แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่415
ไป๋ยี่เฟยเดินลงมาจากชั้นสาม หาห้องห้องหนึ่ง แล้วนั่งลงมา หลิวเสี่ยวอิงก็ตามเข้ามา นั่งอยู่ข้างเขา
“คุณไม่ยุ่งหรือ?”
“ไม่ยุ่งสิ!”หลิวเสี่ยวอิงกะพริบตา”คุณไม่เห็นหรือ บนห้องโถงมีคนแค่ไม่กี่คนเอง?”
“แล้วคุณมาทำอะไร?มีเรื่องจะพูดกับฉัน?”ไป๋ยี่เฟยถาม
หลิวเสี่ยวอิงถุยออกมาเสียงหนึ่ง”คุณก็รู้ว่า โรงพยาบาลเพิ่งเปิด ไม่ค่อยมีคน ฉันอยากจะใช้อำนาจของโหวจวี๋กรุ๊ป ดึงดูดคนมาหน่อยสิ?”
“ไม่ได้”ไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดก็ปฏิเสธ”ที่นี่เป็นฐานลึกลับของฉัน ไม่สามารถมีความเกี่ยวข้องกับโหวจวี๋กรุ๊ปได้”
“โอเค!”หลิวเสี่ยวอิงรู้ความหมายของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ”อย่างนี้ละกัน ฉันสามารถรวบรวมพนักงานของโหวจวี๋กรุ๊ปมาทำการตรวจร่างกายที่นี่”
“อันนี้ก็ได้”หลิวเสี่ยวอิงยิ้ม
ในเวลานี้ สวีลั่งมาเคาะประตู
ไป๋ยี่เฟยเห็นคนมา จากนั้นก็พาสวีลั่งไปชั้นบนสุดของตึก
หลิวเสี่ยวอิงรู้ว่าพวกเขามีเรื่องคุยกัน เลยจากไป
มาถึงชั้นบนสุดของตึก ไป๋ยี่เฟยก็ถามโดยตรงว่า”นักพรตเต๋าคือใคร?เขาคุกคามน้องสาวคุณแล้วใช่ไหม?”
ครั้งก่อนที่ถูกไล่ฆ่า อู๋ปิ้งพูดถึงเรื่องของนักพรตเต๋า แล้วสวีลั่งก็เริ่มลังเล ดูเหมือนว่าสวีลั่งมีจุดอ่อนอะไรอยู่บนมือของนักพรตเต๋า
เรื่องนี้ต้องจัดการให้เสร็จ ไอย่างนั้น ทีหลังสวีลั่งจะถูกนักพรตเต๋าคนนี้ยับยั้ง
สวีลั่งถอนหายใจออกมา”ไม่ถือว่าเป็นการคุกคาม เขาแค่รู้ว่าน้องสาวของฉันอยู่ที่ไหน”
“ฉันยังมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง แต่ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้ว ต่อมาได้พบกับนักพรตเต๋า บอกกับฉันว่าน้องสาวยังมีชีวิตอยู่ และก็รู้ว่าเธออยู่ไหน”
ดังนั้น ตอนที่อู๋ปิ้งพูดถึงนักพรตเต๋า เขาถึงจะลังเล
แต่สวีลั่งยักไหล่”ฉันไม่ค่อยยึดกับที่อยู่ของเธอ รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว”
“ถ้ามีวาสนา ก็จะได้เจออีก”
“ฐานะของนักพรตเต๋าคนนี้ไม่ธรรมดา ฉันแนะนำให้คุณดีสุดอย่าทำอะไรเขา”
สวีลั่งก็ถือว่ารู้ดีกับไป๋ยี่เฟยแล้ว ในเมื่อรู้ว่าความสำคัญที่นักพรตเต๋ามีต่อเขาแล้ว ไป๋ยี่เฟยจะต้องคิดวิธีตรวจนักพรตเต๋าคนนี้ ซึ่งเขาคนนี้จะไปยั่วยุง่ายๆไม่ได้
“อ้อ?”ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้วขึ้นมา
สวีลั่งพูด”นักพรตเต๋าเป็นคนที่อยู่นอกเหนือจากสี่ตระกูลใหญ่และสหพันธ์ธุรกิจ และสองในสี่ตระกูลใหญ่ ล้วนถูกนักพรตเต๋าสนับสนุนขึ้นมา
พอพูดเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้ว”ดูเหมือนว่าเป็นคนที่ยั่วยุไม่ได้จริงๆ”
เดิมทีไป๋ยี่เฟยนึกว่า สี่ตระกูลใหญ่และสหพันธ์ธุรกิจของเมืองหลวงก็ถือว่าแข็งแกร่งสุดแล้ว คาดไม่ถึงว่า ยังมีคนที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาโผล่ตัวออกมาอีก
แต่ตกใจก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ก็สัมผัสคนพวกนั้นไม่ได้ ไป๋ยี่เฟยจะไม่คิดมากนัก
หลังจากออกจากโรงพยาบาลโว่หลง ไป๋ยี่เฟยก็ขับรถกลับบ้านโดยตรง
……
เช้าวันที่สอง ไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงความสุขอีกครั้งที่ได้กอดภรรยาหลังจากตื่นนอน จากนั้นจูบหลี่เสว่ แล้วจึงตื่นนอนมาอาบน้ำแต่งตัว
หลี่เสว่ก็ตื่นตาม และพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า”ฉันได้หาบริษัทอัญมณีแห่งหนึ่ง เตรียมจะไปสมัครงานวันนี้”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไป”คุณภรรยา ไม่งั้นฉันให้บริษัทอัญมณีแหล่งหนึ่งแก่คุณเลยไหม?”
“อ๊ะ?ไม่ต้องแล้ว”หลี่เสว่ส่ายหน้า”ตอนนี้ฉันยังทำอะไรไม่เป็นเลย!”
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ”ไม่เป็นก็สามารถค่อยๆเรียนไง อีกอย่างหนึ่ง พอถึงบริษัท คุณต้องเป็นผู้จัดการใหญ่แน่นอน อันนี้คุณชำนาญ ถึงเวลาแล้วคุณจะสามารถเรียนรู้ประสบการณ์ไปด้วยแล้วเรียนความรู้ไปด้วย”
หลี่เสว่ได้ยินเช่นนี้ก็หวั่นไหว”แต่ฉันจำได้ว่าใต้บังคับบัญชาของโหวจวี๋กรุ๊ป เหมือนไม่มีบริษัทที่เกี่ยวกับอัญมณีนะ?”
“สิ่งนี้ง่ายมาก”ไป๋ยี่เฟยพูด”วันนี้ไปซื้อมาแห่งหนึ่ง พรุ่งนี้ก็มีแล้ว”
ในที่สุด หลี่เสว่ยอมรับที่ไป๋ยี่เฟยพูด ให้โหวจวี๋กรุ๊ปไปซื้อบริษัทอัญมณีมาก่อน แล้วโอนไปให้ชื่อของหลี่เสว่ หลี่เสว่ก็สามารถไปบริษัทโดยตรงเลย
สาเหตุที่หลี่เสว่ยอมรับ เป็นเพราะว่าประสบการณ์ทางด้านออกแบบอัญมณีของตัวเองยังไม่พอ ถ้าเริ่มต้นจากพนักงานเล็กๆคนหนึ่ง รอจนกว่าที่สามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ก็ไม่ทราบว่าต้องรอไปถึงไหนเลย
ตอนนี้เธอคิดออกแล้ว ในเมื่อสามารถพึ่งพาสามี งั้นทำไมต้องให้ตัวเองไปลำบากล่ะ?
……
ไป๋ยี่เฟยไปที่โหวจวี๋กรุ๊ป หาหลงหลิงหลิงมาทันที สั่งให้ไปจัดการเรื่องการเข้าซื้อกิจการ
ประสิทธิภาพการทำงานของหลงหลิงหลิงสูงมาก ตอนบ่ายก็หาบริษัทอัญมณีมาสองแห่งที่เหมาะสำหรับตามเงื่อนไขของไป๋ยี่เฟย และรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด พร้อมส่งมายังโต๊ะทำงานของไป๋ยี่เฟย