย่าดิ้นรนอีกเลย!”
“พวกแกหมายความว่ายังไง? ร่วมมือกันมากำจัดฉัน?” ชิงหยูจงใจเปิดประเด็น
ไอ้หัวล้านหลิวคร้านจะเสวนากับเขาอีก “ไอ้โง่!”
พอพูดคำนี้จบ ไม่รอให้ชิงหยูด่าตอบ ก็กล่าวกับไป๋ยี่เฟยว่า “เจ้านาย จะให้ลงมือเลยไหม?”
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะพยักหน้า ซุนเหว่ยที่อยู่อีกด้านก็กล่าวว่า “ไป๋ยี่เฟย คุณจะทำอะไร คิดจะตีกันเหรอ? เชื่อไหมว่าตอนนี้ผมแจ้งตำรวจได้!”
แม้ว่าชิงหยูกับเขาจะแค่ร่วมงานกัน แต่ถ้าไป๋ยี่เฟยลงมือขึ้นมา ก็ไม่แน่ว่าจะตีเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจให้ไป๋ยี่เฟยลงมือได้เป็นอันขาด
แต่ซุนเหว่ยพลันคิดถึงหลิวเสี่ยวอิงขึ้นมาทันที จึงเริ่มขู่ว่า “ไป๋ยี่เฟบ คุณคิดให้ดีนะ ตอนนี้หลิวเสี่ยวอิงอยู่ในมือผม หากคุณกล้าลงมือ ผมจะให้คนเข้าหาหลิวเสี่ยวอิงทันที!”
ชิงหยูมองซุนเหว่ยอย่างสงสัย เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังตกหลุมพรางหรือไร? หรือว่าไป๋ยี่เฟยจะแค่มาเพื่อแก้แค้นให้พ่อตาจริงๆ?
เวลานี้ ชิงหยูลังเลขึ้นมาแล้ว หากไป๋ยี่เฟยมาแค่แก้แค้นให้พ่อตาจริง อย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว พี่น้องของเขาอยู่ที่นี่ตั้งสิบกว่าคน ฝ่ายตรงข้ามมีกันแค่สี่คนเท่านั้น
มีลูกน้องไม่รู้จักสถานการณ์ เห็นซุนเหว่ยพูดเช่นนี้ ก็ร้องตะโกนตามกัน
“ใช่ หลิวเสี่ยวอิงอยู่ในมือพวกเรา ทางที่ดีพวกแกอย่าผลีผลามลงมือจะดีกว่า!”
ไป๋ยี่เฟยดวงตาดิ่งลึกลง กล่าวเสียงเยาะหยันว่า “พวกแกกำลังรอเธออยู่ไม่ใช่เหรอ?”
สิ้นคำ คนเหล่านั้นก็ชะงักไป
ซุนเหว่ยไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ เปิดปากถามอย่างไม่รู้ตัวว่า “คุณรู้ได้ยังไง?”
ถามเสร็จก็หุบปากอีกครั้ง แต่สายไปแล้ว นี่เท่ากับเป็นการยอมรับทางอ้อมว่าหลิวเสี่ยวอิงไม่ได้อยู่กับพวกเขา
หัวใจชิงหยูเต้นตึกตัก ไป๋ยี่เฟยรู้แล้วจริงๆ ด้วย!
งั้นก็แสดงว่าพี่น้องที่เฝ้าดูอยู่ที่หลันโปกั่งถูกต้มแล้ว!
ใช่แล้ว หลังไป๋ยี่เฟยขึ้นรถ ก็โทรไปบอกหลิวเสี่ยวอิงอีกครั้ง ให้เธอแกล้งทำท่าทางร้อนรนออกไป ที่หน้าประตูจะมีรถคอยรับเธออยู่
หลังรถขับออกไป บนเส้นทางสายหลัก จะมีรถค่อนข้างมาก พวกเขาใช้รถที่เหมือนกันสองคันทำให้ดูสับสน ท้ายที่สุด รถที่คนของชิงหยูเห็นก็คือรถที่พวกไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่
ไป๋ยี่เฟยหมดความอดทนแล้ว เดิมทีเขานึกว่าจะจัดการได้ยาก แต่เขาคิดมากไป คนพวกนี้จัดการยากเสียที่ไหนกัน แค่ตีก็พอแล้ว
“ให้พวกเขามาที่นี่” ไป๋ยี่เฟยกล่าวอย่างเรียบเฉย
พอชิงหยูได้ยินเช่นนี้ ก็ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “พวกแกคิดจะทำอะไร? เรียกคนมาที่นี่?”
“เหอะ! เรียกคนมาเวลานี้สายไปแล้วล่ะมั้ง” ชิงหยูเห็นพวกเขาโทรศัพท์เรียกคน ก็ไม่กลัวอะไรอีก “ที่นี่เป็นเขตนอกเมือง แกเรียกคนมาแล้วยังไง กว่าจะมาถึงที่นี่ อย่างน้อยก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง!”
“ครึ่งชั่วโมง พวกกูสิบกว่าคนจัดการพวกมึงสี่คน แค่นี้เหลือเฟือ!”
พอซุนเหว่ยได้ยินเช่นนี้ ใจก็สงบลงอย่างมาก แถมยังลำพองอีกด้วย “ไป๋ยี่เฟย ก่อนหน้านี้ฉันส่งของขวัญให้แก จากนั้นก็เชิญแกมากินข้าว ผลคือแกยังคงปฏิเสธฉัน?”
“แกเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แกคิดจริงๆ หรือว่าโหวจวี๋ของแกมันเจ๋งมาก? สามารถเทียบกับจู้ติ่งของเราได้หรือ ถ้าไม่ใช่เพราะประธานซุนทำให้มุมมองของฉันดีขึ้นมาหน่อย ฉันก็ไม่มีทางมองแกหรอก!
“แกก็รอไปเถอะ! วันนี้แกนับว่าพลาดแล้ว หากรู้จักเอาตัวรอดล่ะก็ ทางที่ดีหลังกลับไปเอาธุรกิจเหล่านั้นมอบให้ฉันแต่โดยดีจะดีกว่า อย่าเล่นตุกติกโดยการปล่อยเงินทุนออกไปเชียว!”
“แล้วก็ หากต้องการเงินกู้ก็ย่อมได้ แต่แกต้องเอาหลิวเสี่ยวอิงมาแลก! ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางให้แกกู้เด็ดขาด!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องซุนเหว่ยอย่างเอาเป็นเอาตาย จนใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว
“ไป๋หู่ ตบเขา!”
ไป๋หู่ที่สงบเงียบมาตลอดเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว พลางยกมือขึ้น
ซุนเหว่ยตระหนกวาบ กำลังคิดจะหลบด้านหลังชิงหยู แต่ไป๋หู่ลงมือได้รวดเร็ว มือหนึ่งคว้าตัวซุนเหว่ยทีากำลังจะหลบซ่อน ขณะเดียวกันก็ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งตบลงไปบนหน้าซุนเหว่ย
“เพี๊ยะ!”
เกิดเสียงดังขึ้น
“โอ๊ย!”
ซุนเหว่ยร้องเสียงดัง ปกติใช้ชีวิตสุขสบายจนเคยชิน ทั้งยังไม่เคยออกกำลังกายใดๆ ไหนเลยจะทนรับฝ่ามือของไป๋หู่ได้?
ชิงหยูเป็นคนรูปร่างเตี้ยเล็ก สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเท่านั้น พอเห็นรูปร่างกำยำสูงร้อยเก้าสิบอย่างไป๋หู่ มีความกดดันที่ตัวสูงกว่า ก็ทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยและไม่สบายใจอยู่บ้าง
แต่จำได้ว่าตนร่วมมือกับซุนเหว่ย จึงรีบให้พวกลูกน้องลงมือทันที “สู้มัน!”
ลูกน้องสิบกว่าคนกรูกันเข้ามา
ไอ้หัวล้านหลิวเป็นตระกูลนักสู้ เห็นดังนั้นก็ตามไปสมทบเช่นกัน แต่ตาเจียง ปกติซุกหน้าอยู่แต่ในโนมเนื้อนุ่มนิ่ม ไม่ได้มีความสามารถแบบนั้น จึงยืนอยู่ข้างไป๋ยี่เฟยอย่างว่าง่าย
ไป๋ยี่เฟยให้ไป๋หู่ตบซุนเหว่ย เขาย่อมไม่มีทางไปสนใจคนอื่น ดังนั้นไอ้หัวล้านหลิวจึงจัดการสิบกว่าคนเพียงลำพัง
แน่นอนว่า ไป๋หู่ไม่ได้จะเล่นงานซุนเหว่ยแค่คนเดียวจริงๆ เพราะมักจะมีพวกสมองพิการพุ่งเข้ามาจะเล่นงานไป๋หู่ ไป๋หู่จึงใช้เท้าข้างหนึ่งถีบสวนเข้าไป พริบตาคนก็กระเด็นออกไป นอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น
ชิงหยูมองฉากนี้อย่างโง่งม
ใช้เท้าข้างเดียวถีบจนคนกระเด็น คงไม่ได้เพี้ยนไปแล้วหรอกนะ? หลังมีสองสามคนเป็นตัวอย่าง ก็ไม่มีใครกล้ามาเล่นงานไป๋หู่อีก ต่างเปลี่ยนเป้าหมายไปหาไอ้หัวล้านหลิวแทน
ไอ้หัวล้านหลิวอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลทันที พื้นฐานเขาไม่เลว แต่ก็ไม่ได้เพี้ยนเหมือนไป๋หู่ขนาดนั้น!
“ตาเจียง แกมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้ย? เข้ามาช่วยกันสิ!” ไอ้หัวล้านหลิวตะโกนเสียงดัง
ตาเจียงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ พลางส่ายหน้าอย่างสุดแรง “ไม่ ๆ ๆ ฉันสู้ไม่ไหว”
ไอ้หัวล้านหลิวแทบจะพูดอะไรไม่ออก นี่มันใช่คำพูดที่ลูกพี่ของเขตหนึ่งควรพูดหรือ?
ไป๋ยี่เฟยที่อยู่อีกด้านก็มองตาเจียงอย่างแปลกใจเช่นกัน มองจากรูปร่าง เขาน่าจะสู้เป็นไม่ใช่หรือ?