บทที่ 273
“ไป๋ยี่เฟย?”หลิ่วอู๋ฉงเรียกอย่างลองเชิง
ไป๋ยี่เฟยถอยตัวไปข้างหลังด้วยความ‘กลัว’“คุณ……รู้จักผม?”
หลิ่วอู๋ฉงเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมายกใหญ่“ฮ่าๆ……”
ไม่คาดคิดว่าไป๋ยี่เฟยจะจำอะไรไม่ได้จริงๆ ดีสุดๆไปเลย!
หลิ่วอู๋ฉงจ้องไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาอันตราย“ไป๋ยี่เฟย แกก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ!”
ไป๋ยี่เฟยกระพริบตา ไม่รู้ว่าหลิ่วอู๋ฉงกำลังพูดอะไรอยู่
หลิ่วอู๋ฉงยิ้มพอแล้ว แล้วก็พูดขึ้นมา“ไป๋ยี่เฟย ครั้งนี้แกเป็นคนหาที่ตายเอง จะมาโทษฉันไม่ได้!”
พูดจบ หลิ่วอู๋ฉงยื่นตราหยกในมือให้กับไป๋ยี่เฟย“รับไว้สิ อีกไม่นาน แกก็จะได้รับชะตากรรมที่น่าสมเพชของแกแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยถือตราหยกไว้ในมือ แววตามองต่ำลงเล็กน้อย แล้วก็ปาตราหยกออกไปทันที“คุณลุง คุณเป็นใครเหรอ? ผมรับของจากคนแปลกหน้าไม่ได้!”
รอยยิ้มของหลิ่วอู๋ฉงหยุดชะงักลงทันที
คุณลุง?
เขาเพิ่งจะอายุสามสิบกว่าๆ แก่กว่าไป๋ยี่เฟยแค่เจ็ดแปดปีเท่านั้น เขาเรียกตนเองว่าลุงเนี่ยนะ?
เดี๋ยวนะ ไป๋ยี่เฟยสูญเสียความทรงจำแล้วก็ไม่น่าจะสติปัญญาต่ำขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ
“เรียกฉันว่าอะไรนะ?”หลิ่วอู๋ฉงถามขึ้น
ไป๋ยี่เฟยท่าทาไร้เดียงสา“คุณลุง คุณแก่ขนาดนี้ จะไม่ให้เรียกลุงได้ยังไง? หรือว่าให้เรียกว่าปู่?”
หลิ่วอู๋ฉงเริ่มรู้สึกโกรธ ปู่?
สูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที หลิ่วอู๋ฉงถูกท่าทางที่ผิดแปลกไปของไป๋ยี่เฟยดึงดูดความสนใจเอาไว้อย่างไม่เต็มใจ เขาจำได้ว่าหูเทียนจิ่นบอกไว้ว่าไป๋ยี่เฟยความจำเสื่อม แต่ไม่ได้บอกว่าไป๋ยี่เฟยกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
นี่มันเรียกว่าความจำเสื่อมเหรอวะ?
นี่เปลี่ยนเป็นไอ้ทึ่มชัดๆเลยนี่หว่า!
หลิ่วอู๋ฉงขยับสายตาเล็กน้อย ครุ่นคิด พูดยิ้มๆอย่างชั่วร้าย“ไป๋ยี่เฟย ฉันเล่นเกมเป็นเพื่อนนายเอาไหม?”
เด็กๆชอบเล่นเกมกันไม่ใช่เหรอ?
เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินว่าเล่นเกม แววตาก็เป็นประกาย พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น“ได้สิ!”
หลิ่วอู๋ฉงยิ้มอย่างมีเลศนัย ยกขาขึ้นมาหนึ่งข้างทันที ทาบลงที่ขอบประตู จากนั้นก็ชี้ลงตรงระหว่างขา พร้อมกับพูดกับไป๋ยี่เฟย“นายดูนี่ นี่มันสะพานใช่ไหมล่ะ ลอดไปลอดมาใต้สะพานได้นะ สนุกไหม?”
“ฮ่าๆ……”
หลิ่วอู๋ฉงพอคิดว่าไป๋ยี่เฟยจะลอดใต้เป้าของตัวเอง ก็ยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาทันที โอกาสที่จะได้มาเหยียดหยามไป๋ยี่เฟยแบบนี้มีไม่เยอะ จะได้ช่วยระบายความโกรธให้กับเขาได้พอดี
ไป๋ยี่เฟยหยุดลงสักพัก แววตามีประกายอย่างยากที่จะสังเกต จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา พูดขึ้นด้วยใบหน้าใสซื่อ“ผมไม่อยากลอดสะพาน ไม่สนุกเลยแม้แต่นิดเดียว!”
หลิ่วอู๋ฉงหุบยิ้มลง จิตใจแน่วแน่ที่จะให้ไป๋ยี่เฟยลอดใต้หว่างขาให้ได้ จึงพูดโน้มน้าวอย่างไพเราะ“ไม่สนุกตรงไหน นายดูสิฉันหัวเราะอย่างดีอกดีใจเลยนะ รู้แล้วว่าสนุกมากแค่ไหน!”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว“ไม่สนุก!”
หลิ่วอู๋ฉงเริ่มหมดความอดทนแล้ว“ถ้าอย่างนั้นอะไรสนุก?”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะแหะๆ ท่าทางซื่อๆ“คุณวางเท้าลงก่อน จากนั้นก็แบกผม”
“อะไรนะ?”
หลิ่วอู๋ฉงไม่รู้ว่าทำไม มองแววตาที่จริงจังนั่นของไป๋ยี่เฟย คิดไม่ถึงว่าจะวางเท้าลงแล้วแบกไป๋ยี่เฟยอย่างเชื่อฟังจริงๆ หลังจากที่ยืนแล้ว พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเขาเชื่อฟังขนาดนี้เลยเหรอ?
กำลังจะหันไปทำให้ไป๋ยี่เฟยตกใจ กลับถูกไป๋ยี่เฟยตะครุบเข้ามาจากข้างหลังก่อน
“โอ้ย!”
หลิ่วอู๋ฉงไม่ทันได้ตั้งรับ ล้มลงไปข้างหน้าทันที จมูกและคางกระแทกพื้น เจ็บจนอ้าปากร้องออกมา
ในขณะนี้เอง ไป๋ยี่เฟยก็นั่งลงบนหลิ่วอู๋ฉงเต็มๆ มือหนึ่งตีก้นของหลิ่วอู๋ฉง อีกมือคล้องคอของหลิ่วอู๋ฉงเอาไว้ เลียนแบบท่าทางขี่ม้า นั่งควบบนร่างของหลิ่วอู๋ฉง พร้อมกับตะโกนขึ้น“ขี่ม้า……ขี่มา……”
“ไปเลย……ไปเลย……”
หลิ่วอู๋ฉงแทบจะกระอักเลือดออกมา
ไอ้ไป๋ยี่เฟย คิดไม่ถึงว่าจะให้เขามาเป็นม้าให้ตัวเองขี่!
แถมทุกครั้งที่ไป๋ยี่เฟยนั่งควบ เขาก็รู้สึกได้ถึงของหนักกำลังกดทับอยู่ อวัยวะภายในเจ็บปวดไปหมด
ไป๋ยี่เฟยนั่งลงบนหลิ่วอู๋ฉงไม่ขยับไปไหน รอนั่งจนหนำใจแล้ว และหลิ่วอู๋ฉงก็ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว ไป๋ยี่เฟยจึงลุกขึ้นมา พูดกับหลิ่วอู๋ฉงด้วยใบหน้าใสซื่อว่า“คุณลุง ขี่ม้าสนุกมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
หลิ่วอู๋ฉงเลือดไหลออกจมูกเรียบร้อยแล้ว ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น สีหน้าท่าทางโหดร้ายจนน่ากลัว“ไป๋ยี่เฟย!แกนี่มันเป็นไอ้ทึ่มจริงๆ!”
“แกรอฉันก่อนนะ!”หลังจากที่หลิ่วอู๋ฉงพูดทิ้งท้ายไปแล้ว ก็จากไปทันที
หลิ่วอู๋ฉงไม่ได้ไม่คิดที่จะจัดการกับไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ แต่เขาแค่ยังไม่ได้สูญสิ้นความเย็นชาไปจนหมด
หลันโปกั่งสำคัญต่อไป๋ยี่เฟย ในเมื่อตอนนี้เขาไม่รู้ประสีประสาอะไรแล้ว ก็ระมัดระวังไว้จะดีกว่า เขาไม่อยากใช้ชีวิตแบบถูกคนตามไล่ฆ่าอีกแล้ว แถมตำรวจก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน
ที่หลิ่วอู๋ฉงคิดก็คือหูเทียนจิ่นสุดยอดขนาดนั้น จะต้องทำให้ไป๋ยี่เฟยตายอย่างน่าอนาถได้แน่นอน ถึงตอนนั้นตอนที่เขาลงมือ ก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขามาก เรื่องราวถูกเปิดเผยไปก็ไม่เป็นไร
……
หลิ่วอู๋ฉงไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ปัดๆเสื้อผ้าของตัวเอง สบถ ชิ ออกมาหนึ่งคำ“ใครกันแน่ที่เป็นไอ้ทึ่ม?”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ปิดประตู กำลังจะหันตัว ก็ถูกไป๋หู่ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาอยู่ในห้องรับแขกทำให้ตกใจ
“ให้ตายสิ!นายมาตั้งแต่เมื่อไร?”
ไป๋หู่เปิดโทรทัศน์อย่างช้าๆ เปลี่ยนช่องไปช่องการ์ตูน ดูไปพลางตอบไปพลาง“เพิ่งจะเข้ามาเมื่อตะกี้ครับ ใช่แล้ว คุณวิดพื้นเสร็จแล้วเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยชักมุมปากพูดขึ้น“เสร็จแล้ว”
ไป๋หู่ตอบอื้มกลับมาหนึ่งคำ ครุ่นคิด ก่อนจะปิดโทรทัศน์“มาเลยแล้วกัน!”
นอกจากที่จะต้องฝึกฝนร่างกายในแต่ละวัน ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำอีก ก็คือต้องถูกไป๋หู่ชก
ไป๋หู่บอกว่า ถ้าเกิดคิดที่จะชกคนอื่น ก็ต้องหัดถูกคนอื่นชกด้วย ในขณะเดียวกัน ก็จะได้สามารถฝึกฝนปฏิกิริยาสวนกลับตามสัญชาตญาณได้อีกด้วย
ไป๋ยี่เฟยพอนึกถึงตอนที่ถูกชกเมื่อสองครั้งก่อน ตัวก็เริ่มสั่น“นายเบาๆหน่อยแล้วกัน!”
“ศัตรูไม่มีทางอ่อนแรงให้กับคุณหรอกนะ”ไป๋หู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
ไป๋ยี่เฟยที่โดนชกเข้าไปหนึ่งยก ก็ไปอาบน้ำด้วยความทนเจ็บทนปวด ก่อนจะนอนพักผ่อนลงบนเตียง
ไม่ได้เจอเสว่เอ๋อมาสองวัน ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่เมืองหลวงเป็นยังไงบ้าง?
……
ณ บ้านวิลล่าหลังหนึ่งในเมืองหลวง
ชายวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ข้างหน้ามีคอมพิวเตอร์อยู่หนึ่งเครื่อง แล้วก็กองเอกสารอยู่หนึ่งกอง
ส่วนข้างหลังของเขามีชายวัยกลางคนอายุสี่สิบปีโดยประมาณยืนอยู่หนึ่งคน
“ตึงๆ……”
“เข้ามา”ชายหนุ่มเปิดปากพูดขึ้น
คนที่เข้ามาคือผู้ช่วย สวมแว่นตากรอบดำ ปิดบังความเฉลียวฉลาดในตาเอาไว้
“คุณชาย ล้มเหลวแล้ว”
ชายหนุ่มชะงักไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ขยะ!”