บทที่ 412
“ไป๋ยี่เฟย คุณขังฉันไว้นานขนาดนี้ คิดว่าแบบนี้ก็จบลงแล้วหรือ?คุณคิดอย่างดีไปหรือเปล่า?”
“ฉันบอกคุณนะ วันนี้ที่คุณปล่อยฉันกลับมา จะเป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดของคุณ!”
พอพูดเสร็จ เย่อ้ายหันไปพูดกับเย่ฮวนว่า”พี่ รีบจับเขาเอาไว้!”
เมื่อเห็นเช่นนี้สีหน้าของเย่ฮวนค่อนข้างมืดมน มองไปดูเย่อ้ายด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน”เสี่ยวอ้าย เรื่องบางอย่าง คุณไม่รู้หรอก เรากลับไปค่อยว่ากัน”
“หมายความว่าอะไร?”เย่อ้ายนิ่งอึ้ง และก็ตวาดว่า”พี่ ฉันถูกไป๋ยี่เฟยขังไว้นานขนาดนั้น ยังเกือบจะถูก……จะจบสิ้นลงแบบนี้เลยหรือ?”
เย่ฮวนจนปัญญา คิดจะพูดอะไร แต่ไป๋ยี่เฟยพูดก่อน
“เรื่องของพวกคุณ พวกคุณจัดการเอง ฉันยังมีเรื่องอยู่ ไปก่อนแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากเสียเวลาในที่นี้ สะกิดให้ซูต้าหลิวไป
ซูต้าหลิวมองพวกเขาตาหนึ่ง แล้วรีบเข้ารถ เขากลัวว่าต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ส่วนเขานี่มองขึ้นไปแล้วร่างกายแข็งแรง แต่ตามจริงเป็นแค่คนอ่อนแอนั้น ก็มีแต่ต้องถูกต่อยอย่างเดียว
ไป๋ยี่เฟยเข้าไปในรถ ผ่านไปสักพักหนึ่ง รถหายไปในสายตาของทั้งสองคน
เย่อ้ายไม่เต็มใจ”ทำไม?คุณยังเป็นพี่ชายของฉันหรือเปล่า?”
เย่อ้ายรู้สึกน้อยใจมาก ตอนนั้นที่เธอมาที่เมืองเทียนเป็น ก็คือจะพิสูจน์ว่าแม้เธอเป็นผู้หญิงแต่ก็สามารถแข็งแกร่งมาก สามารถเป็นทายาทของตระกูลเย่ได้
แต่ เธอแข่งกับไป๋ยี่เฟยมานานขนาดนี้ แพ้อย่างสิ้นเชิงเลย
เธอก็เข้าใจว่า ตัวเองยังมีความแตกต่างกับเขาอยู่ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า เธอถูกคนขังมานานเช่นนี้ ยังต้องขอบคุณบุญคุณของคนเขาอีก เธอไม่ได้หาคนมาฆ่าไป๋ยี่เฟยก็ถือว่าเมตตาแล้ว
แต่ในเวลานี้ เย่ฮวน ในฐานะที่เป็นพี่ชายของเธอ ไม่ช่วยเธอจัดการไป๋ยี่เฟย ยังปล่อยให้ไป๋ยี่เฟยไปแบบนี้อีก!
เย่อ้ายรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารมาก และก็น่าเศร้าโศกมาก
เย่ฮวนเห็นเช่นนั้นมีแต่ต้องถอนหายใจด้วยความจนปัญญา เมื่อเห็นน้องสาวของตัวเองเป็นเช่นนี้ เขาไม่อยากหาไป๋ยี่เฟยแก้แค้นหรือ?เป็นไปได้ยังไงล่ะ?
“เสี่ยวอ้าย ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ เรายั่วยุไม่ได้”
เย่อ้ายเงยหน้าขึ้นมาอย่างแรง”หมายความว่าไง?เขาเก่งยังไง จะเก่งกว่าตระกูลเราอีกหรือ?จะเก่งกว่าตระกูลฉุงหรือ?เขาไปขัดใจตระกูลฉุงแล้วไม่ใช่หรือ?พวกเราร่วมมือกับตระกูลฉุง ร่วมต่อต้านกับเขา เขาจะมีวันพลิกร่างอีกหรือ?”
“เดือนนี้เกิดเรื่องมามากมาย”เย่ฮวนพูดอย่างราบเรียบ”ฉุงโยวเวยตายแล้ว”
เย่อ้ายอึ้งไปเล็กน้อย”ตายแล้ว?”
เย่ฮวนพยักหน้า”ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่า”
“นี่เป็นไปไม่ได้?เขาไม่มีกังฟูไม่ใช่หรือ?และข้างๆฉุงโยวเวยไม่มีคนปกป้องหรือ?ถูกคนข้างๆของไป๋ยี่เฟยฆ่าหรือเปล่า?”
เย่อ้ายรู้ว่าข้างๆของไป๋ยี่เฟยมีไป๋หู่ และยังมีฆาตกรสวีลั่งอีกคน ถ้าจะฆ่าฉุงโยวเวย ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
เย่ฮวนส่ายหน้า”ถูกฆ่าโดยไป๋ยี่เฟย เขาคนเดียว ฆ่าบอดี้การ์ดสี่คน ยังได้ฆ่าหลี่ป้า ในที่สุด ยังได้ฆ่าฉุงโยวเวยอีก”
เย่อ้ายเบิกตากว้าง รู้สึกเหลือเชื่อ
บอดี้การ์ดถูกฆ่าเธอไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร แต่หลี่ป้าก็ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่า……
หลี่ป้าเป็นคนเก่งที่ปกป้องฉุงโยวเวยโดยเฉพาะ ไม่ใช่ระดับเดียวกับบอดี้การ์ดธรรมดา
แต่พี่ชายเขาบอกว่า หลี่ป้าก็ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่า
ไป๋ยี่เฟย ตกลงเป็นสัตว์ประหลาดอะไรเนี่ย
เย่อ้ายอึ้งไปนานมาก ฟื้นสติกลับมาและพูดว่า”แล้วตระกูลฉุงไม่คิดจะแก้แค้นเขาหรือ?ฉุงโยวเวยเป็นตั้งลูกชายของท่านสามนะเนี่ย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่แก้แค้นหรอก!”
“อยากแก้แค้น แต่……”เย่ฮวนมองไปดูทิศทางที่ไป๋ยี่เฟยจากไป”มีคนของสหพันธ์ธุรกิจแห่งเมืองหลวงปกป้องอยู่ ไม่มีใครกล้าจับต้องเขา”
เย่อ้ายมึนงงอย่างสิ้นเชิง”นี่มันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับสหพันธ์ธุรกิจล่ะ?”
เย่ฮวนส่ายหน้า พูดความเป็นมาออกมาอย่างคร่าวๆ สุดท้ายพูดว่า”ดังนั้น ตอนนี้ดีสุดอย่าไปยั่วยุเขา”
…..
ซูต้าหลิวขับรถตลอดทาง และก็ไม่กล้าพูดกับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยสังเกตเห็นป้ายบอกทางบนทางด่วนอีกป้ายหนึ่ง อีกทิศหนึ่งที่ลงทางด่วนแล้วก็คืออำเภอเฟิ่งจิ้ว นั่นคือบ้านเก่าภรรยาของจางหัวปิน
“เลี้ยวไปอำเภอเฟิ่งจิ้ว”จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นมา
“อ๊ะ?อ้อ……”ซูต้าหลิวเลี้ยวอย่างรวดเร็ว เลี้ยวไปในนาทีสุดท้าย”ท่านประธาน เราไปอำเภอเฟิ่งจิ้วทำอะไรล่ะ?มีโครงการต้องคุยหรือ?”
“ไม่ใช่”
ไป๋ยี่เฟยแค่นึกถึงจางหัวปิน จางหัวปินและภรรยาของเขาหย่าร้างกันเพราะเรื่องของเถาเยว ตามจริงในใจของจางหัวปินยังรักภรรยาอยู่มากๆ
แต่ว่า เรื่องที่เขาตกรางมีความผิดจริงๆ ผู้หญิงปกติคงทนสามีตัวเองตกรางไม่ได้
และอีกอย่างหนึ่ง ผู้หญิงก็รู้ว่า ตัวเองเป็นคนตาบอด มีแต่จะเป็นภาระให้จางหัวปิน ดังนั้น เลยฉวยโอกาสนี้ หย่าร้างกัน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าพวกเขายังรักกันอยู่ ชีวิตของคนเรา สิ่งที่หายากที่สุดก็คือสามารถพบกับคนที่สามารถอยู่กับเราตลอดชีวิตได้ ถ้าพลาดไปแล้ว ก็ไม่มีเลย
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็คิดอยู่ว่า เขาน่าจะสามารถช่วยได้บ้าง ไปโน้มน้าวให้เธอกลับใจได้
……
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ซูต้าหลิวขับรถเข้าไปในอำเภอเฟิ่งจิ้ว?”
“ท่านประธาน จะขับไปไหนครับ?”
ไป๋ยี่เฟยไอออกมาด้วยความเก้อเขิน เขารู้แต่ว่าพี่สะใภ้อยู่ในอำเภอเฟิ่งจิ้ว แต่ไม่รู้ตำแหน่งโดยเฉพาะ มาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ลืมสิ่งนี้ไปด้วย
อำเภอเฟิ่งจิ้วก็ไม่เล็ก จะหาคนได้ยังไงล่ะ!
ไป๋ยี่เฟยกำลังคิดอยู่ว่าจะถามจางหัวปินหรือเปล่า จู่ๆผู้หญิงสามคนที่เดินผ่านไปทำให้เขาอึ้งไป
“รอก่อน จอดรถที่นี่สิ!”
ซูต้าหลิวตอบว่าอ่อ จากนั้นจอดรถในริมถนน
ไป๋ยี่เฟยรีบเปิดประตูรถ ก่อนที่ลงรถก็พูดกับซูต้าหลิวว่า”คุณรอฉันที่นี่”
“ครับ ท่านประธาน……”ตามจริงซูต้าหลิวก็อยากจะตามไป แต่ปัญหาคือ เขาก็ไม่รู้ว่าท่านประธานจะทำอะไร แต่ท่านประธานก็พูดแล้ว ให้เขาอยู่ที่นี่ นั้นเขาก็มีแต่เหลือไว้ในที่นี้
ไป๋ยี่เฟยโชคดีมาก เพราะว่าผู้หญิงสามคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้นี้ ในนั้นมีคนหนึ่งก็คือพี่สะใภ้!
ผู้หญิงสองคนที่เหลือไม่รู้ว่าเป็นใคร เดินตามพี่สะใภ้ทั้งซ้ายและขวา ในมือของพี่สะใภ้ถือไม้เท้าอยู่ ใส่แว่นสีดำ เดินหน้าไปทีละก้าว
ไป๋ยี่เฟยเดินตามอยู่ข้างหลังของพวกเธอ พบว่าพวกเธอได้เข้าไปในร้านน้ำชาร้านหนึ่ง
เวลานี้คนในร้านน้ำชาไม่มาก ส่วนใหญ่ยังเป็นคนแก่
หลังจากเข้ามาในร้านน้ำชาแล้ว พี่สะใภ้ก็ถูกนำไปโต๊ะที่อยู่ในหัวมุม
โต๊ะนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ มองไปแล้วอายุสี่สิบกว่า การแต่งกายยังพอใช้ได้ แต่ว่าหน้าตาค่อนข้างจะน่าเกลียดไปหน่อย
หลังจากนั่งลงแล้ว หลายคนทักทายกัน สั่งน้ำชาเสร็จก็เริ่มพูดคุยกัน
ไป๋ยี่เฟยยังไม่แน่ใจสถานการณ์ ดังนั้นนั่งอยู่ติดกับพวกเขา อยากจะฟังว่าพวกเขาพูดอะไรอยู่
“นี่ก็คือคนที่ฉันบอกกับคุณ ชื่อว่าอู๋ซินซิน นอกจากว่าตามองไม่เห็น ที่เหลือล้วนดีหมด”นี่เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
อู๋ซินซินก็คือภรรยาของจางหัวปิน
ผู้ชายตรงข้ามจ้องมองอู๋ซินซินอยู่ตลอด สีหน้ามีความเกลียดชัง แต่ว่าหน้าตาของอู๋ซินซินดีอยู่ คนตาบอดก็ช่างเถอะ
ผู้ชายอ้าปาก”ฉันชื่อต่งหนิวลั่ย ปีนี้อายุ43 ที่บ้านทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ รายได้2แสนต่อปี ฉันนี่ไม่มีความชอบอย่างอื่น ชอบแต่ดื่มเหล้าหน่อยนึง”
“หลังจากเมาเหล้า อาจจะกักขฬะไปหน่อย แต่ขอให้คุณไม่ยั่วยุฉันก่อน ฉันจะไม่ลงมือกระทำใดๆหรอก”