บทที่ 425
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ไป๋ยี่เฟยกับเหลียงยู่ที่จัดการปลาเสร็จกลับถึงบ้านไม้น้อย
ข้างนอกของบ้านไม้น้อยมีเพิงอันหนึ่ง คือเอามาใช้ทำกับข้าว มีเพียงหม้อใบหนึ่งกับเตาอันหนึ่งที่ง่ายๆ ข้างๆมีโต๊ะอันหนึ่ง คือเอามาวางถ้วยชามกับเขียงสิ่งของเหล่านี้
“ไป หากิ่งไม้เล็กหน่อยเข้ามาสักอัน ค่อยใช้มีดเหล่า เร็ว ใช้น้ำล้างสักหน่อย เสียบปลาเข้าไป” เหลียงยู่ผลักไป๋ยี่เฟยผลักแล้วผลักอีก
ไป๋ยี่เฟย โอ๊ะ เสียงหนึ่ง ออกไปหากิ่งไม้ที่ดูแล้วตรงกว่าสี่กิ่งตามคำพูดของเหลียงยู่ หลังจากเหล่าเสร็จแล้วเอาน้ำล้างสักหน่อยส่งให้กับเหลียงยู่
ส่วนเหลียงยู่อาศัยเวลานี้ ใช้เกลือหมักปลาสักหน่อย ถือโอกาสตัดกลิ่นคาวออกไป
ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนแบ่งงานกันทำ ก่อกองไฟเล็กๆขึ้นมากองหนึ่ง คนละสองไม้ ค่อยๆหมุน
เดิมทีเงียบสงบมาก อยู่ดีๆเหลียงยู่เอ่ยปากพูดว่า “เมื่อคืนฉันได้ยินตอนที่คุณละเมอ เรียกภรรยาของคุณอยู่”
ไป๋ยี่เฟยไม่แปลกใจสักนิด “ผมคิดถึงเธอ อยู่ในฝันต้องเต็มไปด้วยเธออย่างแน่นอน”
เหลียงยู่อาศัยแสงไฟจ้องมองไป๋ยี่เฟยจ้องมองแล้วจ้องมองอีก “ฉันจำได้ว่าคุณแต่งเข้าบ้านภรรยาล่ะ? เวลานั้นคุณคิดอะไรอยู่กันแน่? คุณกับภรรยาของคุณมีความรักจริงๆหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักเล็กน้อย นึกถึงสองปีที่ผ่านมานั้นสิ่งต่างๆที่อยู่กับหลี่เสว่ อดไม่ได้ยิ้มแล้วยิ้มอีก “อยากจะฟังไหม?”
“คุณพูดฉันก็ฟังล่ะ ยังไงก็เซ็งอยู่” เหลียงยู่พูดอย่างไม่ค่อยสนใจ
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆเอ่ยปาก “เวลานั้นผมยังเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง อะไรก็ไม่มีใครๆก็ดูถูกผมได้ ใครๆก็รังแกผมได้”
“แต่อยู่เวลานั้นหลี่เสว่ทั้งครอบครัวมาหาผม ให้ผมแต่งเข้าตระกูลของพวกเขา อีกทั้งแต่งานก็เพียงแค่แต่งงานตามสัญญาเท่านั้น สามปีมาถึง ก็ต้องหย่ากัน”
“อ่า?” เหลียงยู่มีความตื่นตะลึงเล็กน้อย “งั้นพวกคุณก็เหมือนใกล้จะสามปีแล้วล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟย อืม เสียงหนึ่ง พูดต่อจากที่พูดเมื่อกี้ “แท้ที่จริงแล้วผมดีใจมาก ผมเป็นเด็กยากจนคนหนึ่ง สามารถแต่งกับภรรยาที่สวยขนาดนี้ ถือได้ว่าเป็นบารมีที่สะสมมาจากชาติที่แล้ว”
“แต่จากนั้นผมจึงรู้ว่า เสว่เอ๋อแต่งงานกับผม เป็นเพราะว่าไม่อยากถูกใช้มาเป็นเครื่องมือกับการแต่งงานระหว่างตระกูล ดังนั้นจึงเลือกผม”
เหลียงยู่กะพริบตาต่อๆกัน ไม่รู้ว่าทำไม รู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยมีความน่าสงสารเล็กน้อย
“หลังจากผมรู้แล้วก็รู้ตัวดีด้วย ก็อยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนทั่วไปอย่างนั้น แต่จากนั้นผมพบเห็นว่าผมรักเสว่เอ๋อไปแล้ว ผมอยากดีต่อเธอ”
“สองปีก่อน คนทั้งหมดในตระกูลหลี่ล้วนเข้ามาหัวเราะเยาะผม แม้กระทั่งหัวเราะเยาะเสว่เอ๋อด้วย ผมในเวลานั้นไร้ความสามารถมาก ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเสว่เอ๋อเลย”
“จากนั้น บิดาที่ให้กำเนิดผมคนนั้นหาผมเจอ อยู่ดีๆผมก็กลายเป็นประธานกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ป ผมมีเงินแล้ว มีฐานะตำแหน่งแล้ว”
“ผมเชื่อว่า เพียงแค่ผมทำอย่างนี้ต่อไปโดยตลอด ใจของเสว่เอ๋อก็จะเปิดเพื่อผม ตามความจริง ผมก็ทำได้แล้วด้วย”
“แต่ว่า ในเวลานั้น เนื่องเพราะเรื่องหลิ่วซื่อกรุ๊ปกับตระกูลไป๋ นำภัยถูกตามฆ่ามา ทำร้ายเสว่เอ๋อ เธอลืมผมไปแล้ว ลืมทั้งหมดไปแล้ว”
“เวลานั้นผมเกือบจะพังทลาย โชคดี ผมยืนหยัดต่อไปแล้ว ผมยังทำกับเธอเหมือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเธอลืมผมไปแล้ว ก็ยังแคร์มาก ก็ยังเปิดใจให้ผมอีก”
“ตอนนี้ ความจำของเธอกลับคืนมาแล้ว พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ”
เหลียงยู่ฟังอยู่ ขอบตาแดง ไป๋ยี่เฟยพูดเรียบง่าย แต่เธอสามารถจินตนาการถึงช่วงเวลานั้นพวกเขาผ่านมายังไง เศร้าใจเหลือเกินจริงๆ
“ก็ดีนะ” เหลียงยู่พูดไปประโยคหนึ่ง “ขอให้พวกคุณมีความสุข มีความสุขตลอดไป”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มตอบกลับว่า “ขอบคุณ”
“ฮึ!” เหลียงยู่ส่ายหัวไป ในใจมีความอึดอัดเล็กน้อย แต่ยิ่งมากกว่านี้คือความอิจฉาต่อความรักของไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ อิจฉาพวกเขาผ่านเหตุการณ์มากมายขนาดนี้ ยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
ความรักแบบนี้ คิดได้ว่าไม่มีคนไหนสามารถแทรกเข้ามาได้
กินปิ้งปลาเสร็จ เหลียงยู่เก็บสถานที่พูดว่า “นอนเถอะ พรุ่งนี้อาจารย์น่าจะเข้ามา เธอจะฝึกฝนคุณด้วยตนเอง”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเรื่องนี้ เดิมทีความรู้สึกที่สบายใจหายไปในฉับพลัน มีเพียงแค่เหลียงยู่คนเดียวก็เป็นเช่นนี้แล้ว งั้นถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นมาแล้ว จะตายแหล่ไม่ตายแหล่เลยหรือ?
……
ตอนเช้า กินอาหารเช้าเสร็จ ผู้หญิงคนนั้นมาตรงเวลาเลย
“หลายวันที่ผ่านมานี้เป็นยังไงล่ะ?” ผู้หญิงถามเหลียงยู่
“ยิ่งทนจับทุ่มได้แล้ว อย่างอื่นยังไม่ได้สอนเป็นการชั่วคราว”
ผู้หญิงพยักหน้าต่อๆกัน พูดกับไป๋ยี่เฟยเสียงหนึ่ง “ตามฉันมา”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเหลียงยู่หนึ่งที เหลียงยู่พูดลักษณะอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “ไปเถอะ อาจารย์เรียกคุณล่ะ!”
“ไอ่…….” ยังไงก็หนีไม่พ้นล่ะ
ถึงที่ว่างเปล่า ผู้หญิงเสื้อคลุมสังเกตไป๋ยี่เฟยสักหน่อย พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “มา โจมตีฉัน”
ไป๋ยี่เฟยเส้นดำเต็มหัว เขาไม่ได้กลัว เขารู้สึกว่า ทั้งๆที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ ยังต้องพุ่งเข้าไปถูกซ้อม นี่ไม่ใช่โง่หรือ?
“ทำไมไม่ขยับล่ะ?” ผู้หญิงรอจนทนความรำคาญไม่ได้แล้ว “โจมตีฉัน!”
ไป๋ยี่เฟยเห็นลักษณะนี้ ได้เพียงแค่ทั้งกัดฟัน ทั้งหลับตา พุ่งเข้าไป
เนื่องด้วยหลายวันนี้ถูกจับทุ่มจนชินแล้ว ดังนั้นตอนที่ไป๋ยี่เฟยพุ่งเข้าไป หลังจากถูกผู้หญิงตบลอยไปแล้ว ชินไปแล้ว อีกทั้งยังเรียนรู้จะต้องตกลงมายังไงจึงจะลดความบาดเจ็บให้ถึงต่ำที่สุดได้
“ตุ๊บ!”
ไป๋ยี่เฟยตกพื้น ไม่ได้เหมือนอยู่ในสถานการณ์คับขันลำบากตอนแรกที่ถูกผู้หญิงคนนี้จับทุ่มออกไป อย่างน้อยไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว
ผู้หญิงเห็นแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ช่างทนการจับทุ่มได้จริงๆนะ”
ผู้หญิงเพียงแค่ให้ไป๋ยี่เฟยถูกจับทุ่มในครั้งนี้ ก็ยืนอยู่ที่นั่นครุ่นคิดขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปยังเหลียงยู่ สายตาไต่ถาม: เธอทำอะไรอยู่หรือ?
เหลียงยู่ยักไหล่: ความคิดของอาจารย์ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยหันไปจ้องมองผู้หญิงคนนั้น ในเวลานี้ ผู้หญิงมองเข้ามาพอดี ยังแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งเล็กน้อยอยู่ทำให้ไป๋ยี่เฟยตกใจหนึ่งที
“ทำอะไรอยู่หรือ?” ไป๋ยี่เฟยถามกลับด้วยจิตใต้สำนึก
ผู้หญิงค่อยๆพูดว่า “เวลาเดือนเดียวสั้นเกินไปแล้ว ดังนั้น อยากจะอยู่ในเวลาสั้นๆมีความสามารถที่จะสามารถปกป้องตนเองได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องฝึกแน่นอนไม่ได้ตามขั้นตอนปกติ”
“ดังนั้น?” ไม่รู้ว่าทำไม ไป๋ยี่เฟยเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่งขึ้นมา
เหมือนอย่างที่คิด ผู้หญิงพูดอย่างราบเรียบว่า “ดังนั้น คุณต้องจู่โจม”
ไป๋ยี่เฟยมีเครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า “จะจู่โจมได้ยังไงหรือ?”
มุมปากผู้หญิงยักขึ้นเล็กน้อย พูดอย่างราบเรียบว่า “นั่นก็คือ……..”
……
ในเวลาหนึ่งเดือน บอกว่ายาวไม่ยาว บอกว่าสั้นไม่สั้น
ไป๋ยี่เฟยผ่านการฝึกฝนในหนึ่งเดือนกลับเนื้อกลับตัวใหม่แล้ว แน่นอน ดูภายนอกละก็ เพียงได้แค่เห็นว่าไป๋ยี่เฟยดูเหมือนดำกว่าแต่ก่อนแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นเล็กน้อย อย่างอื่นกลับมองไม่ออก
“คุณไปได้แล้ว” บนภูเขา เหลียงยู่ปรบมือต่อๆกัน “โอ้พระเจ้า ในที่สุดก็จบแล้ว”
ไป๋ยี่เฟย แฮ่ๆ หัวเราะหนึ่งที “ขอบคุณ”
“งั้นคุณเรียกศิษย์พี่มาให้ฟังดูสักครั้งล่ะ?” เหลียงยู่เงยหน้าจ้องมองไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยพัวพันกันอุตลุดเต็มใบหน้าจ้องมองผู้หญิงเสื้อคลุมที่อยู่ข้างๆหนึ่งที ปรึกษาหารือว่า “ทำไมเธอเล็กกว่าผม ต้องเรียกเธอว่าเป็นศิษย์พี่ล่ะ?”
“เธอเข้ามาเร็วกว่าคุณ ต้องเรียกศิษย์พี่อยู่แล้ว” ผู้หญิงตอบกลับอย่างสมเหตุสมผล
ไป๋ยี่เฟยมีความไม่สมัครใจเล็กน้อย กลับยังเรียกเสียงหนึ่งว่า “ศิษย์พี่…….”
“ไอ้หยะ ศิษย์น้องน้อยช่างเชื่อฟังจริงๆ!” เหลียงยู่แยกเขี้ยวยิ้มหนึ่งที ถือได้ว่าโล่งใจจริงๆเลย
ในใจไป๋ยี่เฟยไม่สบายใจ นึกถึงอีกปัญหาหนึ่งว่า “อยู่ข้างบนคุณยังมีคนอีกไหม?”
“มี” คนที่ตอบเป็นอาจารย์ของพวกเขา “คุณเป็นคนที่เก้า”
ไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่เก้า งั้นความหมายก็คือ อยู่ข้างบนเขามีศิษย์พี่น้องแปดคน แปดคนนะ!
เหลียงยู่หัวเราะเสียงดัง ฮ่าฮ่า “คุณวางใจ ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ไม่เจอพวกเขาหรอก ดังนั้น วันหลังคุณก็กตัญญูกับศิษย์พี่คนนี้อย่างฉันให้ดีๆก็พอแล้ว”
“คุณพูดคำว่ากตัญญูนี่ก็ไม่กลัวว่าลิ้นจะเป็นตะคริวหรือ” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างราบเรียบ
เหลียงยู่ส่ายหัว “เป็นไปได้ยังไง? นี่เป็นศิษย์น้องน้อยควรที่จะทำล่ะ! ใช่แล้ว! จำได้ว่าก็ต้องกตัญญูอาจารย์ให้ดีๆด้วย