บทที่ 379
รถคันหน้าคือไป๋หู่และพวกเขา ยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าหลังจากผ่านทางลาด ในขณะที่รถที่อยู่ข้างหลัง แต่ละคันห่างกันอย่างน้อยหนึ่งร้อยเมตร
หลังจากที่รถของไป๋หู่ขับไป รถที่ควรจะตรงไปก็เลี้ยวไปอย่างกะทันหัน และก็เลี้ยวเข้าทางลาดไปก่อนรถของพวกไป๋ยี่เฟย
จางหัวปินไม่สนใจเมื่อเขาเห็น และเหยียบเบรกไว้ทัน ยังไงแล้วเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เช่นบางครั้งก็เผลอลืมดูทางลาด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หลังจากที่รถของไป๋ยี่เฟยเข้าสู่ทางลาด ด้านหลังของพวกเขา สถานการณ์เดียวกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มีรถอีกคันแทรกเข้ามา แต่รถนั้นอยู่ระหว่างรถของสวีลั่งและรถของไป๋ยี่เฟย
ในเวลาเดียวกัน ด้านหลังของสวี่ลั่งก็มีรถคันหนึ่งตามเขามาเช่นกัน
สวี่ลั่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และกำลังจะโทรหาไป๋ยี่เฟย แต่มันก็สายไปแล้ว
บนทางลาด มีรถทั้งหมดหกคัน รถของไป๋ยี่เฟยถูกแยกออกด้วยรถสามคัน ไม่เพียงแค่นั้น รถทั้งสามคันเร่งความเร็วพร้อมกัน ไปชนกับรถคันข้างหน้าของตัวเอง
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยสังเกตเห็นว่ารถคันข้างหน้ากำลังเร่งความเร็วและพุ่งชนเข้ามา รูม่านตาของเขาก็หดลงทันที และเมื่อเขามองหันหลังกลับไป รถคันหลังก็เร่งความเร็วขึ้นและพุ่งชนเข้ามา
“ระวัง!”
ไป๋ยี่เฟยตะโกนด้วยเสียงดัง ดึงโจวฉวี่เอ๋อเข้ามา และปกป้องเธอไว้ภายใต้ร่างกายของเขา
“อ๊ะ!”
โจวฉวี่เอ๋อยังไม่ตอบสนองว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็รู้สึกได้ว่ารถถูกพุ่งชนอย่างรุนแรง จากนั้น รถก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากการถูกชน
จางหัวปินได้รับแรงกระแทกอย่างแรง จับพวงมาลัยไว้แน่ๆ เลี้ยวอย่างรวดเร็ว พยายามจะเบี่ยงเบนจากวิถีของรถที่อยู่ข้างหลังเขา
อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะสิ่งเดียวกันก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า และระยะห่างระหว่างรถของพวกเขาก็ไม่ไกลกันนัก ถึงแม้ว่ารถของพวกเขาจะเหยียบเบรก แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของการชนรถคันข้างหน้าได้
“ตูม!”
“ตูม!”
“ตูม!”
มีเสียงดังขึ้นหลายครั้ง คือเสียงที่รถชนกระแทกต่อๆกันหลายคัน
…………
ในที่สุด ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ
บนทางลาดแคบรถชนกันหกคันติดต่อกัน ในจำนวนนั้น คันที่ถูกชนที่เลวร้ายที่สุดคือรถคันกลาง พวกเขาถูกชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และเสียรูปทั้งหมด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน คนที่อยู่ในรถคันแรกลงมาแล้ว
ไป๋หู่และจงเหลียนไม่ได้ร้ายแรง หลิวเสี่ยวอิงได้รับการปกป้องอย่างดีจากจงเหลียน และก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งสามคนลงจากรถและวิ่งตรงไปที่รถด้านหลัง
“ไป๋ยี่เฟย!”
หลิวเสี่ยวอิงตะโกนอย่างกังวล แต่เมื่อเขาวิ่งไปที่รถของไป๋ยี่เฟย และเห็นสภาพรถที่ถูกชนจนพังไปหมด เธอก็ร้องไห้ออกมาทันที
ไป๋หู่และจงเหลียนนั้นสงบกว่ามาก ทั้งสองมองหน้ากัน จงเหลียนไปดูที่รถของสวี่ลั่ง ไป๋หู่เอื้อมมือไปที่หน้าต่างรถ และเปิดประตูจากด้านใน พยายามจะลากตัวจางหัวปินออกจากถุงลมนิรภัย
“ดูสิว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” ไป๋หู่กล่าว
หลิวเสี่ยวอิงเช็ดน้ำตาสองที รับจางหัวปิน และให้เขาพิงอยู่ข้างถนน จับชีพจร มีรอยขีดข่วนจากกระจกที่แขนของเขา มันไม่ร้ายแรง และการเป็นลมก็เนื่องมาจากถุงลมนิรภัย และไม่ได้เป็นอะไรมาก
จากนั้น ไป๋หู่ก็เปิดประตูเบาะหลังอีกครั้ง และพบไป๋ยี่เฟยและโจวฉวี่เอ๋อ
โชคดี ที่โจวฉวี่เอ๋อแค่เป็นลมไปเท่านั้น
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
เนื่องจากการกระแทกที่หลังนั้นรุนแรงกว่า หลังของไป๋ยี่เฟยจึงมีรอยถลอกเป็นรอยแผลใหญ่ บนแขนก็มี และขาของเขาก็ฟกช้ำเพราะถูกบีบในพื้นที่แคบๆ แต่โดยรวมๆแล้ว มันก็ไม่ได้ร้ายแรง และยังถือว่าโชคดีอยู่
หลังจากการตรวจสอบ หลิวเสี่ยวอิงก็วิ่งไปที่รถคันแรกทันที ดึงกระเป๋าเป้ของเธอออกมา หยิบผ้าก๊อซและเวชภัณฑ์แบบเรียบง่าย แล้ววิ่งไปทำแผลให้ไป๋ยี่เฟย
ขณะนี้ คนในรถคันสุดท้ายก็ลงจากรถเช่นกัน
สวี่ลั่งและเฉินอ้าวเจียวมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว และตอบสนองได้ทันเวลา ลดแรงกระทบของพวกเขา ดังนั้นจึงมีบาดแผลเล็กน้อยบนร่างกายของพวกเขา เฉินห้าวไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะได้รับการปกป้องโดยเฉินอ้าวเจียว
ด้วยผลกระทบที่รุนแรงเช่นนี้ มีเพียงไป๋ยี่เฟยเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนอื่นๆเป็นเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อย ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์
ทุกคนมารวมตัวกัน และไป๋ยี่เฟยเฝ้าดูการทำแผลของหลิวเสี่ยวอิง และพูดว่า “ผมประมาทไปเอง”
เขาคิดว่าเขาไปเจรจากับเย่ฮวน และทางฉุงโยวเวยก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเพิ่มเติม ถ้าจะมี ก็จะเป็นช่วงที่เขาและเย่ฮวนเริ่มต่อสู้ เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ และจะมาหยุดเขาบนถนน
และความจริงของเรื่องนี้ ฉุงโยวเวยก็เป็นคนทำจริงๆ ฉุงโยวเวยอยากจะยกเลิกการกักขังโดยเร็ว เขาจึงจัดให้มีคนมาก่อเหตุทางรถยนต์นี้ แต่เขาคิดถึงว่าไม่ได้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรถพังและเสียชีวิตไปเลย
เฉินห้าวมองไปที่บาดแผลบนร่างกายของไป๋ยี่เฟย และอดไม่ได้ที่จะพูดเกลี้ยกล่อม “พี่ชาย คุณได้รับบาดเจ็บมากที่สุด ถ้าอย่างนั้นกิจการของวันนี้………”
“ดำเนินการตามแผนที่วางไว้” ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง
เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว เว้นแต่ไป๋ยี่เฟยจะตายไป มิฉะนั้น เขาก็คงจะไม่กลับใจอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ จงเหลียนก็วิ่งเข้ามา “ฉันตรวจดูรถสามคันนั้นแล้ว และคนขับก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยไม่รู้สึกแปลกใจเลย
ฉุงโยวเวยเคยฆ่าเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเขาลงมือฆ่าอีกในครั้งนี้ ทางตระกูลไป๋ในเมืองหลวงก็จะไม่ยอมเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงหาคนมาทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากหลิวเสี่ยวอิงเสร็จสิ้นจากการทำแผล เธอก็ถามว่า “ตอนนี้เราไม่มีรถแล้ว เราจะทำอย่างไรดี?”
“รอ” ไป๋ยี่เฟยกล่าว
มีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าที่ไม่เข้าใจหลายอัน รออะไรเหรอ?
แม้ว่าที่นี่จะอยู่ใกล้กับเมืองเป่ยไห่มาก แต่พวกเขาต้องไปที่ไนต์คลับ และต้องดำเนินการตามแผนที่วางไว้ หากไม่ไปก่อนเวลา กลัวว่ามันจะล่าช้าไป
อย่างไรก็ตามไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบายเลย
จนกระทั่งตำรวจจราจรมาถึง ทันใดนั้นทุกคนก็ถึงตระหนักได้
………..
บ้านพักวิลล่าของตระกูลฉุง
ชายชราชุดสูทถังวางสายโทรศัพท์ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “คุณชาย มีรถยนต์ชนกันหลายคันซ้อนบนทางลาด คาดว่าไม่ตายก็คงพิการไปแล้ว
“จริงเหรอ?” ฉุงโยวเวยมีความสุด “ดูสิ การจะฆ่าคนคนหนึ่งมันง่ายแค่ไหน ผมไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทำไมพวกคุณถึงทำให้มันลำบากขนาดนั้น!”
แต่ชายชราชุดสูทถังยังคงเตือนว่า “คำพูดนั้นมันก็ไม่ผิด แต่ก็ควรระวังไว้เสมอจะดีกว่า”
ฉุงโยวเวยไม่เห็นด้วย “ฮึ่ม ถ้าคืนนี้ไป๋ยี่เฟยสามารถไปถึงที่เย่ฮวนได้อย่างปลอดภัย ผมก็จะชื่นชมเขาแล้วจริงๆ!”
ในความคิดของเขา ไป๋ยี่เฟยถูกชนหลายคันซ้อน และไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่มีแรงที่จะไปเจรจากับเย่ฮวนแล้ว
ฉุงโยวเวยอยากจะโทรหาเย่ฮวน และบอกให้เขา และรับผลประโยชน์บางอย่างไปด้วย
แต่ว่ายังไม่ได้โทรศัพท์ออกไปเลย ชายชราชุดสูทถังก็ได้รับสายอีกครั้ง