บทที่ 319
ไป๋ยี่เฟยรู้ ผู้อำนวยการคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน คราวก่อนหลี่เสว่เป็นลมสลบไป ตอนที่หลิวเสี่ยวอิงออกมาบอกว่าสามารถช่วยได้ คำที่ผู้อำนวยการพูดฟังระคายหูอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นยังมองออกได้ว่าพื้นนิสัยของผู้อำนวยการไม่ได้ดีเด่ดอะไร
ที่สำคัญที่สุดคือ หากไม่มีการให้ท้ายจากผู้อำนวยการ หมอจางจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?
หลังผู้อำนวยการได้สติขึ้นมาก็ไม่ยอม “เดี๋ยวสิ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย คุณจะไล่ผมออกได้ยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยแค่นเสียงอย่างเย็นชา “เหอะ ในฐานะผู้อำนวยการ จะต้องนำพาในสิ่งที่ดี อีกอย่างถ้าคุณไม่ให้ท้าย โรงพยาบาลก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ออกมา!”
“ความรับผิดชอบของคุณมีมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ! ขณะเดียวกัน ตำแหน่งผู้อำนวยการเป็นกรรทการตั้งให้ ผมในฐานะท่านประธาน มีสิทธิ์แต่งตั้งผู้อำนวยการคนใหม่ สำหรับคนที่ทำเรื่องผิด ก็มีสิทธิ์ลงโทษเช่นกัน!”
ไป๋ยี่เฟยพูดจบ ก็เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา
หลงหลิงหลิงกับหลิวเสี่ยวอิงเห็นดังนี้ก็รีบตามไปทันที
“เรื่องต่อจากนั้นพวกเธอจัดการเองแล้วกัน ส่วนผู้อำนวยการ ก็ให้หนิววั่งมาแทน เขาน่าจะรู้ดีว่าจะดูแลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งยังไง”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ให้พนักงานทั้งโรงพยาบาลเข้ารับการอบรมก่อน ฉันต้องการให้ทุกคนเห็นคนไข้มาก่อน และเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ในฐานะแพทย์และพยาบาลสิ่งที่ควรทำที่สุดคืออะไร”
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอีกว่า “พาชายคนนั้นไปที่ห้องพักผ่อน ฉันกลัวว่าญาติของเด็กชายมาพบจะมีปฏิกิริยารุนแรง”
“เด็กชายคนนั้นผ่าตัดคืบหน้ายังไงให้มาแจ้งฉันได้ทุกเมื่อ หากญาติเขามาก็ให้รีบมาแจ้งฉัน”
……
กลับมาถึงห้องทำงาน ไป๋ยี่เฟยก็สั่งงานบางส่วนอีกครั้ง กำลังเตรียมจะไปดูว่าเด็กชายคนนั้นผ่าตัดไปถึงไหนแล้ว ก็มีพยาบาลคนหนึ่งวิ่งมาที่นี่
“แย่แล้ว แย่แล้วค่ะ คือว่า…..ผู้ชายคนนั้น เขา…..มีอาการไม่ปกตินิดหน่อย…..”
“ไม่ปกติ?” ไป๋ยี่เฟยสงสัย “ไม่ปกติยังไง? อีกอย่างไม่ปกติแล้วมาหาผมทำไม?”
พยาบาลรีบส่ายหน้าทันที “คือว่า บอกไม่ถูกค่ะ ตอนนี้หมอหนิวกำลังผ่าตัดอยู่ ดังนั้น……”
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง ยกฝีเท้าพลางกล่าวว่า “พาผมไปดูหน่อย”
……
ในห้องทำงานอีกห้องหนึ่ง ชายคนนั้นนั่งอยู่ข้างในด้วยดวงตาเลื่อนลอยทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นและคราบน้ำมัน ปากก็บ่นพึมพำอยู่ตลอด
“คุณเป็นอะไร?”
ชายคนนั้นเหมือนจะไม่ได้ยินที่ไป๋ยี่เฟยพูด ยังคงทำตาเลื่อนลอยอยู่อย่างนั้น
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว พยาบาลเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว กำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ ชายคนนั้นก็ขยับตัว จากนั้นก็หดตัวทันที รูม่านตาหดเล็ก ท่าทางดูหวาดกลัวพยาบาล
“เขาเป็นอะไร? เขากลัวคุณ? คุณทำอะไรเขา” หลิวเสี่ยวอิงที่ตามเข้ามาถาม
พยาบาลรู้สึกเหมือนถูกใส่ร้าย “ฉันไม่ได้ทำอะไรนะคะ ฉันแค่พาเขาเข้ามา บอกให้เขาพักผ่อนสักครู่ ไม่ต้องคิดมาก ยังบอกอีกว่าเด็กชายคนนั้นที่เขาพามากำลังผ่าตัดอยู่ ผลคือเขารีบหดตัวอย่างหวาดกลัวทันที……”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็รู้สึกว่าผิดปกติ บอกให้พยาบาลออกไปก่อนชั่วคราว
หลังพยาบาลออกไป
ไป๋ยี่เฟยก็เดินมาหยุดตรงหน้าชายคนนั้น “เด็กชายคนนั้นที่คุณพามาไม่เป็นไรแล้ว”
เป็นดังคาด พอชายคนนั้นได้ยินคำว่าเด็กชายก็ทำตัวแปลกไปทันที ทั้งเวลานี้ยังส่ายศีรษะไปมา ปากพูดอะไรสักอย่างว่า “เงิน……ช่วยเขา……เงิน……”
ฟังมาถึงตรงนี้ ดวงตาไป๋ยี่เฟยก็หม่นลงในพริบตา สาเหตุที่ชายคนนี้ปฏิเสธตัวเองเช่นนี้ โดยมากน่าจะเพราะถูกหมอจางทำให้สะเทือนจิตใจ หมอจางคนนั้นพออ้าปากก็พูดถึงแต่เงิน จึงทำให้ชายคนนี้พูดพร่ำแบบนี้อยู่ตลอด
แต่ว่า คงมีเพียงขาดแคลนเงินจริงๆ ถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้สินะ?
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงิน เงินผมออกให้คุณเอง คุณไม่ต้องจ่ายสักแดงเดียว ได้ยินไหม?” ไป๋ยี่เฟยก้มหน้าพูด
ในที่สุดชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา มองไป๋ยี่เฟยอย่างตกตะลึง
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอีกว่า “ไม่เป็นไรแล้ว เด็กชายกำลังผ่าตัดอยู่ เขาต้องไม่เป็นไรแน่ คุณต้องเชื่อในฝีมือหมอ”
“จริงหรือครับ?” ชายคนนั้นถาม
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “จริงสิ แต่ว่า คุณบอกผมได้ คุณมีเรื่องลำบากอะไรใช่ไหม?”
ชายคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก นั่งนิ่งบนโซฟา สุดท้ายถึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า “ผมชื่อเหอชิวโหย่ว ที่บ้านผมตัวคนเดียว แต่ผม……”
พูดๆ อยู่ จู่ๆ ชายคนนั้นก็ร้องไห้ออกมา
ชายคนนั้นร้องไห้จนพอใจแล้ว จึงสะอึกสะอื้นไปพลางกล่าวไปพลางว่า “ผมติดคุก พ่อตายแล้ว……แม่ก็ป่วย……ผม……”
แม้จะฟังขาดๆ หายๆ แต่พวกไป๋ยี่เฟยสามคนก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องเป็นมายังไง
ที่แท้เมื่อห้าปีก่อนเพราะเขาไม่ระวังจึงพลั้งมือทำร้ายคนเข้า ถูกคนแจ้งความ ทำให้ติดคุก ถูกตัดสินจำคุกสี่ปี ช่วงที่ติดคุก พ่อเขารอไม่ไหวจึงจากไปเสียก่อน
ส่วนแม่เขา ก็ป่วยเช่นกัน หลังเหอชิวโหย่วออกจากคุกก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง พอเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จึงหมดหนทางอย่างยิ่ง
โชคดีที่เขาหางานขับรถขนส่งสินค้าได้งานหนึ่ง และวันนี้ ก็คือวันแรกที่เขาเข้างาน เขาคิดว่าจะต้องทำงานให้ดี ถึงจะทำให้หัวหน้าชื่นชมเขา
แต่ว่า เหตุการณ์ไม่คาดคิดมักจะมาเยือนโดยไม่ให้คนได้ตั้งตัว
ตอนแรก ถนนเส้นนั้นที่เขาขับ เพราะซ่อมทาง ทำให้ใช้การไม่ได้ชั่วคราว เขาจึงต้องไปทางอ้อม ทางอ้อมสายนี้กินเวลาไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงขับเร็วอยู่บ้าง
ต่อมา บนถนนที่เขาขับ เพราะมัวแต่กังวลว่าจะไปสาย กลัวถูกหัวหน้าพูดทำนองว่าวันแรกก็มาเข้างานสายแล้ว ดังนั้นจึงใจจดใจจ่อกับการขับรถโดยมองแต่ทางข้างหน้า
ผลคือ ตอนที่กำลังเข้าโค้ง จู่ๆ ก็มีรถจักรยานคันหนึ่งพุ่งเข้ามา เขาตกใจจนสะดุ้งวาบ รีบเหยียบเบรคอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่สายเกินไป เพราะรถส่งสินค้าไม่ใช่รถที่ควบคุมได้ง่ายขนาดนั้น
“โครม!”
รถสองคันชนกัน ผลเป็นยังไงคิดดูก็น่าจะทราบ
ไป๋ยี่เฟยพอจะเข้าใจแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่ค่าผ่าตัดของเด็กชายคนนี้เลย แม้แต่ค่ายาของแม่ตัวเองก็คงจ่ายไม่ไหว เขาถอนหายใจอย่างไร้เสียง กลับคิดถึงเฉินห้าวขึ้นมา