บทที่ 305
ไม่น่าแปลกใจที่ไป๋ยี่เฟยคิดมาก มีคนจำนวนมากจ้องมองเขาอยู่ในตอนนี้ ไป๋หู่ติดตามเขามาโดยตลอดเวลา ไม่สามารถลงมือกับตัวเขาได้ และก็จะลงมือกับคนรอบข้างของเขาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ทางเลือกคนแรก นั่นก็คือหลี่เสว่!
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เฉินห้าวบอกตำแหน่งที่ออกมา……..
“อยู่ที่หลันโปกั่งงั้นเหรอ?”
หลังจากวางสาย ไป๋ยี่เฟยก็อยากจะไป แต่เมื่อเขากังวล ความเจ็บปวดในอกทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
ในเวลานี้ ไป๋หู่ที่อยู่ด้านข้างเตือนเขาว่า “ถึงเวลาต้องไปที่โรงพยาบาลแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ไม่ได้ ผมต้องไปดูเสว่เอ๋อก่อนถึงจะวางใจได้”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่สนใจไป๋หู่ เขายืดตัวขึ้น พยายามแสดงออกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ และเดินไปที่วิลล่าที่อยู่ติดกันที่ไม่ไกล
เมื่อเขาพึ่งเดินออกจากบ้านพักของตัวเอง เขาก็ได้รับข้อความจากไป๋หยุนเผิง ซึ่งเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเขา
“ลูกชาย ทำได้ดีมาก!”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเยาะหลังจากเห็นข้อความ เขารู้ว่า ไป่หยุนเผิงก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนนี้เหมือนกัน และเขาอาจจะเฝ้าดูอยู่ที่ระยะไกล
ทำได้ดีแล้วยังไงล่ะ?
ยังไงก็ลำเอียงอยู่ดี?
ไป๋ยี่เฟยเพิกเฉย และยังคงเดินไปที่บ้านพักข้างๆต่อ และเขาก็ได้รับโทรศัพท์ของจางหรงอีกครั้ง
“ท่านประธานกรรมการ ซูต้าหลิวเกือบจะจัดการเย่อ้ายไปแล้ว” จางหรงพูดอย่างตื่นเต้น ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไป๋ยี่เฟยก็ผงะไปชั่วขณะ และกล่าวอย่างเสียใจว่า “เกือบจะงั้นเหรอ? ทำไมไม่จัดการไปเลยจริงๆ?”
“หือ?” จางหรงถึงกับผงะในตอนนี้ หลังจากที่คิดเรื่องนี้แล้ว จึงตอบกลับไปว่า “ท่านประธานกรรมการ ผมเป็นคนหยุดมันไว้เอง ยังไงเย่อ้ายก็เป็นคนของเย่ซื่อกรุ๊ป……..”
“งั้นก็ช่างมันเถอะ!”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็วางสายโทรศัพท์
รู้สึกโกรธมากอยู่ในใจ ที่จางหรงไอ้โง่นี้หยุดมันไว้!
เขาก็ไม่ลองคิดดูว่าความสัมพันธ์ของเย่อ้ายกับพวกเขาคืออะไรเหรอ? นั่นคือความสัมพันธ์ที่เป็นศัตรูกัน! ยังหยุดมันไว้งั้นเหรอ!
เมื่อเฉินห้าวเห็นไป๋ยี่เฟยที่ทางเข้าบ้านพักของจางเหลย เขาก็เห็นว่าสีหน้าของไป๋ยี่เฟยดูไม่พอใจมาก “พี่ชาย……..”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่เฉินห้าว หายใจเข้าลึกๆด้วยความไม่เต็มใจ และหยุดคิดถึงเรื่องเหล่านี้ และถามว่า “คุณรู้ไหมว่านี่คือบ้านพักของใคร?”
“พี่ชาย ผมไปสอบถามมาแล้ว เจ้าของบ้านพักหลังนี้ชื่อจางเหลย ดูเหมือนว่าจะเป็นบ้านพักที่พึ่งซื้อใหม่ อีกอย่าง พี่สะใภ้ก็มากับโจวฉวี่เอ๋อด้วย”
“หือ?” หมายความว่าเป็นคนที่พวกเขารู้จัก ไป๋ยี่เฟยรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ตัดสินใจเข้าไปดูสักหน่อย
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ที่หน้าประตู สามารถมองเห็นผู้คนมากมายในสวนหลังบ้านของบ้านพักได้ และพวกเขาทั้งหมดเป็นคนหนุ่มสาวในวัยยี่สิบกว่าๆทั้งหมด มีชายและหญิง และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจัดงานปาร์ตี้อยู่
“พี่ชาย คุณจะเข้าไปไหม?” เฉินห้าวถาม “แต่ดูเหมือนพวกเราจะเข้าไปไม่ได้”
ไป๋ยี่เฟยตะคอก กำลังคิดหาวิธี เสียงรถก็ดังมาจากด้านหลัง
เฉินห้าวและไป๋ยี่เฟยมองหันหลังกลับไป มันเป็นรถโตโยต้าที่ธรรมดามาก รถโตโยต้าขับตรงเข้าข้างๆพวกเขา แล้วก็หยุดลง
จากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งลงมาจากรถโตโยต้า ชายในวัยยี่สิบกว่าๆ สวมแว่นตาดำขอบดำ และชุดสูทที่เหมาะสม เดินเข้ามาทางประตูอย่างช้าๆ
ชายคนนั้นก็มองเห็นไป๋ยี่เฟยและเฉินห้าว เมื่อเห็นว่าพวกเขาแต่งกายธรรมดา คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยโดยจิตสำนึก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋ยี่เฟยต่อสู้กับคนอื่นไปในเมื่อคืนนี้ บวกกับเขาได้รับบาดเจ็บ และก็ถูกโยนออกไปอีกด้วย ภาพรวมที่ดูโทรม และมีสิ่งสกปรกเต็มอยู่บนเสื้อผ้าของเขา และยังมีคราบเลือดปกคลุมด้วย
ดูจากสภาพนี้แล้ว กลับทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยเหมือนเป็นชาวนาคนหนึงที่พึ่งขึ้นมาจากท้องนา
โดยปกติแล้วเฉินห้าวก็จะแต่งตัวใส่ชุดแบบสบายๆ แต่ก็ดูสะอาดและเรียบร้อย แค่ดูดีกว่าไป๋ยี่เฟยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยและเฉินห้าวก็มองไปที่ชายคนนั้น กำลังคาดเดาตัวตนของเขาอยู่
ชายคนนั้นเหลือบมองสองครั้งโดยไม่สนใจ และกดกริ่งประตูดังขึ้น
“จางเหลย ผมเอง” ชายคนนั้นพูด “ผมเฉียนหมิง”
“เฉียนหมิงเหรอ! มาเร็วเข้า ทุกคนมากันหมดแล้ว รอคุณอยู่คนเดียว” เสียงของจางเหลยมีความสุขมาก จากนั้นก็เปิดประตูใหญ่
หลังจากวางสาย เฉียนหมิงก็ยกขาก้าวเข้าไปข้างใน
ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยก็พูดกับเฉินห้าวว่า “คุณไปเรียกหนิววั่งมา แล้วไปบ้านผมอีกสักพัก” หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปพร้อมกับเฉียนหมิง
เฉินห้าวตะลึงไปชั่วขณะ “ทำไมพี่ชายถึงต้องเรียกคุณนายหนิวมา? หรือว่าพี่ชายได้รับบาดเจ็บหรือ?”
………..
ไป๋ยี่เฟยเดินตามเข้าไป จนประตูปิด เฉียนหมิงถึงรู้ว่าไป๋ยี่เฟยตามเข้ามากับเขาด้วย มันเป็นเรื่องน่าแปลกเล็กน้อย เขาเหลือบมองไป๋ยี่เฟย แล้วพูดว่า “ผมจำได้ว่าสมัยตอนเรียนมัธยมปลายเราไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นกับคุณใช่ไหม?”
เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายเหรอ? หรือว่ามันเป็นงานเลี้ยงรวมตัวของเพื่อนชั้นสมัยเก่าเหรอ?
ไม่รอให้ไป๋ยี่เฟยพูดอะไรต่อ เฉียนหมิงก็พูดอีกครั้งว่า “คุณเป็นสมาชิกในครอบครัวใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ ผมเป็นสมาชิกครอบครัวของหลี่เสว่” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
“อะไรนะ?” เฉียนหมิงมองอย่างไม่น่าเชื่อ “เป็นไปไม่ได้!”
หลี่เสว่เป็นดอกไม้ประจำชั้นของพวกเขาตอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลาย และเป็นเทพธิดาของทุกคน เมื่อนึกถึงสมัยนั้นจางเหลยยังเคยตามจีบหลี่เสว่มานานสองปี แต่หลี่เสว่ก็ยังเฉยเมยกับเขาโดยตลอด แม้แต่จางเหลยก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย เธอจะชอบชาวนาคนนี้ได้อย่างไร?
ไป๋ยี่เฟยเห็นการแสดงออกของเฉียนหมิง และหัวเราะเยาะ “ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้?”
เฉียนหมิงตอบว่า “ชาวนาที่อยู่บ้านนอกอย่างคุณ หลี่เสว่จะชอบคุณได้อย่างไร? คุณกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบอะไรเลย เพียงแค่เหลือบมองเขาด้วยสายตาเบาๆ แล้วเดินตรงเข้าไปข้างใน
ในสวนหลังบ้าน ทุกคนยืนรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย และทั้งหมดก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี และทุกคนก็มีเรื่องที่พูดคุยกันมากมาย พวกเขาทั้งหมดต่างก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข
ในเวลานี้ จางเหลยที่ไม่ได้ปรากฏตัวก็เดินลงมาชั้นล่างจากบันได
“เฮ้ จางเหลยมาแล้ว”
“ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี หล่อขึ้นนะ!”
“โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว และก็มีเสน่ห์มากขึ้นแล้วด้วย!”
“………”
จางเหลยใส่ชุดลำลองหรูหรา มีชายวัยกลางคนหนึ่งเดินตามหลังเขาอยู่ และทั้งสองก็คุยกันอย่างมีความสุขขณะที่เดินลงมาชั้นล่าง
หลังจากลงมาที่ชั้นล่าง จางเหลยได้พูดอะไรบางอย่างกับชายวัยกลางคนข้างๆเขา และเดินตรงไปที่หลี่เสว่
สายตาของทุกคนก็มองมาทางนี้
วันนี้หลี่เสว่ใส่ชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้เล็กๆ มองดูแล้วมีความบริสุทธิ์และน่ารื่นรมย์มากเป็นพิเศษ ทำให้ทุกคนต้องถอนหายใจ สมกับที่เป็นดอกไม้ประจำชั้นจริงๆ!
อีกด้าน ไป๋ยี่เฟยได้เดินเข้ามาแล้ว ตามด้วยเฉียนหมิงที่ไม่พอใจอยู่ข้างหลังของเขา
ในเวลานี้ จางเหลยก็ได้เดินไปถึงตรงหน้าของหลี่เสว่แล้ว และพูดกับหลี่เสว่ด้วยรอยยิ้ม “เสว่เอ๋อ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่เสว่จับแขนของโจวฉวี่เอ๋อไว้ทันทีที่เห็นจางเหลยเดินเข้ามา ด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก
โจวฉวี่เอ๋อแนะนำให้กับหลี่เสว่ทันทีว่า “นี่คือจางเหลย งานเลี้ยงในครั้งนี้เขาเป็นคนจัดขึ้นเอง ใช่แล้ว ตอนสมัยที่เรียนมัธยมปลายเขาเคยตามจีบคุณด้วย”
“หือ?” หลี่เสว่มองไปที่โจวฉวี่เอ๋อด้วยความประหลาดใจ และยังมีความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยอยู่ในสายตาของเธอด้วย
โจวฉวี่เอ๋อไม่ได้พูดอะไรมาก ตอนนี้หลี่เสว่เป็นผู้มีสามีแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด เธอจึงไม่สามารถเอาเรื่องพวกนี้มาพูดล้อเล่นกับหลี่เสว่ได้
หลี่เสว่มองไปที่จางเหลยที่อยู่ตรงหน้า เพียงแค่ยิ้มเบาๆ “ฉันสบายดี ขอบคุณ”
ทัศนคติไม่ถึงกับความแปลกแยก แต่มีมารยาทและสุภาพ ทำให้คนอื่นไม่สามารถจับผิดได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของจางเหลยหยุดลงชั่วขณะ และเขากล่าวด้วยความสงสาร “งั้นก็ดี