แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 389
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ในรถตํารวจ ทั้งสองมือถูกใส่กุญแจมือไว้ ทางซ้ายและขวาของเขา ต่างก็มีตํารวจนั่งอยู่คนละข้าง พวกเขานั่งมองไป๋ยี่เฟยอย่างแน่นหนา
ไป๋ยี่เฟย ณ ตอนนี้ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดบนร่างของเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้นหลังจากการล้างแค้นอย่างเต็มที่ หากไม่ใช่เพราะเขาหมัดแข็ง เกรงว่าเขาคงเป็นลมไปตั้งนานแล้ว
“คุณตํารวจ…” ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงร้องเรียกอย่างอ่อนแรง
“นายจะทําอะไร?” สายตาของตํารวจที่อยู่ทางซ้ายมือเต็มไปด้วยความหวาดระแวง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจําตอนที่เขาผลักประตูเข้าไปในห้องพิเศษได้เป็นอย่างดี และเห็นไป๋ยี่เฟยกำลังใช้มีดปอกผลไม้แทงเข้าไปในหัวใจของฉุงโยวเวยอย่างแรง
พวกเขามาไม่ทันที่จะขัดขวางได้ซึ่งตอนที่พวกเขามาถึง ฉุงโยวเวยก็หมดลมหายใจไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง “คุณตํารวจครับ ผมยังมีเพื่อนอีกสองคน… อยู่ในห้องพิเศษ…”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ฝืนร่างกายตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาเอียงศีรษะลง และก็หมดสติไป
……
มีการตั้งวงล้อมสายเตือนภัยด้านนอกห้องพิเศษที่ไนต์คลับซิงคง กู่หรงกำลังพาคนอื่นอื่นไปทำการสืบสวนในที่เกิดเหตุ เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ดูแลไป๋ยี่เฟยอยู่ข้างนอก เขาก็เหลือบตามองไปยังประตูห้องน้ำทันที
ในสายบอกมาว่า เพื่อนของไป๋ยี่เฟยอยู่ในห้องพิเศษ แต่ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาจนถึงตอนนี้ นอกจากตัวไป๋ยี่เฟยแล้ว ก็เห็นแต่กองคนตายเท่านั้น และไม่ได้เห็นเพื่อนที่ไป๋ยี่เฟยพูดถึงเลย
ถ้างั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ อยู่ในห้องน้ำ
กู่หรงวางสายแล้วเดินเข้าไปเคาะประตู “มีใครอยู่ไหม? ผมเป็นตํารวจ”
โจวฉวี่เอ๋อและจางหัวปินที่อยู่ในห้องน้ำเมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันโดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร จากนั้นจางหัวปินก็เปิดประตูห้องน้ำออก
เมื่อกู่หรงเห็นโจวฉวี่เอ๋อก็ตะลึงงันทันที “พี่สะใภ้…”
โจวฉวี่เอ๋อรู้ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพื่อนของฉินหัว และในทันทีที่เห็นเขา หล่อนก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
กู่หรงก็ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “แล้วทําไม พวกคุณถึงไม่ออกมาก่อน? ที่นี่มันไม่ดูค่อยสะดวกเท่าไหร่”
จางหัวปินดึงตัวโจวฉวี่เอ๋อออกจากห้องน้ำ และในทันทีที่เห็นศพกับคราบเลือดบนพื้น โจวฉวี่เอ๋อและจางหัวปินต่างก็ตกใจ
ได้ยินเสียงร้องโหยหวน แต่มองไม่เห็น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนขนาดนั้น
แต่ในตอนนี้ที่เห็นศพพวกนั้น ถ้าเป็นศพของพวกบอดี้การ์ดยังถือว่าพอรับได้ แต่นั่นมันเป็นศพของหลี่ป้ากับฉุงโยวเวยด้วย มันจะดูน่ากลัวเกินไปแล้ว
กู่หรงส่งคนออกไปด้วยเขาตัวเอง และได้กําชับไปสองสามประโยคจึงค่อยกลับมายังห้องพิเศษเพื่อจัดการเรื่องนี้ต่อ
ด้านนอกประตู โจวฉวี่เอ๋อกลับนึกถึงภาพเมื่อครู่อย่างไม่ขาดสาย และในใจของเขาก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยบอกว่าจะแก้แค้น และเขาก็ทําได้แล้วจริงจริง
แต่เขา เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง และในตอนนี้ ภาพการฆาตกรรมคนในจำนวนมาก บวกกับภาพเสียงกรีดร้อง ทําให้โจวฉวี่เอ๋อรู้สึกได้ถึงความเป็นจริง
หล่อนนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อครู่ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนยังไง แต่ความรู้สึกตกใจกลัวนั้นทําให้หล่อนไม่ได้รู้สึกเกลียดไป๋ยี่เฟยขนาดนั้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยสามารถทำเพื่อฉินหัวได้ขนาดนี้ ก็เกินพอแล้ว
ในขณะที่โจวฉวี่เอ๋อกำลังคิดอยู่อย่างนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมาทันที พร้อมกับถามจางหัวปินว่า “แล้วไป๋ยี่เฟยก็ล่ะ?”
จางหัวปินเห็นดังนั้นแล้ว จึงตอบกลับอย่างจนปัญญาว่า “ตํารวจก็มากันหมดแล้ว คุณคิดว่าไงล่ะ?”
โจวฉวี่เอ๋อสะดุดไปทีหนึ่ง และส่ายหน้าอย่างเอาไม่อยู่
ไม่ นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หล่อนต้องการ หล่อนแค่ต้องการให้คนที่ทำร้ายฉินหัวได้รับผลกรรมที่สมควรได้รับเท่านั้น และหล่อนก็อยากให้ไป๋ยี่เฟยไปแก้แค้น เพราะในตอนท้ายนั้น มันเป็นเหตุผลของไป๋ยี่เฟยตัวคนเดียวทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนไปเยอะขนาดนั้น และในที่สุด เขาก็ถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว
นั่นมันเป็นโทษประหารชีวิตเลยนะ!
……
จางเถ่หลินลงจากแท็กซี่ และรีบวิ่งไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉุงอย่างร้อนรน แต่แน่นอนว่าเมื่อเขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลฉุง มันจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด และไม่มีใครเลยสักคน
เมื่อรู้ว่าฉุงโยวเวยอยู่ที่ไหน เมื่อนั้นก็จะรู้เหมือนกันว่า ฉุงโยวเวยตายแล้ว
จางเถ่หลินก็รีบวิ่งไปที่ไนต์คลับซิงคงอีกครั้ง
นอกห้องพิเศษ จางเถ่หลินก็เห็นตํารวจ และคิดจะเข้าไป แต่เขาก็ถูกตำรวจห้ามไว้ได้
“ผมเป็นคนในครอบครัว” จางเถ่หลินพูดขึ้น
ตํารวจจึงไม่ได้ขัดขวางอะไร และปล่อยให้จางเถ่หลินเข้าไป
ในขณะนั้น ศพทั้งหมดก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ และถูกคลุมด้วยผ้าก๊อซสีขาว และเพียงแค่รอให้รถมาถึง ก็จะยกพวกเขาออกไปทีละคน
จางเถ่หลินมือสั่นเทาและเปิดผ้าคลุมศพของศพที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดออก
ที่สำคัญคือใบหน้าที่ดูหวาดกลัวของฉุงโยวเวย และบนร่างของเขามีแผลมีดอยู่หลายจุด บวกกับคราบเลือดที่นับไม่ถ้วน
จางเถ่หลินเหลือบตามองเพียงครู่เดียว ก็ปิดผ้าไว้เหมือนเดิมอีกครั้ง
จากนั้น เขาก็มองไปที่ศพของหลี่ป้า
เมื่อจางเถ่หลินเห็นแผลใหญ่ที่คอของหลี่ป้า จางเถ่หลินก็ตกใจไปครู่หนึ่ง เขานึกภาพไม่ออกเลยว่า ไป๋ยี่เฟยทําได้ยังไง?
ในตอนนั้นเอง กู่หรงก็เดินเข้ามา “สวัสดีครับ คุณคือ…”
ถ้าจําไม่ผิด คนคนนี้เหมือนคนที่เดินตามเย่ฮวนเข้าไปในไนต์คลับเลย หลังจากนั้นก็ออกมาครั้งหนึ่ง และก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงกลับไป
“คนในครอบครัว”
พอพูดจบ จางเถ่หลินก็ไม่รอให้กู่หรงได้พูด แต่เขากลับเอ่ยปากถามขึ้นว่า “ไป๋ยี่เฟยล่ะ” มันอยู่ไหน? ”
“โดนจับตัวแล้ว” กู่หรงตอบกลับ
……
ถึงแม้ไป๋ยี่เฟยจะโดนจับแล้วจางเถ่หลินก็ยังไม่ยอมแพ้
หลังจากออกไป เขาก็นั่งลงข้างทางตรงหน้าประตูทางเข้าไนต์คลับ จุดบุหรี่ และกดโทรไปยังฝั่งเมืองหลวง
เขามาเพื่อคอยปกป้องฉุงโยวเวย แต่ในตอนนี้ฉุงโยวเวยก็ตายแล้ว จะต้องอธิบายยังไงดีล่ะ?
หลังจากอธิบายจบแล้ว คาดว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
ไม่นาน เขาก็โทรติด
“ท่านสาม นายน้อย… ตายแล้ว ”
ไม่รู้ว่าในสายพูดอะไรไปบ้าง แต่สีหน้าของจางเถ่หลินดูแย่มาก พอผ่านไปสักพัก สายก็ถูกวางไป
จางเถ่หลินสวนควันออกมาทีหนึ่ง เขาอารมณ์ตกต่ำจนน่ากลัว
……
เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว แต่เมืองที่เจริญรุ่งเรืองและเหมือนจะไม่มีท่าทีที่จะหลับใหลนั้น ก็ยังมีแสงไฟนีออนส่องสว่างไปทั่วทั้งพื้นที่
คืนนี้ คงถูกกําหนดให้เป็นคืนนอนที่ไม่สามารถหลับลงได้
ณ ตระกูลไป๋ในเมืองหลวง
ในห้องนั่งเล่น ชายชราวัยกลางคนคนหนึ่งเพิ่งรายงานข่าวล่าสุดไป และกําลังรอคําสั่งจากไป๋หยุนเผิง
ไป๋หยุนเผิงเอนตัวพิงบนโซฟา พร้อมกับถือถ้วยชาไว้ในมือ และดื่มชาอย่างไม่รีบไม่ร้อนอะไร
หลังจากที่อู๋กุ้ยเซียงรู้ข่าวตั้งแต่วินาทีแรกนั้นหล่อนก็รู้สึกซับซ้อนในหลายอย่าง โดยหล่อนทั้งรู้สึกภาคภูมิใจ และวิตกกังวล
ไป๋ยี่เฟยเป็นอย่างที่ไป๋หยุนเผิงพูดจริงจริงด้วย เขาสามารถทําให้แผนการแก้แค้นของเขาสําเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่อยากจะพูดเลยว่าเป็นลูกชายพวกเขา เขาช่างฉลาดเสียจริง