บทที่ 536
ขณะที่ไป๋ยี่เฟยกำลังคิดว่าเขาหมายความว่ายังไง จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้นมา
“ปั้ง!”
ไป๋ยี่เฟยหันไปดู ไป๋หยุนเผิงกำลังทิ้งปืนลงไปในทะเล ส่วนท่านจุนที่อยู่ใต้เท้า ก็ตายไปเรียบร้อยแล้ว
ตามมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นของไป๋หยุนเผิง“จะแตะต้องใครก็ได้ แต่ถ้ามาแตะต้องลูกชายของฉัน มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น!”
ตอนนี้ท่านจุนตายแล้ว ชายคนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นก็ตายแล้วเช่นกัน
พวกกลุ่มคนร้ายที่เหลือพอไม่มีหัวหน้าแล้ว ก็พากันตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป
ต่างมองหน้ากันเอง ราวกับว่ากำลังรอให้ใครสักคนออกคำสั่ง มาชี้นำพวกเขาอีกครั้ง
ในเวลานี้ เย่เจี่ยเดินเข้ามาหนึ่งก้าว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“หัวหน้าสองคนก็ตายไปแล้ว พวกแกยังจะต่ออีกไหม? อย่าบอกว่าฉันไม่เตือนพวกแก ต่อให้พวกแกจับพวกเราได้จริงๆ ก็ไม่มีใครให้เงินกับพวกแกอยู่ดี!”
พูดจบ ก็นิ่งเงียบไปสองสามวินาที พวกคนร้ายที่เหลืออยู่ ก็ทยอยกันวางมีดในมือลง จากนั้นก็ปีนลงไปตามเชือกที่ปืนขึ้นมาในตอนแรก นั่งสปีดโบ๊ทกลับไป
ในตอนนี้ แผนการสกัดกั้นการฆ่าก็ได้สิ้นสุดลง
คนที่อยู่บนดาดฟ้า เห็นความอันตรายเริ่มคลี่คลายลง ก็ทยอยกันลุกขึ้นมาด้วยความผ่อนคลาย
พูดคุยกันอย่างเบาๆ ทำให้เรือสำราญที่เงียบสงัดมานานเริ่มครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ก็ยืนอยู่ตรงระเบียง ในหัวว่างเปล่าไม่น้อย ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้เหมือนกับกำลังฝันไป
ไป๋ยี่เฟยนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของไป๋หยุนเผิงเมื่อตะกี้นี้อย่างไม่รู้ตัว
ลูกของฉันบอกว่าให้มันตาย วันนี้มันก็ต้องตาย!
จะแตะต้องใครได้หมด แต่ถ้ามาแตะต้องลูกชายของฉัน มีแต่ตายสถานเดียว!
คำพูดที่ทำให้มันซาบซึ้งใจคนมากขนาดนี้!
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ไป๋ยี่เฟยไม่รู้สึกอะไร
ถ้าไป๋ยี่เฟยอยู่ด้วยกันกับไป๋หยุนเผิงตั้งแต่เด็ก ได้รับความรักของพ่อ บางทีเขาก็อาจจะรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ว่ามันไม่ใช่
เขาถูกทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กมากๆ อาศัยอยู่ที่ชนบทมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ เนื่องด้วยเหตุผลนู่นนี่ ทำให้รู้สึกไม่ดีกับตระกูลไป๋มาตั้งแต่แรก ยิ่งไปต้องพูดถึงพ่อที่ใช้ลูกของตัวเองไปเป็นเหยื่อล่อ
ไป๋หยุนเผิงพูดขนาดนี้ ก็เพื่อจะลดความแค้นในใจของตัวเองให้เบาลง ก็เหมือนกับที่เขาพูด เพื่อชดใช้ให้นั่นเอง
ไป๋ยี่เฟยดูถูกดูแคลน
ในเวลานี้เอง ไป๋ฟยุนเผิงก็เดินเข้ามา
“ยี่เฟย……”
ไป๋ยี่เฟยไม่ให้โอกาสไป๋หยุนเผิงได้พูดอะไร หันตัวเดินไปก่อน
ในขณะนี้ ความรู้สึกที่มันไม่จริงก็ค่อยๆลอยออกไป แต่มันกลับทำให้เขายิ่งรู้สึกเพ้อฝันไม่จริงมากขึ้นมากว่าเดิม
ไป๋หยุนเผิงรีบตามไปทันที“ยี่เฟย พ่อรู้ว่าลูกไม่สบายใจ แต่เรื่องนี้มันก็อดไม่ได้จริงๆ มีหลายเรื่องที่ตอนนี้ลูกยังไม่เข้าใจ”
“แต่การที่เป็นคนของตระกูลไป๋ ก็ต้องผ่านการทดสอบอยู่ดี ลูกทำได้ดีมาก”
“ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่ ถ้าลูกอยากได้ พ่อช่วยลูกได้นะ”
“ลูก……”
“ไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของคุณ!”จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็หันกลับมา พูดขึ้นด้วยความโกรธ
น้ำเสียงตะคอกด้วยความโมโห ทำให้คนที่กำลังพูดคุยซุบซิบกันบนดาดฟ้าต่างพากันเงียบลง หันมองมา
ไป๋หยุนเผิงก็สะดุ้งกับเสียงตะคอกที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาของไป๋ยี่เฟยเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยสองตาแดงกล่ำ จ้องไป๋หยุนเผิงตาเขม็งพร้อมกับพูดขึ้น“อย่าตามผมมา!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็หันตัวเดินไป
ไป๋หยุนเผิงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่เดิม
เนื่องด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทุกคนต่างเงียบกันทันที ทำให้ไป๋หยุนเผิงได้ยินเสียงที่ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นมาต่อเช่นเดียวกัน
“ตระกูลไป๋อะไร?”
“แบบทดสอบอะไร?”
“ผมไม่สนเลยสักนิด”
“อย่าใช่ของพวกนี้มาคุมขังผม!”
ไม่ใช่แค่ไป๋ยี่เฟย ต่อให้ไม่ว่าใครก็ไม่อยากที่จะไปเป็นตัวหมากของคนอื่นทั้งนั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อแท้ๆแบบนี้ เอาชีวิตลูกของตัวเองไปเป็นเหยื่อล้อ ให้ไป๋ยี่เฟยมาเป็นตัวหมากให้โดยที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรสักนิดเลยด้วยซ้ำ
……
เย่เจี่ยเดินมาอยู่ข้างๆเย่ฮวน
“ลุงสี่”เย่ฮวนเรียกขึ้นมาหนึ่งคำ
เย่เจี่ยพยักหน้า ตบๆลงที่ไหล่ของเย่ฮวน พร้อมกับพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ไปทำเถอะ!ลุงสี่สนับสนุนนายเอง”
“อื้อ”เย่ฮวนพยักหน้าอย่างแรง
ตั้งแต่ตระกูลของเขาถูกภัยพิบัติต่างๆนานารุมล้อม หลังจากที่ทรุดลงไปอย่างไม่มีทางฟื้นกลับมาได้ เย่เจี่ยก็คอยช่วยเย่ฮวนมาโดยตลอด เย่เจี่ยเป็นคนคอยสนับสนุนเย่ฮวน ในตอนนั้นลุงสี่ก็เป็นแบบนี้ บอกว่าลุงสี่สนับสนุนนายเต็มที่
ลุงสี่ยังบอกอีกว่า“ต่อให้ในรุ่นนี้ นายจะเป็นคนโดดเด่นที่สุด แล้วพวกเขาจะปฏิบัติกับนายแบบนี้ก็ตาม แต่นายต้องรู้ไว้นะ ยิ่งสุดยอดมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้คนอิจฉามากขึ้นเท่านั้น”
“นายออกไปจากเมืองหลวงก่อน รอทางลุงสี่ดีขึ้นแล้ว ลุงสี่จะให้นายกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง”
เพราะว่าแรงสนับสนุนดูแลที่เย่เจี่ยมอบให้กับเย่ฮวน ทำให้เย่ฮวนเคารพและรู้สึกขอบคุณเขามากๆ
คนอื่นๆบนดาดฟ้าได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มีการช่วยเหลือจากตระกูลเย่แห่งเมืองหลวง ตำแหน่งประธานของสหพันธ์ธุรกิจ เกรงว่าจะตกเป็นของเย่ฮวนซะแล้วสิ
ทุกคนต่างพากันส่งสายตาอิจฉา
“ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจนี้น่าจะเป็นของเย่ฮวนแล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ มีการสนับสนุนจากตระกูลเย่แห่งเมืองหลวง ร้อยเปอร์เซ็นต์!”
“แล้วบัตรเลื่อนขั้นก่อนหน้านี้ล่ะ ไม่มีประโยชน์แล้วใช่ไหม?”
“เอ๊ะ พอคุณพูดมา ไป๋ยี่เฟยก็มีบัตรสองใบไม่ใช่หรือไง?”
“แล้วมันทำไม? เมื่อตะกี้คุณไม่ได้ยินที่เขาปฏิเสธการสนับสนุนจากตระกูลไป๋หรือไง?”
“ก็ใช่ ทำไมเขาถึงได้โง่ขนาดนั้นนะ มีการสนับสนุนจากตระกูลไป๋ยังปฏิเสธอีก!”
“จุ๊ๆ เงินหกพันล้านั้นก็หายหมดเลยน่ะสิ!”
เย่เจี่ยกับเย่ฮวนไม่ได้สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกผู้คน
“ไปดูเฝิงเซียนเซียนสักหน่อยสิ เมื่อตะกี้เธอเจอกับอันตรายนิดหน่อยน่ะ” เย่เจี่ยตบๆลงที่ไหล่ของเย่ฮวน
เย่ฮวนได้ยินแบบนั้นก็ตกใจใหญ่ พยักหน้ากับเย่เจี่ย ก่อนจะวิ่งไปที่ห้องโดยสารด้วยความรวดเร็ว
เย่เจี่ยส่ายหัวเล็กน้อย เดินมาอยู่ข้างๆไป๋หยุนเผิง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“นี่ยังดีนะ อย่ากังวลไปเลย ยังไงก็ดีกว่าตระกูลอื่นๆล่ะนะ”
ไป๋หยุนเผิงถอนหายใจออกมาหนึ่งที
ที่พูดมาก็ถูก วันนี้รู้ว่าลูกสามของตระกูลหลินเป็นคนก่อเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายรองหลินและคุณชายสามก็ต้องตัดขาดแล้ว เรื่องหลังจากนั้นไม่พูดก็แล้วกัน
ส่วนตระกูลฉุง จริงๆแล้วไม่ได้มีเรื่องอะไร แต่ลูกชายสุดที่รักของคุณชายสาม ฉุงโยวเวยถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าไปน่ะสิ
สำหรับตระกูลเย่แล้ว เรื่องพวกนี้มันทำให้รู้สึกใจคอไม่ดีอย่างมาก
เมื่อเทียบกันแล้ว ไป๋หยุนเผิงก็ถือว่าดีแล้ว แต่แค่ว่าความสัมพันธ์กับไป๋ยี่เฟยมันไม่คุ้นเคยกันก็เท่านั้น
ไป๋หยุนเผิงส่ายหัว ไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว พูดถามเย่เจี่ย“บอดี้การ์ดที่ตามหลังหลินยู่ชังคนนั้น คุณว่ายังไง?”
“ดูท่าทางจริงจัง ในความจริงดูมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่นิดหน่อย แต่พละกำลังแข็งแกร่งจริงๆ” เย่เจี่ยพูดตามความจริง“ถ้าเทียบกับคนฝีมือฉกาจทั้งหกแล้ว เขาน่าจะอยู่ประมาณลำดับที่สามได้”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของเย่เจี่ย แต่ว่า“เขายังเด็กมาก แต่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วนี่สิ……”
เย่เจี่ยได้ยินแบบนั้นแววตาก็เปล่งประกาย พูดขึ้นอย่างครุ่นคิด“จะไปหาเขาไหมล่ะ……”
พูดพลาง เย่เจี่ยก็ทำท่าเชือดคอไปด้วย
ไป๋หยุนเผิงคิดๆ ส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้น“ตอนนี้อย่าก่อน ไม่ใช่ว่าตระกูลหลินจะไม่มีพละกำลังเลยซะหน่อย ไม่อย่างนั้น ป่านนี้ตระกูลหลินเละไปตั้งนานแล้ว”
“ก็ใช่” เย่เจี่ยพยักหน้า
……
ภายในห้องพัก ไป๋ยี่เฟยนอนอยู่บนเตียง ในหัวว่างเปล่า
หวังโหลวเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น“เมื่อตะกี้ฉันได้ยินมาว่าเย่เจี่ยประกาศว่าจะสนับสนุนเย่ฮวน มีแรงสนับสนุนจากเย่เจี่ยแล้ว ตำแหน่งประธานของสหพันธ์ธุรกิจ……”
ไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ