บทที่514
“แผนเหรอ? แผนอะไร?” ไป๋ยี่เฟยไม่ค่อยเข้าใจ ลองเปลี่ยนมุมมองแล้วถามต่อว่า “คุณรู้จักกับไป๋หยุนเผิงด้วยเหรอ?”
“ใช่ครับ” หวังโหลวพยักหน้าอีกครั้ง “พ่อตาของคุณเป็นคนแนะนำให้พวกเรารู้จักกันเองครับ”
ความจริงแล้ว ทุกอย่างที่หวังโหลวทำมันเป็นแผนที่ไป๋หยุนเผิงวางไว้ทั้งสิ้น เพราะต้องรอให้ข้างกายไป๋ยี่เฟยไม่หลงเหลือความช่วยเหลือจากใครแล้ว คนพวกนั้นถึงจะแสดงตัวออกมา
มันก็ทำให้การหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังเร็วขึ้นมากเลย
ถ้าไป๋ยี่เฟยเกิดล้มเหลวกลางคัน ความจริงเขายังมีหวังโหลวคอยช่วยเหลืออยู่เพียงแค่ไม่มีคนรู้เท่านั้น
พอไป๋ยี่เฟยฟังจบ เขาก็ก้มหน้าไม่พูดอะไร
หวังโหลวเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ รอให้ไป๋ยี่เฟยใช้เวลาค่อยๆ ย่อยข้อมูลต่างๆ ก่อน
ส่วนหลี่เสว่ก็กำลังมองไป๋ยี่เฟยด้วยความเป็นห่วง
ผ่านไปเนิ่นนาน ไป๋ยี่เฟยก็ขำออกมาทั้งที่กำลังก้มหน้าอยู่ “ผมเข้าใจแล้ว ไม่ว่ายังไง เขาก็จะเอาผมออกมาเป็นเหยื่อล่ออยู่ดีใช่มั้ย? ทำเป็นพูดจาดิบดี หึ……”
“ไม่ใช่นะครับ ความจริงคุณอาเขาเป็นห่วงคุณมากเลยนะ” พอเห็นไป๋ยี่เฟยเป็นแบบนี้ หวังโหลวก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทนไป๋หยุนเผิง
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาที่สับสน “ถ้าเขาเป็นห่วงจริงแล้วจะใช้ผมเป็นเหยื่อทำไม? เขาเก่งมากไม่ใช่เหรอ? ตัวเองเอาไม่อยู่แล้ว เลยต้องใช้ชีวิตของลูกชายมาแลกถึงจะสำเร็จใช่มั้ย?”
“เขาเหมาะที่จะเป็นพ่อคนมั้ย? ไม่เลย!”
ไป๋ยี่เฟยยิ่งพูดยิ่งอารมณ์ขึ้น เสียงที่พูดก็ดังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้คนที่อยู่รอบๆ ต้องหันมามอง
พอหวังโหลวเห็นอย่างนั้น เขาก็รีบหันไปขอโทษทันที “ขออภัยที่รบกวนครับ”
พูดจบเขาค่อยหันมาพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “คุณช่วยใจเย็นลงก่อน ที่เรื่องมันรุนแรงแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ”
ไป๋ยี่เฟยขำประชด “ช่วยไม่ได้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่เอาไป๋เซี่ยวไปเป็นเหยื่อแทนล่ะ? ไป๋เซี่ยวเองก็เป็นลูกชายของเขาด้วยไม่ใช่รึไง? หึ เห็นๆ กันอยู่ว่าลำเอียง ใครบ้างที่ดูไม่ออก?”
หวังโหลวชะงักไป จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ไป๋เซี่ยวเขาไม่คู่ควร!”
“ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยสงสัยเหมือนกัน ผมก็เคยถามคุณอาหลี่เหมือนกัน คุณอาหลี่บอกว่า ไป๋เซี่ยวนั้นไม่คู่ควรพอ”
“ตระกูลไป๋นั้นมีความเป็นมาที่ยาวนาน พวกเขาให้ความสำคัญกับผู้สืบทอดมาก ไป๋เซี่ยวได้สูญเสียคุณสมบัตินี้ไปแล้วดังนั้นเขาจึงไม่คู่ควร!”
“คุณเองก็น่าจะรู้ดี ว่าเขาเคยเกิดอุบัติเหตุ จนตอนนี้……เขาไม่สามารถมีลูกได้แล้ว”
“คนที่ไม่สามารถสืบตระกูลไป๋ได้แบบนี้ คนในตระกูลไม่มีทางสนใจเขาหรอก ถ้าเกิดใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ จะมีใครเชื่อครับ?”
ไป๋ยี่เฟยตะลึงไปทันที เบิ่งตากว้าง ความคู่ควรมันวัดกันที่มีลูกได้รึเปล่าเนี่ยนะ?
ในตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเลย เขาแค่รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่มาเป็นพักๆ
นี่นะหรือตระกูลใหญ่ที่ว่า?
เพียงแค่สูญเสียความสามารถในการมีลูกไป ก็ไม่เหลือค่าอะไรแล้ว แม้แต่เบี้ยที่เอาไปใช้งานยังไม่คู่ควรเลย
ฮึ สำหรับเขาความสัมพันธ์แบบเครือญาตินั้นคงเทียบไม่ได้กับผลประโยชน์ที่น้อยนิดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างขมขื่น “ผมยินดีจากใจที่จะให้เป็นไป๋เซี่ยว”
การที่ถูกวงศ์ตระกูลทอดทิ้ง สำหรับเขาแล้วมันถือว่าเป็นเรื่องดีเลยล่ะ อย่างน้อยเขาก็สามารถใช้ชีวิตในแบบของตัวเองและเพื่อผลประโยชน์ของวงตระกูลอย่างนั้นอย่างนี้เขาก็ไม่ต้องออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ อย่างเช่นตอนนี้
หวังโหลวมองหน้าไป๋ยี่เฟยด้วยความตกใจ “ทำไมคุณถึงมีความคิดแบบนี้เนี่ย?”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ผมไม่ใช่ไป๋เซี่ยว ผมไม่อยากเป็นผู้สืบทอดของตระกูลไป๋ ผมแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปกับภรรยาของผมเท่านั้น”
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้นเธอก็สะดุ้งอย่างไม่รู้ตัว
ตระกูลไป๋ต้องการผู้สืบทอดที่สามารถมีลูกได้ ไป๋เซี่ยวทำไม่ได้ แต่ไป๋ยี่เฟยได้
แต่ เธอไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว
หลี่เสว่ไม่กล้าคิดไกลกว่านั้น เธอจึงก้มหน้าลงอย่างร้อนรน เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แสดงออกมาที่ดวงตาของเธอ
พอหวังโหลวได้ฟังสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูด เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ คนที่เป็นเพื่อนของไป๋ยี่เฟยอย่างเขา ทำไมจะไม่เข้าใจความรู้สึกของไป๋ยี่เฟยล่ะ แต่ว่า “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว จะถอยกลับก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันก็จะสูญเปล่าไม่ใช่รึไง?”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็จ้องเขม็งมาที่หวังโหลว แล้วเหลือบมองหลี่เสว่ สุดท้ายก็สูดหายใจเข้า แล้วพูดออกมาอย่างหนักใจว่า “ผมขอออกไปสูดอากาศหน่อย”
“คุณ……ไปคนเดียวมันไม่ปลอดภัยนะครับ” หวังโหลวดึงแขนของไป๋ยี่เฟยเอาไว้
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ทำอะไร แค่พูดขึ้นว่า “จะให้ผมเล่นเป็นเหยื่อล่อไม่ใช่รึไง? ถ้ามันปลอดภัย แล้วแม่งจะมีใครมาติดเบ็ดล่ะ?”
หวังโหลวพูดไม่ออก ต้องหยุดความคิดที่จะบอกไป๋หู่กับสวีลั่งให้ออกไปด้วยไว้ก่อน
ไป๋ยี่เฟยพูดจบ เขาก็เดินออกไปเพียงลำพัง
……
ไป๋ยี่เฟยเดินไปที่ดาดฟ้าคนเดียว เขาเห็นท้องฟ้าสีครามกับท้องทะเลที่กว้างใหญ่อีกครั้ง เขาสูดหายใจลึกๆ อย่างช่วยไม่ได้ ความไม่สบายใจที่มีเมื่อกี้ค่อยๆ หายไปทีละน้อย ตามด้วยความรู้สึกมั่นคงที่เข้ามาแทนที่
ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขาอยากมีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ เขาก็ต้องมีชีวิตต่อไป มีชีวิตรอดจากศึกในครั้งนี้ให้ได้ ที่สำคัญ เขาต้องรอดจนถึงคนสุดท้ายและต้องขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดให้จงได้
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว เขาก็เดินไปที่มุมนั้นอีกครั้ง มุมที่เจอกับพ่อหนุ่มคนนั้น
แต่น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ร้อนรน แล้วเขาก็นั่งลงตรงนั้น มองไปที่ทะเล รอคอยอย่างใจเย็น
แต่ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากทางด้านหลัง เธอสวมแว่นกันแดดสีดำ สีผิวพรรณขาวใส ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งประมือกันมาละก็ ความรู้สึกแรกเห็นที่มีต่อเธอนั้นคือเล็กแต่เรียบหรู
“ไป๋ยี่เฟย!” เธอยืนอยู่ข้างหลัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณมันดื้อด้าน! ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วใช่มั้ย!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงนั้นแล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมอง เขาแค่พูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “นั่งมั้ยครับ?”
หญิงสาวทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ยังนิ่งอยู่
ไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วถามต่อไปว่า “ไม่ทราบว่าจะให้เรียกคุณว่าอะไรเหรอครับ?”
“สวีเหวินค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยร้องอ๋อ และไม่ได้พูดอะไรต่อ
สวีเหวินขมวดคิ้วเบาๆ “นี่คุณหมายความว่ายังไง? ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้คุณเข้าร่วมการเลือกตั้งในครั้งนี้? คุณเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมากไม่ใช่รึไง? การที่คุณไปเข้าร่วมการชิงตำแหน่งแบบนี้ คุณไม่กลัวว่าเราจะฆ่าเธอรึไง?”
ไป๋ยี่เฟยมองทอดไปทางทะเล ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างรำคาญว่า “ผมเข้าร่วมไปแล้ว แล้วคุณจะยังไง?”
“นี่คุณ!” สวีเหวินทำตาเคร่งขรึม จากนั้นก็พูดออกมาเสียงดังว่า “ให้ฉันไปฆ่าแม่นั่นตอนนี้เลยเอามั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยฟังแล้วก็แค่ยักไหล่ แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น “ที่คุณพูดมามันก็ไม่ผิด ผมเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอเป็นเพื่อนรักของภรรยาผม แถมยังเป็นภรรยาของพี่ชายผมด้วย ดังนั้น……”
“คุณคิดจะทำอะไร?” สวีเหวินมองเห็นความโหดเหี้ยมที่แสดงออกมาทางแววตาของไป๋ยี่เฟย จนทำให้เธอต้องก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว……ว่าผมจะทำให้คุณบอกผมมาว่าโจวฉวี่เอ๋ออยู่ที่ไหน”
สวีเหวินใจหายวาบ แล้วพูดออกมาอย่างซีเรียสว่า “คุณไม่ยอมทำตามที่สั่งจนไปเข้าร่วมการเลือกตั้ง แล้วยังจะมาขอให้ฉันบอกที่อยู่ของแม่นั่นอีก คุณนี่……”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ชิงลงมือก่อนแล้ว
ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว เขากำข้อมือของเธอไว้ ในขณะที่ที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ออกแรงหมุน จนข้อมือของเธอหักไปทันที
“อ้า!”
สวีเหวินโอดครวญออกมา เหงื่อไหลออกมาเป็นทาง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเธอก็ตอบสนองทันที เธอใช้มืออีกข้างล้วงมีดสั้นออกมา แล้วแทงมันออกไปทันที
ไป๋ยี่เฟยเอี้ยวตัวหลบทันที แล้วจับมืออีกข้างของเธอไว้ จากนั้นก็ทำเหมือนเดิมอีกรอบ
“อ้า!” มือข้างนี้ก็หักแล้วเหมือนกัน