บทที่ 535
“ไม่ใช่”ไป๋หยุนเผิงส่ายหัว“เป็นความจริง แต่แค่ว่าคนที่มีบทบาทสำคัญเหล่านั้น ไม่ได้แสดงท่าทีเท่านั้น”
“คุณชายรองของตระกูลหลินกับคุณชายสี่ของตระกูลเย่ ก็คือตัวสำคัญที่ฉันพูดถึงนั่นเอง ส่วนคนอื่นๆ ฉันไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ดังนั้นฉันจึงหาแค่พวกเขาเท่านั้น”
ไป๋ยี่หยุนเผิงพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
สวี่ชางได้ฟังแบบนี้ก็แสดงท่าทีไม่พอใจ“แล้วผมล่ะ?”
ไป๋ยี่เผิงเห็นแบบนี้ก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที“อื้อ พวกคุณสามคน”
ท่านจุนได้ฟังแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา เหมือนกับจะไม่ยอมขัดขืนอะไรอีกแล้ว
หลินยู่ชังรีบเอ่ยปากพูดขึ้นทันที“ท่านจุนเห็นแกทำงานเพื่อตระกูลหลินมาหลายปี ฉันก็อดสงสารไม่ได้ เอางี้แกมอบหมายงานทั้งหมดนี้ให้พวกเราจัดการแทนดีไหม บางทีฉันอาจจะให้แกได้ขอร้องอ้อนวอน ให้ไว้ชีวิตแกสักครั้งก็ได้นะ”
เย่เจี่ยและสวี่ชางมองไม่ได้พูดอะไร
ไป๋หยุนเผิงสบถหึออกมาหนึ่งที เหมือนกับไม่พอใจกับคำพูดของหลินยู่ชัง
ท่านจุนถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำ“ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นคนฆ่าเหลียงหมิงเยว่ แล้ววันนี้ฉันจะมีชีวิตรอดไปได้ไหม?”
พูดจบ ทั้งสี่คนก็ขมวดคิ้วทันที
ท่านจุนเห็นแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แค่พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ฉันรู้ จริงๆแล้วใครเป็นคนฆ่าเหลียงหมิงเยว่มันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพวกแกอยากรู้เป้าหมายของคุณชายสามคืออะไร?”
“ไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบ ก็ไม่มีใครเปิดปากพูดขึ้น ต่างนิ่งเงียบกัน
ท่านจุนส่ายหัวเล็กน้อย“พวกแกไม่ต้องหาแล้ว ต่อให้รู้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
“ทำไม?”หลินยู่ชังถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
ท่านจุนส่ายหัวอีกครั้ง ราวกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ พูดขึ้นแค่ว่า“ไปยุแหย่ไม่ได้ไง……”
หลินยู่ชังยิ่งเข้าใจยากขึ้นไปอีก“ยังมีใครที่ยุแหย่ไม่ได้อีก? ก่อนตาย คงจะไม่มีใครที่เก่งกาจยอดเยี่ยมหรอกมั้ง?”
พูดจบ ไม่มีใครคิดว่า จู่ๆท่านจุนจะชิงลงมือก่อน
ท่านจุนพุ่งตรงไปยังหลินยู่ชัง
ไป๋หยุนเผิงเป็นคนเก่งกาจที่สุด เขาไม่กล้าไปสู้ตรงๆ ส่วนเย่เจี่ย ที่พอรู้มาก็เป็นคนฝีมือดีที่แอบซ่อนไว้อยู่ เขาไม่กล้าเสี่ยง ถ้าอย่างนั้น ที่คุ้นเคยที่สุด ก็เหลือแค่หลินยู่ชังคนเดียวแล้ว
ขอแค่เขาจับตัวหลินยู่ชังไว้ได้ ก็สามารถข่มขู่พวกเขาได้ เพื่อให้ได้โอกาสในการหนีเอาชีวิตรอด
ตอนที่ชิงลงมือ ก็ทำให้พวกของไป๋หยุนเผิงเข้าใจเจตนาของเขา
แต่ไป๋หยุนเผิงอยู่ห่างเกินไป ลงมือไม่ทัน
ระยะห่างของเย่เจี่ยก็ไม่ทันเหมือนกัน
ท่านจุนมาอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ระยะห่างกันแค่สิบกว่าเซนติเมตรเท่านั้น
ในเวลานี้ ฉินซานที่อยู่ข้างหลังของหลินยู่ชังก็เข้ามา
ฉินซานกำหมัดขึ้นมา ซัดไปที่ท่านจุน
ท่านจุนไม่สนใจสักนิด
ในเมืองหลวง มีคนที่ฝีมือฉกาจทั้งหก
สองคนในนั้นอยู่ที่สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง อีกสามคนแยกกันอยู่ตามตระกูลหลิน ตระกูลเย่และตระกูลฉุง
ส่วนคนสุดท้าย แอบซ่อนเอาไว้ ไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา
แน่นอนว่า ถึงตระกูลไป๋จะไม่มีคนจากพวกคนฝีมือฉกาจทั้งหก ไม่ได้หมายความว่าตระกูลไป๋จะอ่อนแอ เพราะว่าตัวของไป๋หยุนเผิงก็เก่งกาจไม่ใช่น้อย
ท่านจุนก็เป็นหนึ่งในคนฝีมือฉกาจทั้งหกที่ทำงานให้กับตระกูลหลิน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่สนใจเลยสักนิดนั่นเอง
ในเมืองหลวง คนที่ฝีมือเก่งกาจอันดับหนึ่งอย่างกู่เล่อยังไม่กล้าไปยุแหย่คนฝีมือฉกาจทั้งหกเลย
ดังนั้น ในสายตาของเขา ไอ้หนุ่มวัยรุ่นที่จู่ๆก็พุ่งออกมานี้ แถมยังไม่ใช่กู่เล่ออีก เขากล้ามาลงมือกับตนเองแบบนี้ รนหาที่ตายชัดๆ
ท่านจุนก็กำหมัดขึ้นมา มุมปากยิ้มอย่างโหดร้าย สายตาที่มองฉินซาน ราวกับกำลังมองคนที่กำลังจะตาย
ทันใดนั้น ทั้งสองปะทะหมัดกัน
“ปึ้ง!”
แรงที่มากมายมหาศาลทำให้สีหน้าของท่านจุนตกใจไม่น้อย
ตอนที่เพิ่งจะปะทะกัน ท่านจุนนึกว่าจะเป็นแค่ไอ้หนุ่มน้อยที่รนหาที่ตายเท่านั้น
จู่ๆ ท่านจุนก็รู้สึกได้ว่ามันเริ่มแปลกๆไป
แรงมหาศาลแผ่กระจายออกมาทันที
ท่านจุนแทบจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ถอยหลังกลับไปหลายก้าว
พอยืนมั่นคงแล้ว ท่านจุนก็มองฉินซานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ฉินซานที่ถูกตนเองต่อยไป กลับไม่ถอยหลังเลยแม้แต่น้อย แต่ในทางกลับกันตนเองดันถูกฉินซานต่อยจนถอยหลังไป
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ ก็ทำให้พวกของไป๋หยุนเผิงตกใจอยู่เหมือนกัน สายตาของพวกเขาหันไปมองสำรวจฉินซานทันที
หลินยู่ชังกลับมีทีท่านิ่งสงบใจเย็น ดูท่าทางเหมือนรู้มาก่อนแล้ว
ไป๋ยี่เฟยก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ผู้ชายที่อยู่เหมือนกับฉินหัวคนนี้ ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
ฉินซานไม่ได้วางมือลงแค่นี้ พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว สองมือกำหมัด เล็งซัดเข้าไปที่หัวของท่านจุนอย่างแรง
ท่านจุนตกใจแต่ก็เขาก็ไม่ได้หลบ กลับพุ่งตรงเข้ามาหาฉินซาน พยายามใช้ไหล่ของตัวเองพุ่งเข้าไปชนกับฉินซาน
มือที่กำมัดชกออกไปของฉินซานแบออก ดึงมือกลับมา จับไหล่ของท่านจุนเอาไว้
คว้าเอาไว้แน่น หันตัวฟาดท่านจุนลงไปที่พื้นอย่างแรง
“ปึ้ง!”
ท่านจุนถูกฟาดลงบนพื้นดาดฟ้า กำลังจะลุกขึ้นมา กลับถูกเท้าของฉินซานเหยียบเอาไว้ก่อน
เท้าของฉินซานเหยียบตรงหน้าอกของท่านจุนเข้าพอดี
“อัก!”
ท่านจุนกระอักเลือดออกมา
ตอนนี้ การต่อสู้ของทั้งสองคนสิ้นสุดลงแล้ว ใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งนาที ไม่สิ ถ้าจะบอกให้เป๊ะๆ ใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบวินาทีด้วยซ้ำ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างอึ้งตะลึง
ไป๋ยี่เฟยก็ยิ่งอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ
ไป๋ยี่เฟยคิดว่า ในบรรดาลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาของท่านจุน เขาแทบจะเอาไม่อยู่ แต่ฉินซานคนนี้ กลับโหดร้ายขนาดนี้ แค่ท่าเดียวก็กดท่านจุนไว้กับพื้นได้แล้ว
เก่งกาจ!เก่งกาจมากจริงๆ!
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงฉินหัว
ฉินหัวก็เก่งเหมือนกัน ในตอนนั้นไป๋หู่บอกว่า พละกำลังของฉินหัวเท่ากับไป๋หยุนเผิง ส่วนพละกำลังของท่านจุนพอๆกับไป๋หยุนเผิง
แสดงว่า พละกำลังของฉินซานอยู่เหนือกว่าฉินหัวเสียอีก
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วหรือเปล่า?
หลินยู่ชังเดินตรงไปทีละก้าวๆ นั่งยองลง ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา“ท่านจุนตะกี้ฉันกำลังคิดเรื่องที่จะไว้ชีวิตนายอยู่เลย แต่นายกลับคิดจะฆ่าฉันเนี่ยนะ? มันไม่ดีเลยนะ”
ท่านจุนไอออกมาสองสามที อยากจะเงยหน้าขึ้นมา แต่เสียดายเท้าของฉินซานเหยียบเอาไว้อยู่ หน้าอกก็เจ็บ เขาแทบจะเงยไม่ขึ้นเลย ทำได้แค่ถอดใจ
“คิดไม่ถึงว่าข้างกายของคุณชายรองจะมีเด็กฝีมือเก่งกาจขนาดนี้ ซุ่มเอาไว้ไม่เปิดเผยเลยจริงๆ!”
“คิดว่าตระกูลหลิน หลังจากนี้ไปก็จะเป็นตระกูลหลินของคุณชายรองแล้วแน่ๆ……”
หลินยู่ชังไม่ได้พูดตอบ แต่ถามขึ้น“ข้อเสนอที่พูดเมื่อตะกี้คิดว่ายังไง? บอกหรือไม่บอก?”
“คุณชายรอง หยุดถามได้แล้ว ไม่มีประโยชน์กับคุณหรอก”ท่านจุนหลับตาลง
พูดจบ หลินยู่ชังก็เงียบลงสักพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา ลุกขึ้นยืน
ไป๋หยุนเผิง เย่เจี่ยและสวี่ชางเดินเข้ามา
หลินยู่ชังส่ายหัว“ท่านจุนไม่อยากบอก ไม่ยอมปริปากบอกจริงๆ”
ทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า
พวกเรารู้ดี คนแบบท่านจุน ไม่เหมือนกับพวกผู้ติดตามธรรมดาทั่วๆไป ไม่มีทางเปิดปากพูดเพียงเพราะว่าเหตุผลง่ายๆแน่นอน ไม่บอกก็คือไม่บอก
แต่ว่า ท่านจุนวันนี้เผยหน้าออกมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็พอจะเดาคนที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว
หลินยู่ชังมองๆไป๋หยุนเผิง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“พี่หยุนเผิง ให้เป็นหน้าที่ของคุณแล้วกัน”
พูดจบ หลินยู่ชังก็ส่งสายตาให้กับไป๋หยุนเผิงหนึ่งที ฉินซานก็ถอยกลับไป เดินตามหลินยู่ชังเข้าไปยังห้องโดยสาร
หลินยู่ชังเดินผ่านไป๋ยี่เฟย จู่ๆหยุดลง พูดขึ้น“ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของนายกับไอ้ลูกชายของตระกูลฉันไม่เลวเลยนี่?”
จากคำพูดของพวกเขาก็ทำให้ไป๋ยี่เฟยได้รู้ว่าหลินยู่ชังคนนี้เป็นพ่อของหลินขวาง ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบกลับไป“ใช่ครับ”
หลินยู่ชังก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็เดินจากไป