บทที่ 317
ชายคนนั้นร้อนใจอย่างมาก “หมอครับ ขอร้องคุณล่ะ ช่วยเขาก่อนเถอะ ขอร้องคุณช่วยเขาก่อนเถอะนะ ผมจะรีบไปเอาเงินเดี๋ยวนี้จริงๆ คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ขอร้องคุณล่ะ!”
หมอจางยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ทั้งยังพูดอีกว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่ารถชน คนชนคงเป็นคุณสินะ?”
ชายคนนั้นชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่”
หมอจางกล่าวอีกว่า “คนชนเป็นคุณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดกับคนไข้ คุณบอกว่าคุณจะไปเอาเงิน พวกเราจะเชื่อคุณได้ยังไง? หากคุณแค่หาข้ออ้าง พวกเราจะไปหาใครมาจ่ายเงิน?”
“ผม…..ผม…..” ชายคนนั้นหมดหนทาง สุดท้ายจึงคุกเข่าเสียงดัง “กึก” “คุณหมอ ผมไม่หนีแน่ จริงๆ นะ ได้โปรดช่วยคนก่อนเถอะ ขอร้องคุณแล้ว ผมไม่มีเงินก็ยืมได้ กู้ได้ ผมทำได้ทั้งนั้น ผมจะจ่ายเงินแน่นอน!”
“คุณหมอ ขอร้องคุณล่ะ ช่วยคนก่อนเถอะ” ชายคนนั้นพูดไปพลางโขกหัวไปพลาง
ทว่า หมอจางกับพยาบาลที่อยู่ตรงหน้า เหมือนจะมองไม่เห็น ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ กระทั่งจะดึงคนขึ้นมาก็ไม่ทำ หมอจางเพียงกล่าวเสียงราบเรียบว่า “คุณโขกหัวไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่จ่ายเงิน พวกเราก็จะไม่ผ่าตัด”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ไม่ใช่โรงพยาบาลรัฐ การผ่าตัดในโรงพยาบาลเอกชนล้วนต้องจ่ายเงินก่อน คุณขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์ ควรรีบคิดหาวิธีไปยืมเงินจะดีกว่า!”
“ไม่อย่างนั้น คุณมัวแต่ขอร้องอยู่ที่นี่ เด็กชายคนนั้นก็คงตายพอดี!”
ชายคนนั้นร้อนใจอย่างมาก ยังโขกหัวไม่ยอมหยุด ปากก็พูดขอร้องหมอไปด้วย ให้หมอทำการผ่าตัดให้เด็กชาย ทว่า พวกหมอจางทำเพียงมองดูอยู่เงียบๆ ไม่ตอบสนองใดๆ
เวลานี้ คนบางส่วนที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณรอบๆ ต่างก็ล้อมกันเข้ามาแล้ว มองเหตุการณ์นี้ เห็นเป็นเรื่องปกติ กระทั่งมีคนกล่าวห้ามปรามเขาขึ้นมา “น้องชาย โรงพยาบาลเอกชนก็เป็นอย่างนี้ ไม่จ่ายเงินก็ไม่ผ่าตัดให้หรอก”
“ใช่แล้ว คุณรีบไปยืมเงินเถอะ! ไม่อย่างนั้นก็หมดทางช่วยจริงๆ แล้ว”
“คุณโขกหัวไปก็เปล่าประโยชน์!”
“โธ่ ทุกสองสามวันก็เห็นแต่ภาพแบบนี้……”
ไป๋ยี่เฟยเองก็แปลกใจเช่นกัน จึงเดินตามเข้าไป ผลคือพอเห็นภาพนี้ ความโกรธในใจก็ปะทุขึ้นมาทันที
ที่นี่คือโรงพยาบาล และคนเหล่านั้นคือหมอกับพยาบาลที่ช่วยชีวิตคน เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ หรือไม่ควรรีบทำการผ่าตัดช่วยคนหรอกหรือ?
พวกเขาล่ะ? จะต้องรอจ่ายเงินก่อนถึงจะทำการผ่าตัด หากโรงพยาบาลทุกแห่งล้วนเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นจะยังช่วยคนไปทำไม?
“พวกคุณเป็นหมอ ไม่ใช่พวกนายทุน หน้าที่ของพวกคุณคือช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เอาแต่รอรับเงินอยู่ที่นี่!”
หมอจางหันมาทางนี้ พูดกับไป๋ยี่เฟยอย่างไม่พอใจว่า “คุณเป็นใครกัน? ไม่เข้าใจก็อย่าพูดส่งเดช!”
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา “ผมไม่เข้าใจ? อ้อ งั้นคุณบอกผมสิ หมอมีหน้าที่อะไร ไม่ใช่ช่วยชีวิตคนหรือ? อย่าบอกนะว่า หมอมาเพื่อรับเงินน่ะ!”
“คุณ!” หมอจางหน้าง้ำ “คุณจะไปรู้อะไร? หมอมีหน้าที่ช่วยคน แต่หมอก็เป็นคนเหมือนกัน และก็ต้องหาเลี้ยงชีพ หรือพวกเราอาศัยแค่ช่วยคนก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ใช่ไหม?”
“พวกเราเองก็ต้องการเงิน ต้องหาเลี้ยงครอบครัว ไม่มีเงิน ใครจะรักษาโรคให้คนอื่น?”
“คุณรู้อะไรไหม? เขาเป็นคนชนคนไข้คนนั้น คุณว่า หากเขาหนีไป พวกเราจะทำยังไง?”
“คุณคิดว่าโรงพยาบาลใหญ่ขนาดนี้จะไม่ต้องการเงินมาหมุนเหรอ? เลี้ยงหมอพยาบาลมากขนาดนี้ไม่ใช้เงิน อุปกรณ์ทางการแพทย์มากขนาดนี้ไม่ต้องใช้เงินหรือไง?”
“ดังนั้น ไม่เข้าใจ ก็อย่ามาพูดจาส่งเดช!”
เวลานี้ คนที่อยู่บริเวณรอบๆ เห็นแล้วก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ
“เรื่องนี้ไม่อาจพูดว่าหมอจางผิดเช่นกัน เพราะอย่างไรนี่ก็คือโรงพยาบาลเอกชน”
“จริงด้วย หมอจางผ่าตัดได้ยอดเยี่ยมมาก เขาเองก็คงถูกบีบจนหมดทางช่วยเช่นกัน”
“โธ่ เจ้าหนุ่ม หุนหันเกินไปแล้ว”
“……”
ไป๋ยี่เฟยกำหมัดแน่น เงิน อ้าปากก็พูดถึงแต่เงิน นี่มันเป็นคำที่หมอควรพูดหรือ?
และคนเหล่านี้ เอะอะก็บอกว่าคนไข้ เอะอะก็บอกว่าครอบครัว พูดคำเหล่านี้ ก็แค่อยากจะเอาใจหมอจางเท่านั้น ว่ากันตามตรง กลับไม่ได้เห็นด้วยกับโรงพยาบาลในจุดนี้อย่างแท้จริง
ในใจไป๋ยี่เฟยรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง นี่แหละคือสันดานคน เผชิญหน้ากับเรื่องของผู้อื่น พวกเขาไม่มีทางคิดถึงปัญหาในมุมของผู้อื่น ถึงขั้นทึกทักเอาเองว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกเสียด้วยซ้ำ
แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่า หากเปลี่ยนกันบ้าง คนที่บาดเจ็บคนนั้นเป็นครอบครัวของตัวเองล่ะ? พวกเขาจะยังพูดให้หมอจางอย่างชอบธรรมแบบนี้อยู่ไหม?
ช่างเถอะ นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่เป็น ปากพูดไปก็เท่านั้น แต่ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของคนเหล่านี้ได้
ไป๋ยี่เฟยสูดหายใจเข้าลึก อดกลั้นความโกรธของตนเองไว้ เพราะอย่างไรการช่วยคนสำคัญกว่า “ต้องการเงินใช่ไหม? ได้ พวกคุณช่วยคนไป ผมจะจ่ายเงินเอง”
“อะไรนะ?” หมอจางทำราวกับได้ยินคำพูดตลกอะไรสักอย่าง “คุณจ่ายเงิน? คุณเป็นใคร? คุณมีเงินเหรอ คุณกับเขาก็คงไม่ต่างกันสินะ หรือว่าพวกคุณเป็นพวกเดียวกัน?”
ไป๋ยี่เฟยหยิบบัตรเครดิตสีดำใบหนึ่งออกมา ยื่นให้นางพยาบาล
หมอจางทำสีหน้าเย็นชา “ไปรูดบัตร ผมจะดูสิว่า บัตรของคุณจะขึ้นเงินได้ไหม”
บัตรใบนี้ของไป๋ยี่เฟยพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน รูดบัตรน่ะหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? อย่างไรก็ไม่มีเงินแน่ เขาเองก็ไม่รีบร้อนจะเล่นละครตามน้ำไปกับพวกเขาอยู่ที่นี่เอง!
นางพยาบาลรับคำของหมอจางถือบัตรสีดำของไป๋ยี่เฟยไปรูดเงิน
หมอจางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง ยืนรอผลอยู่ตรงนั้น
บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบ
“แบบนี้ไม่เคยเห็นเลย! นี่เป็นบัตรธนาคารเหรอ?”
“ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่เคยเห็น คงไม่ใช่พวกต้มตุ๋นหรอกนะ?”
“ฉันว่าใช่ คุณดูชุดที่เขาใส่สิ ไม่เหมือนกับพวกคนมีเงินเลย?”
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกร้อนใจอย่างมาก หวังให้พยาบาลคนนั้นรีบกลับมาโดยเร็ว เมื่อกี้เสียเวลาไปขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเด็กชายคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง จะช่วยเขาทันหรือไม่?
มองไปยังเห็นชายคนนั้นโขกศีรษะอยู่ เขาจึงขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปอย่างยากลำบาก ดึงชายคนนั้นขึ้นมา “ไม่เป็นไรแล้ว เงินผมจ่ายให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็ทำการผ่าตัดได้แล้ว”
“หืม?” ชายคนนั้นทำท่าทางทึ่มทื่อ ราวกับไม่ได้สิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ “อีกเดี๋ยวพวกเขาจะทำการผ่าตัดให้แล้ว คุณลุกขึ้นมาก่อน”
เวลานี้ นางพยาบาลก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว บนหน้าเจือแววหวาดกลัวเล็กน้อย
หมอจางเห็นเข้า ก็ขมวดคิ้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“บัตรนี้ บัตร……”
พยาบาลพูดไม่จบประโยค แต่หมอจางคิดไปแล้วว่าในบัตรไม่มีเงิน จึงกล่าวกับไป๋ยี่เฟยว่า “บัตรใบนี้ไม่มีเงินคุณหยิบออกมาทำซากอะไร?”
“ไม่มีเงิน?” ไป๋ยี่เฟยมองพยาบาลคนนั้น
พยาบาลรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ มี มีค่ะ เพียงแต่ฉัน……ฉันไม่ระวัง……ฉันไม่ระวังจึงขึ้นเงินมากเกินไป……”
สิ้นคำ หมอจางรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง การผ่าตัดแบบนี้ปกติแล้วต้องจ่ายเงินก่อนสองแสน จากนั้นก็ค่อยคิดคืนหรือจ่ายเพิ่ม พยาบาลบอกว่าขึ้นเงินมากเกินไป ซึ่งหมายความว่าบัตรใบนี้ไม่เพียงมีเงิน แต่ยังมีมากกว่าสองแสนอีกด้วย!
แต่ไป๋ยี่เฟยเพียงถามเสียงราบเรียบว่า “คิดเกินไปเท่าไหร่?”
“สอง……สองล้านค่ะ……” พอพูดคำนี้จบ พยาบาลก็ร้องไห้ทันที
พริบตาเดียว จู่ๆ ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินก็ตกสู่ความเงียบทันที แม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยิน
เวลานี้หมอจางเบิกตากว้างแล้ว ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินโดยสิ้นเชิง จึงถามอีกครั้งว่า “เท่าไหร่นะ?