บทที่353
พูดจบ เหอเฟยก็สูดหายใจเข้า โอเค น่าเสียดายเป็นบ้าเลย!
“รบกวนแล้วครับ”
เหอเฟยพูดจบก็รีบจากไปทันที เดินเข้าโรงแรมไป
ไป๋ยี่เฟยจึงหันมาถามว่า “เมื่อกี้เขาพูดอะไรกับคุณเหรอครับ?”
“เขาเข้ามาจีบฉันค่ะ”
พอได้ยินคำตอบของหลี่เสว่ ไป๋ยี่เฟยก็โล่งอกลง เขานึกว่าเป็นศัตรูที่ไหนไม่รู้มาหาเรื่องอีกแล้ว
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าโรงแรมไป
ตอนนี้ในวงการธุรกิจนั้นไป๋ยี่เฟยได้กลายเป็นคนดังไปแล้ว ทุกคนต่างก็รู้จักเขา ดังนั้นพอเขาเดินเข้ามา สายตาทุกคู่ก็ต้องหันมามอง
การที่ถูกคนมากมายขนาดนี้จ้องมอง มันก็ทำให้หลี่เสว่ต้องรู้สึกอึดอัด จนมือของเธอเกร็งไปหมด
คนที่คุ้นเคยกับไป๋ยี่เฟยต่างพากันเข้ามาทักทาย ส่วนหลี่เสว่ก็เอาแต่ยืนอยู่ข้างๆ เขา มองดูทักทักทายกับผู้คน
จนมีผู้หญิงเซ็กซี่ที่ใส่ชุดกระโปรงสีแดงคนหนึ่งที่เดินผ่านไปเฉยๆ แต่ตอนที่เดินผ่านไป๋ยี่เฟย จู่ๆ เธอก็สะดุดจนเหมือนจะล้ม
ไป๋ยี่เฟยก้าวออกมารับเธอเอาไว้ เธอกระซิบเบาๆ ว่า “ฉุงโยวเวยมาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ” ไปยี่เฟยตอบเสียงเบา
เถาเยวก้มหน้าด้วยความเขินอาย พอยืนตั้งหลักได้เธอก็รีบขอบคุณแล้วจากไป
พอไป๋ยี่เฟยได้รับข่าวจากเถาเยว เขาก็รู้ถึงไม่ชอบใจขึ้นมาทันที การที่ฉุงโยวเวยมาในตอนนี้คงต้องมีเจตนาที่ไม่ดีแน่ดูท่างานเลี้ยงในวันนี้คงไม่ราบรื่นแล้ว เขาตัดสินใจที่จะระวังตัวไว้ดีกว่า พอหันมาจะพูดกับหลี่เสว่ เขาก็สังเกตเห็นว่าหลี่เสว่สีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ไป๋ยี่เฟยจึงรีบอธิบายพร้อมกับรอยยิ้มว่า “เมื่อกี้เธอสะดุดล้ม ผมก็แค่ช่วยรับเธอไว้เท่านั้นครับ”
หลี่เสว่ตอบค่ะด้วยใบหน้าเจื่อนๆ เธอรู้อยู่แล้ว เธอแค่รู้สึกไม่ค่อยพอใจก็เท่านั้น จึงทำให้เธอเผลอแสดงสีหน้าออกไปอย่างนั้น
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับรู้สึกดีใจมากกว่าที่ได้เห็นแบบนั้น การถูกหึงมันเป็นเรื่องที่ดีนะ แค่เห็นแล้วมันรู้สึกทุกข์แบบบอกไม่ถูกเท่านั้น “อย่างอนเลยนะครับ ผมไม่ได้รู้จักเธอซะหน่อย ไปครับ เดี๋ยวผมพาคุณไปกินของอร่อยๆ”
ไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็พาหลี่เสว่มาถึงหน้าโต๊ะที่วางไวน์แดงกับอาหารเอาไว้ “กินสักหน่อยนะครับ ต้องรออีกพักหนึ่งกว่าจะเริ่มงาน”
ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีรปภคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“ท่านประธานไป๋ครับ……ที่หน้าประตูมีเด็กสาวที่ดูเหมือนเด็กนักเรียนคนหนึ่งบอกว่าเป็นน้องสาวของคุณ เธอบอกว่าจะเข้างาน เราไม่รู้ว่าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ผมจึงมาถามคุณก่อนครับ”
ไป๋ยี่เฟยหลี่เสว่และหลงหลิงหลิงต่างพากันงง
ไป๋ยี่เฟยมีน้องสาวจริง แต่เธอถูกส่งออกจากเมื่อหลวงไปแล้ว แล้วเธอจะมาร่วมงานได้ยังไง? ที่สำคัญคือ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไป๋ยี่เฟยเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ป
แล้วใครกันที่เอาเธอมาอ้างแบบนี้?
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจออกไปดูหน่อยดีกว่า “เดี๋ยวผมออกไปดูก่อน คุณอยู่กับเสว่เอ๋อนะ”
……
“ฉันเป็นน้องสาวของประธานบริษัทของโหวจวี๋จริงๆ นะ พวกคุณปล่อยฉันเข้าไปเถอะค่ะ! พวกคุณมาขวางฉันไว้แบบนี้ถ้าพี่ฉันรู้เข้า เขาต้องไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่!”
เด็กสาวที่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนคนหนึ่งกำลังดุรปภอยู่
รปภเองก็ทำอะไรไม่ได้ เขารู้ดีว่าไป๋ยี่เฟยเป็นใคร แต่ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลยว่าไป๋ยี่เฟยมีน้องสาวด้วย ที่สำคัญคือการแต่งตัวของสาวน้อยคนนี้ดูยังไงก็เป็นแค่เด็กนักเรียน เสื้อผ้าที่ใส่ก็ธรรมดา ดูไม่เหมือนลูกผู้ดีเลยสักนิด
“หัวหน้าเข้าไปบอกท่านประธานไป๋แล้วครับ เดี๋ยวเขาออกมาก็สามารถยืนยันได้แล้วครับ” รปภมีความอดทนที่สูงมากแต่ในใจก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
ไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็เดินตามหัวหน้ารปภออกมา
“พี่คะ!”
รปภมองตามไป จากนั้นก็รีบกรูเข้ามา “ประธานไป๋ครับ”
ไป๋ยี่เฟยได้ถูกคำว่า “พี่คะ” ดึงดูดเข้า พอเห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า คิ้วของเขาก็ต้องกระตุก นี่มันหลิวเสียน้องสาวของไอ้หัวล้านหลิวไม่ใช่เหรอ?
“พี่คะ ฉันอยากเข้าไปเล่นในงานค่ะ!”
หลิวเสียหัวเราะคิกคัก
เธอเป็นคนที่อัธยาศัยดีอยู่แล้ว พอรู้ว่าไอ้หัวล้านหลิวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไป๋ยี่เฟย เธอก็ยิ่งเปิดใจขึ้นไปอีก
จริงๆ วันนี้เธอแค่ผ่านทางมาเท่านั้น แต่พอเห็นคนเยอะขนาดนี้ และฟังคนอื่นเขาพูดกัน เธอก็ได้รู้ว่ามันเป็นงานที่ไป๋ยี่เฟยจัดขึ้น เนื่องจากงานเลี้ยงที่มีระดับแบบนี้ตัวเองก็ยังไม่เคยได้เข้าร่วมมาก่อน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงต้องการเข้าไปร่วมงานดูบ้าง
มุมปากของไป๋ยี่เฟยกระตุก “ได้ มากับฉันสิ!”
รปภหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจ สรุปคือน้องสาวของประธานไป๋จริงๆ ใช่มั้ย?
เชี่ย ดีนะที่ไม่ได้แสดงกิริยาที่ไม่ดีออกไป ไม่งั้นคงตกงานแน่!
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย เขาพาหลิวเสียเดินเข้างานไป จากนั้นก็บอกเธอว่า “ถ้าอยากเล่นก็เล่นดีๆ อย่าไปก่อปัญหาให้พี่เธอเข้าล่ะ”
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไม่สร้างปัญหาเลยค่ะ” หลิวเสียพยักหน้า
พอมาถึงในห้องโถง หลิวเสียก็แยกตัวออกไปเล่นคนเดียว แต่คนอื่นๆ ต่างพากันแปลกใจ ทำไมไป๋ยี่เฟยถึงพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาล่ะ แถมยังเป็นแค่เด็กนักเรียนรึเปล่านะ?
………
ไม่นาน แขกในงานก็มาจนครบแล้ว และถึงเวลาเริ่มงานพอดี แต่ก่อนที่จะเปิดงาน ก็ต้องเชิญเจ้าภาพขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยก่อนอยู่แล้ว ที่สำคัญวันนี้ต้องแบ่งเนื้อก้อนให้ของผู้ประกอบการทั้งยี่สิบแปดเจ้าด้วย
พิธีกรหญิงที่ใส่กระโปรงยาวกำลังถือไมโครโฟนเดินขึ้นเวทีมา “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานวันครบรอบของโหวจวี๋กรุ๊ป……”
หลังจากคำพูดสุภาพชุดหนึ่งจบลง “ในโอกาสต่อไป ขอเรียนเชิญประธานบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปของเรา ท่านประธานไป๋ค่ะ”
ทุกคนต่างพากันปรบมือ เพื่อรอให้ไป๋ยี่เฟยขึ้นไปพูด
ไป๋ยี่เฟยจัดเนกไทของตัวเอง เตรียมที่จะขึ้นเวที แต่แล้ว ก็มีคนๆ หนึ่งชิงเดินขึ้นไปก่อน
เป็นชายคนหนึ่งที่อายุราวๆ สามสิบ สวมชุดสูทแบรนด์เนมที่ดูมีระดับ ผมถูกเซตไว้อย่างเรียบร้อย ให้ความรู้สึกมีวุฒิภาวะและมั่นคง
ทุกคนต่างพากันสงสัย “เขาเป็นใคร?”
“เหมือนเขาจะไม่ใช่ประธานของโหวจวี๋ใช่มั้ย?”
“ไม่รู้เหมือนกันแล้วเขาขึ้นไปทำอะไรน่ะ?”
“เหมือนเขาจะเป็นคนใหญ่คนโตนะ แต่ก็นึกไม่ออก”
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกัน เขาแค่ยืนอยู่กับที่ เพื่อรอดูว่าชายคนนี้ต้องการจะทำอะไร
ชายคนนั้นกล่าวทักทายกับพิธีกรอย่างสุภาพ พิธีกรที่ยังทำหน้างงก็ได้ยื่นไมโครโฟนให้เขาไป
หลังจากที่รับไมไปชายคนนั้นก็ยิ้มออกมา จากนั่นก็หันมาหาทุกคน แล้วเขาก็เริ่มพูด
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมชื่อฉุงโยวเวย เป็นรองประธานสหพันธ์ธุรกิจของมณฑลนี้ ต้องขออภัยด้วยที่มารบกวนทุกท่านแบบนี้