ตอนที่ 260 อัญเชิญกุมารทอง
ทันใดนั้นทั้งสองสาวที่ได้ยินผมถามแบบนั้นก็ตะลึงงันไป
หลังจากนั้น ก็เห็นท่าทางที่ดูกระอักกระอ่วนใจมากของฉิงหมิงเฉ่วเธอพูดติดอ่างว่า “ ไม่ ไม่มีอะไร !”
ทันทีที่คําพูดของฉิงหมิงเจิ่วจบลง อู่ฮียฮุยก็สะกิดเธอ “จะไม่มีอะไรได้ยังไง ? วันนี้ที่เธอมา ไม่ใช่เพราะว่ามี เรื่องหรือยังไง ?เธอเชื่อฉันสิติงฝานกับพวกเขาเป็นคนที่มีวิ ชาอาคมพวกเขาสามารถช่วยเธอได้แน่นอน !”
“ แต่ แต่ว่าฉัน ฉันไม่รู้จะเอ่ยปากพูดยังไง
ดูเหมือนฉิงหมิงเฉิวจะดูขี้อายมาก เมื่อเธอพูดถึงคําว่าเอ่ยปากเสียงของเธอก็ลดลงไปทันที
พวกเราหยุดและจ้องมองไปที่ฉิงหมิงเฉิวด้วยใบหน้าที่งนงง
เมื่อได้ยินคําพูดของอู่ฮียฮุย ดูเหมือนว่าฉิงหมิงเฉ่วจะมีเรื่องอะไรสักอย่างดังนั้นอู่ฮียฮุยจึงใช้ข้ออ้างในการเชิญพวก เรามาทานข้าวอยากจะให้พวกเราออกมาข้างนอกเพื่อที่จะได้ช่วยแก้ปัญหาของฉิงหมิงเฉิว
แต่อู่ฮียฮุยเห็นว่าฉิงหมิงเฉ่วรู้สึกเขินอายที่จะพูดเธอจึงพูดขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์ “ ถ้าเธออายที่จะพูด
งั้นฉันจะพูดแทนเธอเอง ! ”
เมื่อฉิงหมิงเฉิวได้ยินอู่ฮียฮุยพูดแบบนั้น ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าเธอจะอายเอา มากๆ
พวกเราก็เบนสายตาไปทางอู่ฮียฮุย อู่ฮียฮุยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดกับพวกเราว่า
“ ฉันจะบอกด้วยความจริงใจ วันนี้ที่เชิญทั้งสามคนมาที่นี่หนึ่งคือฉันอยากจะขอบคุณทั้งสามคนที่เคยช่วยเหลือฉันอย่างที่สองคือมันก็เกี่ยวกับเรื่องของฉิงหมิงเฉิวด้วย !”
“ ฮุยเอ่อร์ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ถ้าหากว่าพวกเราช่วยได้พวกเราก็จะช่วยเธออย่างแน่นอน ! ”หยางเฉ่วเอ่ยปากพูด
อู่ฮุยฮุย พยักหน้าแล้วพูดว่า “ เสี่ยวเฉ่วและฉันเป็นนัก แสดงเหมือนกันแต่ว่าเมื่อสามเดือนก่อน ฉิงหมิงเฉ้วไม่รู้ว่าไปได้ยินที่ไหนมาว่าถ้าเลี้ยงกุมารทองก็จะสามารถเปลี่ยน โชคชะตาชีวิตได้ดังนั้นเธอจึงไปเชิญกุมารทองมาเลี้ยงที่บ้า นตนหนึ่ง ! ”
ทันทีที่เธอคําพูดนี้ออกมา พวกเราทั้งสามคนก็อดไม่ได้ที่ จะสะอึกดัง “ ก๊กๆ ”ออกมา
การเลี้ยงกุมารทองไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
สิ่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ต่อมาก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
เพราะว่าสิ่งนี้ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ก็จะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาชีวิตของผู้เลี้ยงได้เลย
หลายคนให้ความสําคัญกับประเด็นนี้ แต่ไม่เข้าใจถึงผลที่ตามมาหลังจากการเลี้ยงกุมารทอง ต่างพากันไปหานักบ วชไร้ศีลธรรมหรือไปหาซินหม่าไท่เพื่ออัญเชิญกุมารทองแม้กระทั่งคนดังหลายคนก็ออกข่าวว่าเลี้ยงกุมารทอง
จะเห็นได้ว่าแวดวงการเลี้ยงกุมารทองนั้นเป็นที่นิยมแต่ว่าพวกคนเหล่านั้นกลับไม่รู้ข้อเสียของการเลี้ยงกุม ารทองนั้นมีมากกว่าข้อดี
ถ้าหากว่าเลี้ยงดีก็ยังพอพูดได้ว่าสามารถเปลี่ยนโชตชะตาได้หลังจากนั้นไม่กี่ปีจะเลิกเลี้ยง ปัญหามันก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่
แต่ในกรณีที่ได้เลี้ยงวิญญาณชั่วร้าย ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเลวร้ายจนไม่กล้าคิดตั้งแต่โรคเรื้อรังรุมเร้า
จนถึงขั้นร้ายแรงแบบบ้านแตกสาแหรกขาด
และจุดที่สําคัญที่สุดคือ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะโชคดีแล้วแต่มันก็เป็นการเบิกใช้ความโชคดีของวันข้างหน้าอีกทั้งมันยังเพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อต้องชดใช้คืน
พวกเราสามคนในฐานะที่เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายก็เคยได้ยินเรื่องราวประเภทนี้มาไม่น้อย
ในตอนนี้ที่ได้ยินเรื่องนี้ผมก็เงียบไม่พูดไม่จาตั้งใจฟังสิ่งที่อู่ฮียฮุยเล่าอย่างตั้งใจ
“ แต่กุมารทองที่เสี่ยวเฉ่วเลี้ยงไม่ใช่เด็กน้อยแต่ว่าเป็นผีชายวัยกลางคนเสี่ยวเฉ่วบอกว่า ถึงแม้ว่าผีตนนี้จะช่วยให้เธอผ่านการสอบสัมภาษณ์และได้รับโอกาสรับบทเป็นตัวละครเล็กถึงสองครั้ง แต่ทุกครั้งที่ผีตนนี้เรียกร้องความต้องการที่ไร้เหตุผลและยังเอาเปรียบเธอตลอดเวลา ไม่กี่วันมานี้ก็ยิ่งเรียกร้องผลประโยชน์มากขึ้นถึงขนาดอยาก จะนอนกับเสี่ยวเฉ่วตอนนี้เสี่ยวเฉวอยากจะหลุดพ้นจากค วามสัมพันธ์นี้ !
ดังนั้นฉันจึงอยากจะเชิญทั้งสามคนมาช่วยเหลือก็คือให้ไล่ผีตนนั้นไปให้พ้นที่ ”
อู่ฮียฮุยพูดแต่เรื่องราวแต่ละประโยคจบไปแล้วเมื่อได้ยินแล้วผมกลับสับสนซะเอง
เลี้ยงกุมารทอง ก็จะต้องเป็นผีเด็กสิถึงจะเรียกว่ากุมารทองได้ ? แต่แล้วทําไมเลี้ยงกุมารทองถึงได้ออกมาเป็นเลี้ยงผีลุงวัยกลางคนล่ะ ?
ชัดเจนแล้วว่าฉิงหมิงเฉิวต้องโดนหลอกอย่างแน่นอน
เธอไม่ได้อัญเชิญกุมารทองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เป็นการอัญเชิญผีผู้ชายมาเซ่นไหว้บูชาที่บ้านแทน
และความประพฤติของผีผู้ชายคนนั้นยังไม่ดีอีกด้วยทําให้ฉิงหมิงเฉิวทนไม่ได้
ตอนนี้ผีผู้ชายคนนั้นนับวันจะยิ่งมีความกล้ามากขึ้นคิดไม่ถึงว่าอยากจะทําเรื่องอย่างนั้นกับฉิงหมิงเฉิวด้วยความตัณหาราคะ
ผมทําหน้านิ่งหลังจากนั้นก็พูดกับอู่ฮียฮุยและฉิงหมิงเฉิว “สบายใจได้ ! เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ก็แค่ผีตัณหากลับตนหนึ่งแค่นั้นเอง ! พวกเธอสบายใจเถอะ ตอนบ่ายพวกเราก็จะกลับไปด้วยกันและในตอนกลางคืนจะ ได้กําจัดมันออกไป เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อโลกมนุษย์ !
ฉิงหมิงเฉิวยังคงขี้อายเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เหมือนเก่า เธอเขินมากจนหน้าแดง
ในขณะที่ฟังผมพูดจบแล้ว เธอก็ยกเปลือกตาขึ้นมามองผม แล้วพูดขอบคุณด้วยความเขินอาย
ทันทีที่คําพูดของฉิงหมิงเจิ่วจบลงเหล่าเฟิงก็พูดว่า “ ฉิงหมิงเฉ่ว เธอบอกหน่อยได้ไหมว่า ผีตนนี้ที่เธอไปอัญเชิญมันมาจากที่ไหน ? ”
เมื่อได้ยินคําถามที่ออกมาจากเหล่าเฟิงผมก็สนใจขึ้นมาทันที
หากไม่มีใครช่วยฉิงหมิงเฉ่ว เธอก็จะไม่สามารถอัญเชิญมาได้อย่างแน่นอน
และคนที่อัญเชิญผีประเภทนี้และหลับหูหลับตาทําแบบนี้จะต้องได้รับการลงโทษด้วย
ไม่อย่างนั้นจะไปทําแบบนี้และเป็นอันตรายต่อคนอื่นมากไปกว่านี้
ฉิงหมิงเฉิวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆว่า “ มันคือโรงงานปุ๋ยที่ถูกทิ้งร้างแถวชานเมือง”
“ โรงงานปุ๋ย งั้นเธอรู้ไหมว่ามันชื่อว่าอะไร ? สามารถติดต่อเขาได้ไหม ? “เฟิงเฉิวหานถามขึ้นอีกครั้ง
ฉิงหมิงเฉ่วพยักหน้า “ ติดต่อได้ทางวีแชทเท่านั้น ชื่อจริงๆของเขาฉันเองก็ไม่รู้หรอก แต่ว่าเขาให้ฉันเรียกว่าจาง เต้าฉาง ! แต่ว่าเขายังอายุน้อยอยู่เลยประมานยี่สิบต้นๆ
ฉิงหมิงเฉ่วพูดรายละเอียดเกี่ยวกับเขา ว่าเธอรู้จักกับจางเต้าฉางได้ยังไงหลังจากนั้นก็ต่อรองราคากับฝ่ายตรงข้ามสุดท้ายก็ไปถึงขั้นตอนการซื้อผีผู้ชายตนนั้น
ส่วนจางเต้าฉาง ? ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ว่าไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
ผมขอให้ฉิงหมิงเฉ่วเอาวีแชทมาให้ผม และบอกว่าพวกเราจะจัดการเรื่องของเธอโดยการไปเจอกับจางเต้าฉาง
พวกเราเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย มีหน้าที่กําจัดและปกป้องสิ่งชั่วร้าย เป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กนี้เป็นคนดีแต่เขาซื้อขายวิญญาณและแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
ได้ยินมาว่าฉิงหมิงเฉิวให้เด็กคนนี้อัญเชิญกุมารทองให้ในราคาหนึ่งแสน
ฉิงหมิงเฉิวเป็นนักแสดงผู้ติดตามที่ไม่มีชื่อเสียง จะมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ ? สุดท้ายในการเจรจาต่อรองรา คาก็ต้องใช้เงินห้าหมื่นหยวนอีกทั้งยังเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยสูง อีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะอู่ฮียฮุยเพิ่งจะพบว่าฉิงหมิงเฉิวถูกทวงหนี้จากเงินกู้ดอกเบี้ยสูงและฉิงหมิงเฉิวก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่อง นี้ออกมาด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะหนังที่อู่ฮียฮุยแสดงหลังจากเซ็นสัญญาไปหลายฉบับ ถึงได้มีเงินสดสํารองให้เธอไปใช้หนี้
ไม่อย่างนั้นฉิงหมิงเฉ่วจะต้องตกระกําลําบากจนไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีทางที่จะฟื้นคืนขึ้นมาได้แน่ๆ
ไม่เพียงแต่จะถูกผีรบกวน อีกทั้งยังถูกขูดรีดจากเงินกู้ดอกเบี้ยสูงอีกผลสุดท้ายก็เป็นอย่างนี้แหละ
พูดแล้วลําบากจริงๆ
หลังจากรู้ถึงสาเหตุและผลที่ตามมา ผมก็ใช้แอคเคาน์สํารองเพิ่มจางเต้าฉางและส่งหมายเหตุไปว่าต้องการกุมารทอ ตอนนี้ก็รอเพียงแค่เขาตอบกลับ
ในเวลานี้ทุกคนก็ทานกันเกือบจะอิ่มแล้วและวางแผนที่จะออกจากที่นี่และไปยังที่อยู่ของฉิงหมิงเฉิวเพื่อลองไปดูผีตนนั้น
ดังนั้น ทุกคนจึงถือสิ่งของของตนเองและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง
แต่เมื่อเดินออกจากห้องส่วนตัว ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกําลังยืนล้อมอยู่ในห้องโถงมุงดูอะไรบางอย่างและกระซิบซาบกันอยู่
ฉากนี้ดึงดูดผมจนผมมองแล้วมองอีก
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงพูดที่อวดดีดังออกมา “ สาวสวยทําไมไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้ ? พี่ชายคนนี้เป็นถึงเจ้าชาย ของหลงฟากรุ๊ปเธอก็มาติดตามพี่ชายสิ แล้วจะได้อยู่ดีกินดีเป็นไง ? ”
“ ใครอยากจะไปก็ไป ! ฉันมีแฟนแล้วกรุณาออกไปให้ไกลจากฉัน ฉันจะทานข้าว ! ”
เมื่อผมได้ยินเสียงนี้ ในใจของผมก็สั่นไหวเล็กน้อยทําไมเสียงนี้ทําไมมันถึงได้เหมือนเสียงของเสี่ยวม่านขนาดนี้ ?